WHA ชี้เทรนด์โลกมุ่งสู่พลังงานสะอาด จี้รัฐออกนโยบายให้ชัด!

WHA ชี้เทรนด์โลกมุ่งสู่พลังงานสะอาด จี้รัฐออกนโยบายให้ชัด!

WHA ชี้เทรนด์โลกพลังงานสะอาดแรงไม่สน "ทรัมป์ 2.0" จี้รัฐกำหนดนโยบายให้ชัดเจน เอกชนไทยพร้อม "Go Green" ชี้โอกาสธุรกิจใหม่เพียบ!

ธนาคารกสิกรไทย จัดงาน "EARTH JUMP 2025: Transition thru Turbulence" รวมพลังผู้นำระดับโลกและประเทศเจาะลึกวิสัยทัศน์และแนวทางเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ เปิดเวทีแสดงวิสัยทัศน์จากธนาคารกสิกรไทย และเวทีถอดบทเรียนธุรกิจและนวัตกรรมจาก ThaiCBN (Thailand Climate Business Network)

สำหรับหัวข้อ "New Climate World Order ระเบียบโลกใหม่ กฎใหม่ เกมเปลี่ยนผ่าน" โดย น.ส.จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group กล่าวว่า แม้นโยบายทรัมป์ 2.0 จะเน้นพลังงานดั่งเดิมแต่ทิศทางนักลงทุนโดยลูกค้าของ WHA ยังไม่ถอยนโยบายสีเขียว โดยสอบถามถึงความคืบหน้าของสัญญา FTA กับสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนรอคอยมานาน ดังนั้น ในฐานะผู้จัดการนิคมอุตสาหกรรมครบวงจร ที่มีลูกค้าข้ามชาติจำนวนมาก ต่อให้สหรัฐฯ มีนโยบายเปลี่ยนแปลงอย่างไรนักลงทุนทั้งหมดก็ยังคงนโยบายเดิมตามเทรนด์โลกที่ต้องการพลังงานสะอาด ราคาถูก ตามแนวคิด "หากสะอาดแล้วกินไม่ได้ก็ไม่มีใครทำ"         

WHA ชี้เทรนด์โลกมุ่งสู่พลังงานสะอาด จี้รัฐออกนโยบายให้ชัด!

ดังนั้นการทำด้าน ESC เป็นการลงทุนที่ไม่ใช่ต้นทุน สมัยก่อนการลงทุนโซลาร์เซลล์มีต้นทุนถึง 150 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์ ต่อมาสมัยนี้เฉลี่ยที่ 20 ล้านบาทต่อเมกกะวัตต์ ถือว่าจะมารองรับกลุ่มลูกค้าดาต้าเซ็นเตอร์ที่ต้องการพลังานสะอาดจำนวนมหาศาลเพื่อก้าวสู่นโยบาย "โกกรีน" อีกทั้ง เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกจากสหรัฐฯ ได้ยืนยันที่จะใช้พลังงานสะอาดจำนวนมาก เพราะโดนกดดันจากลูกค้ามาอีกทาง 

รวมถึงกลุ่มโลจิสติกส์ ที่ทั้งโลกต่างมุ่งเป้าไปสู่การใช้งานรถอีวีมาแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งหากไม่ถูกกว่าก็ไปไม่ได้ แต่อนาคตราคาจะถูกลง เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมน้ำ จะเห็นว่าในนิคมฯ ของ WHA ที่มีการใช้น้ำปริมาณสูงมารีไซเคิล เช่น น้ำ 100 ล้านลูกบาศก์เมตร ก็สามารถพัฒนาระบบนําน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่ (Water Reclamation) หลายล้านลูกบาศก์เมตร อีกทั้งยังขายได้ราคาให้กับลูกค้าด้วย เกิดเป็นธุรกิจใหม่ต่างๆ เกิดขึ้น ทั้งธุรกิจระบบกักเก็บพลังงาน (แบตเตอรี่) รวมถึงการศึกษาเทคโนโลยี SMR เป็นต้น สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าภาคเอกชนไม่สนนโยบายทรัมป์ 2.0  

