วันสิ่งแวดล้อมโลก 2025 หยุดมลพิษจากพลาสติก มรดกที่โลกไม่ต้องการ

วันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนายน 2025 จัดขึ้นภายใต้ธีม #BeatPlasticPollution กระตุ้นทั่วโลกตระหนักถึงปัญหาและแก้ไขวิกฤตมลพิษพลาสติก
KEY
POINTS
- วันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนายน 2025 จัดขึ้นภายใต้ธีม #BeatPlasticPollution
- กระตุ้นทั่วโลกตระหนักถึงปัญหาและแก้ไขวิกฤตมลพิษพลาสติก
- จังหวัดเชจู ประเทศเกาหลีใต้ เป็นเจ้าภาพวันสิ่งแวดล้อมโลก 2025 และตั้งเป้าปลอดพลาสติกภายในปี 2040
- มลพิษพลาสติกเป็นปัจจัยเร่งให้เกิด 3 วิกฤติใหญ่ระดับโลก
- ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากมลพิษพลาสติกสูงถึง 300,000 - 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
- ประเทศไทย มีขยะทะเลมากถึง 1 ล้านตันต่อปี โดยส่วนใหญ่มาจาก 23 จังหวัดชายฝั่ง
คำว่า “มลพิษจากพลาสติก” ไม่ใช่แค่ถ้อยคำบนโปสเตอร์ หรือแฮชแท็กหน้าฟีดในโซเชียลมีเดีย หากแต่คือความจริงอันน่าตกใจที่สะท้อนผ่านตัวเลขซึ่งยากจะมองข้าม โลกของเราผลิตพลาสติกมากกว่า 400 ล้านตันต่อปี โดยกว่าครึ่งหนึ่งเป็นพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว ที่ใช้เวลาย่อยสลายหลายร้อยปี
ที่น่าเศร้ายิ่งกว่าคือ มีพลาสติกเพียง ไม่ถึง 10% เท่านั้นที่ถูกรีไซเคิลอย่างถูกต้อง ส่วนที่เหลือ? หลายล้านตันไหลลงสู่ทะเล แม่น้ำ และกระจายตัวแทรกซึมอยู่ในธรรมชาติ โดยในแต่ละปี มีพลาสติกมากถึง 11 ล้านตัน ไหลลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ และนักวิทยาศาสตร์คาดว่า ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ตัวเลขนี้อาจเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ภายในปี 2040
นอกจากนั้น จากรายงานของ World Economic Forum และ Ellen MacArthur Foundation คาดการณ์ว่า หากเรายังคงผลิตและทิ้งพลาสติกในอัตราปัจจุบัน ภายในปี 2050 มหาสมุทรอาจมีพลาสติกมากกว่าปลา (โดยน้ำหนัก)
นี่คือภาพสะท้อนของวิกฤติสิ่งแวดล้อมที่โลกกำลังเผชิญอยู่ และในปี 2025 นี้ “วันสิ่งแวดล้อมโลก” (World Environment Day) ซึ่งจัดขึ้นทุกวันที่ 5 มิถุนายน ของทุกปี จึงมาพร้อมธีม Beat Plastic Pollution “หยุดมลพิษจากพลาสติก”
เพราะมลพิษจากพลาสติกคือ “ตัวเร่ง” ให้ 3 วิกฤติการณ์ระดับโลกทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงปัญหามลพิษและขยะที่กำลังครอบงำทุกภูมิภาคบนโลกใบนี้
ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากมลพิษพลาสติกไม่ได้มีแค่ในเชิงสิ่งแวดล้อม แต่ยังมีผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน โดยต้นทุนทางสังคมและสิ่งแวดล้อมจากมลพิษพลาสติกในแต่ละปีสูงถึง 300,000 ถึง 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตัวเลขที่เตือนว่า เรากำลัง “จ่ายแพง” เพื่อความสะดวกสบายชั่วครู่ของพลาสติกใช้ครั้งเดียว
ปัญหานี้เกิดจากการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวและการจัดการขยะที่ไม่ดี ซึ่งทำให้พลาสติกไหลลงสู่ทะเลและสะสมอยู่ในระบบนิเวศทางทะเล ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำและสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง.
