‘ญี่ปุ่น’ ออกกฎหมายปกป้องพนักงานจากความร้อนในที่ทำงาน

‘ญี่ปุ่น’ ออกกฎหมายปกป้องพนักงานจากความร้อนในที่ทำงาน

รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกกฎหมายเข้มงวดยิ่งขึ้น หลังจากที่พนักงานได้รับผลกระทบจากอุณหภูมิที่ร้อนจัดในช่วงฤดูร้อนปี 2024

KEY

POINTS

  • ญี่ปุ่น” ออกกฎหมายฉบับใหม่เพื่อปกป้องพนักงานจากอุณหภูมิที่สูงเกินไป บริษัทต่าง ๆ จะต้องเสียค่าปรับหากไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันที่เหมาะสม
  • กำหนดให้ผู้จ้างงานต้องปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติ เพื่อค้นหาและช่วยเหลือคนงานที่ป่วยเป็นโรคลมแดดอย่างรวดเร็ว และจัดหาบริการขนส่งฉุกเฉินไปยังโรงพยาบาลหรือคลินิก
  • ปี 2024 ญี่ปุ่นมีผู้เสียชีวิตจากอากาศร้อนในที่ทำงานสูงถึง 30 รายและบาดเจ็บจนต้องหยุดงานไปมากกว่า 4 วันประมาณ 1,200 ราย เป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปี

ญี่ปุ่น” ออกกฎหมายฉบับใหม่เพื่อปกป้องพนักงานจากอุณหภูมิที่สูงเกินไป บริษัทต่าง ๆ จะต้องเสียค่าปรับหากไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันที่เหมาะสม โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ถือเป็นนโยบายด้านความปลอดภัยจากความร้อน สำหรับพนักงานที่ไม่ค่อยมีประเทศไหนให้ความสำคัญ

กฎหมายฉบับนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ปี 2024 อากาศร้อนอบอ้าวในที่ทำงานทำให้มีผู้เสียชีวิตสูงถึง 30 รายและบาดเจ็บจนต้องหยุดงานไปมากกว่า 4 วันประมาณ 1,200 ราย เป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปี โดยส่วนใหญ่เป็นแรงงานภาคก่อสร้างหรือการผลิต ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่น

โรคลมแดด” สามารถเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เกิดจากอุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้น จนส่งผลให้อวัยวะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว ตามรายงานขององค์การอนามัยโลกเมื่อปีที่แล้ว ระบุว่าระหว่างปี 2000-2019 มีผู้เสียชีวิตจากความร้อนเกือบ 500,000 คนต่อปี 

นอกจากผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนแล้ว อุณหภูมิที่สูงขึ้นยังส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของคนงานอีกด้วย ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากคลื่นความร้อนที่มีต่อเศรษฐกิจ

จากการศึกษาวิจัยขององค์การแรงงานระหว่างประเทศในปี 2019 พบว่าคนงานที่ทำงานหนักปานกลางจะสูญเสียความสามารถในการทำงานไปครึ่งหนึ่ง เมื่ออุณหภูมิอยู่ที่ 33-34 องศาเซลเซียส นอกจากนี้รายงานยังประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจจากความเครียดจากความร้อนภายในปี 2030 อยู่ที่ 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ หากไม่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ในปี 2024 เป็นครั้งแรกที่อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกสูงกว่าระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม 1.5 องศาเซลเซียส และคาดว่าอุณหภูมิโลกจะเพิ่มขึ้นจนถึงระดับสูงสุดในอีก 5 ปีข้างหน้า ตามข้อมูลขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก

กฎหมายของญี่ปุ่นกำหนดให้ผู้จ้างงานต้องปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติ เพื่อค้นหาและช่วยเหลือคนงานที่ป่วยเป็นโรคลมแดดอย่างรวดเร็ว สนับสนุนให้บริษัทใช้ระบบบัดดี้ในสถานที่ทำงาน แจกจ่ายอุปกรณ์สวมใส่สำหรับติดตามพนักงาน และจัดหาบริการขนส่งฉุกเฉินไปยังโรงพยาบาลหรือคลินิก

นายจ้างควรตรวจสอบดัชนีอุณหภูมิเวตบัลบ์โกลบ หรือ WBGT (Wet Bulb Globe Temperature) ซึ่งใช้สำหรับประเมินผลกระทบของร่างกายจากการได้รับความร้อนสะสมระหว่างทำงาน รวมถึงความร้อนจากสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ซึ่งต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น อุณหภูมิและความชื้น และต้องมีมาตรการเฉพาะสำหรับสถานที่ทำงานที่มีค่าดัชนีเกิน 28 องศาเซลเซียส หรืออุณหภูมิบรรยากาศ 31 องศาเซลเซียสนานกว่าหนึ่งชั่วโมง หรือรวมกันแล้วมากกว่า 4 ชั่วโมงภายในหนึ่งวัน

ขณะนี้บริษัทต่าง ๆ ในญี่ปุ่นกำลังปรับปรุงมาตรการเกี่ยวกับโรคลมแดดอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่นบริษัท Shimizu Corp. ผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ที่มีพนักงานมากกว่า 20,000 คน กำลังดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ เช่น การพักเบรกตามดัชนีความร้อนและการวัดอุณหภูมิร่างกายภายในโดยใช้เครื่องมือสวมใส่ อย่างเคร่งครัด

ขณะที่บริษัท Yamato Transport ผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุ มีเตรียมแจกเสื้อกั๊กติดพัดลม 75,000 ตัวให้กับคนงาน รวมถึงผู้ที่ใช้รถเข็นและจักรยานในการส่งพัสดุ อีกทั้งติดตั้งอุปกรณ์สำหรับวัดค่า WBGT จำนวน 3,000 ตัวในสถานที่ประกอบการเพื่อติดตามสภาพการทำงานได้ดีขึ้น 

ยูริ โฮโซกาวะ ผู้ช่วยศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยวาเซดะ กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้มีศักยภาพอย่างมากในการลดการเสียชีวิตจากโรคลมแดดที่เกิดจากการทำงานและการออกกำลังกาย

นอกจากญี่ปุ่นแล้ว รัฐแคลิฟอร์เนียและวอชิงตันของสหรัฐ ก็มีการออกกฎระเบียบที่คล้ายคลึงกันเพื่อคุ้มครองคนงาน และสำนักงานความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของสหรัฐเสนอให้กำหนดมาตรฐานระดับรัฐบาลกลาง เพื่อแก้ปัญหาแรงงานเสียชีวิตจากความร้อน ตามข้อมูลของกระทรวงแรงงานพบว่า ระหว่างปี 2011- 2020 มีผู้เสียชีวิตโดยเฉลี่ย 40 รายต่อปี จากความร้อนในสิ่งแวดล้อม


ที่มา: BloombergBusiness StandardThe Japan Times