‘ซิมบับเว’ เพิ่มโควตากำจัด ‘ช้าง’ หวังลดความขัดแย้งคนกับสัตว์ป่า

“ซิมบับเว” อนุญาตให้ฆ่าช้างได้ 50 ตัวในเขตอนุรักษ์สำคัญ เพื่อแก้ปัญหาจำนวนประชากรช้างที่เพิ่มขึ้น ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่า
“ซิมบับเว” อนุญาตให้ฆ่าช้างได้ 50 ตัวในเขตอนุรักษ์สำคัญ เพื่อแก้ปัญหาจำนวนประชากรช้างที่เพิ่มขึ้น ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่าที่รุนแรง และสร้างความกดดันต่อสิ่งแวดล้อม
ตินาเช ฟาราโว โฆษกสำนักงานจัดการสัตว์ป่าและสวนสาธารณะซิมบับเวกล่าวว่า สำนักงานอนุรักษ์สัตว์ป่าเซฟวัลเลย์เขตสงวนสัตว์ป่าเอกชนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในแอฟริกา ได้รับใบอนุญาตสำหรับ “การจัดการช้าง” ภายในเขตอนุรักษ์ เนื่องจากปัจจุบันช้างอยู่ถึง 2,550 ตัว มากกว่าความจุของสำนักงานอนุรักษ์ถึงสามเท่า
ฟาราโวกล่าวในแถลงการณ์ว่า “โควตาการจัดการมีไว้เพื่อจัดการกับประชากรช้างที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาค”
ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับสัตว์ป่า เช่น ช้าง สิงโต และไฮยีนา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 18 รายทั่วประเทศในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2025 ทางการอุทยานจำเป็นต้องฆ่าสัตว์ที่สร้างปัญหาไป 158 ตัวในช่วงเวลาดังกล่าว
ซิมบับเว มีช้างมากเป็นอันดับสองของโลก รองจาก “บอตสวานา” ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในอุทยานแห่งชาติฮวางเก ซึ่งมีพื้นที่เกือบ 14,700 ตร.กม.
ซิมบับเวมีการกำจัดช้างครั้งล่าสุดเมื่อปี 1988 โดยเนื้อช้างจากการจัดการจะถูกแจกจ่ายให้กับชุมชนในท้องถิ่น ส่วนงาช้างจากช้างจะถือเป็นทรัพย์สินของรัฐ และจะส่งมอบให้กับ ZimParks หน่วยงานของรัฐบาลซิมบับเวที่บริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ เพื่อเก็บรักษาอย่างปลอดภัย
นอกจากการกำจัดช้างแล้ว ซิมบับเวยังมีระบบติดตามช้างด้วยการสวมปลอกคอ GPS ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามช้างที่มีปลอกคอได้แบบเรียลไทม์ผ่านแพลตฟอร์ม EarthRanger โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันการเผชิญหน้าอันตรายระหว่างคนกับช้าง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้คนและช้างต้องแย่งอาหารกันบ่อยมากขึ้น โดยเป็นความร่วมมือกันระหว่าง ZimParks และ กองทุนระหว่างประเทศเพื่อสวัสดิภาพสัตว์ (IFAW)
“ภัยแล้งกำลังเลวร้ายลง ช้างกินผลผลิตของพวกเราที่มีอยู่น้อยนิด” เซนเซนี ซิบันดา สมาชิกสภาท้องถิ่นและเกษตรกรกล่าว
นอกจากนี้ ระบบยังบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ เช่น พืชผลเสียหายหรือการโจมตีผู้คนและปศุสัตว์โดยสัตว์นักล่า เช่น สิงโตหรือไฮยีนา และการโจมตีของสัตว์ป่าเพื่อตอบโต้โดยมนุษย์ รวมถึงยังสามารถแจ้งเตือนได้ว่าผู้พิทักษ์ชุมชนอยู่ที่จุดใด โดยเจ้าหน้าที่สามารถถ่ายรูปเพื่อบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ได้
ภารกิจติดปลอกคอช้างเพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน ในตอนนี้ได้สวมปลอกคอให้ช้างไปแล้ว 16 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นช้างจ่าฝูง ช่วยให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าสามารถติดตามช้างทั้งฝูงได้ โดยแบตเตอรี่ที่ปลอกคอสามารถใช้งานได้นานระหว่าง 2-4 ปี
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการเพิ่มโควตาการกำจัดช้างเพิ่มมากขึ้น แต่ชาวบ้านยังมองว่าไม่เพียงพอสำหรับการแก้ไขปัญหาระหว่างคนกับช้าง
ที่มา: AP News, Bloomberg, Reuters