ปีนี้ จังหวัดเชจู ประเทศเกาหลีใต้รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพของวันสิ่งแวดล้อมโลก โดยได้ประกาศวิสัยทัศน์ที่จะปลอดมลภาวะจากพลาสติกภายในปี 2040 เป็นจังหวัดเดียวในประเทศที่ขยะในครัวเรือนต้องถูกกำจัดในศูนย์สนับสนุนการรีไซเคิลที่กำหนด และเน้นย้ำแนวคิดว่า การหยุดมลพิษจากพลาสติกไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลอย่างเดียว แต่คือเรื่องของทุกคน ทุกบ้าน และทุกองค์กร
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย โดยเฉพาะสำหรับคนไทย จากรายงานของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ประเทศไทยมีขยะทะเลมากถึง 1 ล้านตันต่อปี ส่วนใหญ่ไหลมาจากพื้นที่ 23 จังหวัดชายฝั่ง ภาพของเต่าทะเลที่ติดถุงพลาสติก หรือวาฬที่พบถุงขยะในท้องมากกว่า 80 ชิ้น กลายเป็นข่าวที่เราเห็นจนชินชา แต่คำถามคือ… เราทำอะไรไปแล้วบ้าง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) จัดทำแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ 1 (พ.ศ.2563 – 2565) ดำเนินการแบบมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วน โดยมีมาตรการที่ได้ดำเนินการแล้ว อาทิ ห้ามใช้พลาสติกบางประเภท ห้ามผลิต นำเข้าและจำหน่ายไมโครบีด ยกเลิกการใช้แคปซีลบนฝาขวดน้ำดื่ม เป็นต้น
สำหรับแผนฯ ระยะที่ 2 (พ.ศ.2566 – 2570) มุ่งเน้นการรีไซเคิลขยะพลาสติก 100% โดยส่งเสริมการปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งเพื่อให้ง่ายต่อการรีไซเคิล ทั้งนี้ ทส. ได้ร่วมกับภาคเอกชนประกาศเจตนารมณ์ความร่วมมือ ยกระดับการดำเนินงานมุ่งสู่เป้าหมาย Thailand Net Zero 2065
สำหรับประเทศไทย การเริ่มต้นอาจเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ อย่างการพกถุงผ้า ปฏิเสธหลอดพลาสติก หรือแยกขยะให้ถูกวิธี แต่มันอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ หากคนทั้งสังคมร่วมมือกัน
แม้ในภาพรวมจะดูมืดมน แต่ยังมีแสงสว่างเล็กๆ ที่ปลายอุโมงค์ นักวิทยาศาสตร์ในญี่ปุ่นเพิ่งพัฒนาพลาสติกชนิดใหม่ที่สามารถละลายในน้ำทะเลได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง โดยไม่ทิ้งสารพิษตกค้าง และในระดับนานาชาติ ความร่วมมืออย่าง Global Plastic Action Partnership (GPAP) ก็กำลังขยายขอบเขตไปยัง 25 ประเทศ รวมถึงประชากรกว่า 1.5 พันล้านคน เพื่อสร้างระบบจัดการพลาสติกที่ยั่งยืน
ในวันสิ่งแวดล้อมโลก 2025 นี้ อย่าเพียงแค่อ่านหรือแชร์แฮชแท็ก แต่ลองหยุดคิดสักนิดก่อนจะหยิบพลาสติกชิ้นต่อไป เพราะไม่แน่ว่า... สิ่งเล็กๆ ที่คุณเปลี่ยนวันนี้ อาจคือจุดเปลี่ยนของโลกในวันพรุ่งนี้