นอกจากนี้ นโยบายการเงินสีเขียวถือเป็นสิ่งสำคัญมาก สิ่งที่ประเทศไทยต้องทำนโยบายสำคัญคือ กรีนอีโคโนมี ที่ต้องกำหนดให้ชัดเจน โดยสนับสนุนก่อนแล้วค่อยบังคับ จากที่ผ่านมาบอกแค่ว่าจะมีการปรับภาษีอย่างเดียวแต่ภาครัฐก็ไม่มีเครื่องมือเข้ามาช่วย ภาคธุรกิจโดนขู่มาตลอดซึ่งรายใหญ่ไม่กลัว แต่รายย่อยอย่าง SME มีความกังวลเพราะมองว่าเป็นต้นทุนและไปต่อยาก ดังนั้น นโยบายต้องชัดเจนว่าจะไปอย่างไร ทั้งในเรื่องของภาษี และการปล่อยเงินกู้เพื่อเพิ่มทางเลือกดต่างๆ ทั้งด้าน กรีน อินฟราสตรัคเจอร์ รวมถึงเรื่องเทคโนโลยี และกำลังคน    

"อนาคตทั้งโซลาร์ หรือ เทคโนโลยี SMR จะต้องมีแบตเตอรี่เข้ามาเยอะขึ้น ภาคนโยบายจะรีไซเคิ่ลอย่างไร ส่วนคนเราเข้าใจมากน้อยแค่ไหน ต้องผลิตคนให้เข้าใจรวมถึงการเซอร์คูลาร์ทั้งระบบ เพราะทำคนเดียวไม่ได้ เมื่อมีคาร์บอนเครดิตจะขายต่างชาติอย่างไร ภาครัฐจึงต้องกำหนดกฎระเบียบให้ชัดเจน โดยเฉพาะระเบียบที่ต้องคุยหลายกระทรวง"   

ทั้งนี้ รัฐบาลพยายามดึงกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ต่างชาติเข้ามาในประเทศแต่มาตรการการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct PPA) ยังทำไม่ได้โดยบอกว่าติดที่ระบบสายส่ง ซึ่งการแก้ไขอาจต้องยอมออกนอกกรอบบ้าง ดังนั้น จึงมีหลายเรื่องที่ต้องคุยกัน เพราะเป็นโลกยุคใหม่ ซึ่งไทยจะคว้าโอกาสหรือโดนทิ้ง จะเป็นคู่ค้าหรือคู่แข่ง ดังนั้น หากจะเป็นคู่ค้าจะต้องมีอะไรที่เท่าเทียม ประเทศไทยมีดีมากมาย มีคนเก่งที่มีความรู้แต่ต้องคุยกันให้ดี

WHA ชี้เทรนด์โลกมุ่งสู่พลังงานสะอาด จี้รัฐออกนโยบายให้ชัด!

ดังนั้น อยากแนะนำให้เอกชนเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่โลกยุคใหม่ นโยบายความยั่งยืนเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อทั้งโลกไปหมดไทยจะไปได้หรือไม่จะต้องวางภาพการทำธุรกิจที่ต้องมีรายได้ที่มาจากลูกค้า เมื่อลูกค้าไม่ซื้อสินค้าเพราะไม่ตอบโจทย์คาร์บอน จึงอย่าคิดว่าทำไม่ได้ การปรับปรุงกระบวนการผลิตลดการใช้อย่างไรต้องกางแผนนำอินโนเวชั่นมาสร้างรายได้อนาคตให้เติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่กับการดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและลูกค้าหรือผู้ถือหุ้นเพื่อโกกรีนไปด้วยกัน ซึ่งจะเป็นโอกาสและทางรอดเพื่อสู้กับเวทีโลกได้