ทุนจีนรุก 'แรร์เอิร์ธ' เมียนมา 'ไทย' เร่งยื่นทำเหมืองคุมมลพิษ

ทุนจีนรุก 'แรร์เอิร์ธ' เมียนมา 'ไทย' เร่งยื่นทำเหมืองคุมมลพิษ

“จีน” รุกลงทุนเหมืองแรร์เอิร์ธในเมียนมา ใช้เทคโนโลยีละลายแร่ใต้ดิน กระทบสารปนเปื้อนรั่วไหลลงแม่น้ำกก รัฐบาลไทยเร่งรับมือผลกระทบ “ประเสริฐ” เตรียมบินไปเจรจาเมียนมาแก้ปัญหา ยื่นข้อเสนอการทำเหมืองถูกวิธี

KEY

POINTS

  • เจรจากับเมียนมา : รัฐบาลไทยจะเร่งเจรจาระดับนโยบายเพื่อแก้ปัญหาแหล่งกำเนิดมลพิษ
  • จัดการน้ำ : สร้างฝายชะลอน้ำ และฝายดักตะกอนเพื่อลดสารปนเปื้อน
  • เฝ้าระวัง : ตรวจสอบคุณภาพน้ำ และสุขภาพประชาชนถี่ขึ้น พร้อมเตือนให้เลี่ยงการใช้น้ำจากธรรมชาติโดยตรง
  • สาธารณสุข : ยืนยันพบสารหนูเกินค่าในน้ำผิวดิน แต่ยังไม่กระทบน้ำประปา พืช ผัก หรือสุขภาพประชาชนโดยตรง

ปัญหาการปนเปื้อนของสารหนู และตะกั่วที่เกินค่ามาตรฐานในแหล่งน้ำสำคัญอย่างแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง บริเวณพื้นที่จังหวัดเชียงราย ได้กลายเป็นประเด็นที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญ และเร่งดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจัง

นายสนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ กล่าวว่า แม่น้ำกก และแม่น้ำสายในพม่ากำลังเผชิญปัญหามลพิษจากสารเคมี โดยมีต้นตอหลักมาจากการทำเหมืองแร่ที่อยู่บริเวณชายแดนไทย-พม่า ซึ่งต้นตอของสารเคมีแบ่งได้ ดังนี้

1.แม่น้ำกก สารเคมีส่วนใหญ่มาจากเหมืองแร่ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองสาต รัฐฉานฝั่งเมียนมา ห่างจากชายแดนไทย 25 กิโลเมตร เหมืองเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นของจีน และใช้วิธีการส่งสารเคมีผ่านเนินเขาเพื่อละลายแร่ แล้วสูบสารเคมีดังกล่าวกลับมาบ่อพัก ซึ่งสารเคมีเหล่านี้รวมถึงสารหนู และตะกั่วที่ไหลลงสู่แม่น้ำกก ซึ่งเป็นต้นน้ำ

2.แม่น้ำสาย สารเคมีมาจากเหมืองแร่ขนาดใหญ่ทางตะวันออกของเมียนมา ห่างจากอำเภอแม่สาย 20 กิโลเมตร เหมืองเหล่านี้ใช้ไซยาไนด์เป็นหลักในการสกัดทองคำจากการบดแร่ กากแร่ที่เหลือจากการสกัดจะถูกทิ้ง และปนเปื้อนลงสู่แม่น้ำสาย

ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหามีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลไทยได้มีการประชุม และเจรจากับฝ่ายเมียนมา ซึ่งพม่ายอมรับว่ามีการปล่อยสารเคมีจริง แต่พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของชนกลุ่มน้อย (ว้า) ที่มีกลุ่มทุนจีน และคนในพื้นที่ร่วมลงทุนอยู่ การจัดการพื้นที่นี้จึงเป็นเรื่องซับซ้อน เนื่องจากทางการเมียนมายังไม่สามารถจัดการกับชนกลุ่มน้อยได้เต็มที่ โดยมีข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาดังนี้

  1. การเจรจาผ่านเวทีอาเซียน และกลไกแม่น้ำโขง (MRC) เพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหามลพิษข้ามพรมแดนที่ส่งผลกระทบต่อแม่น้ำโขงโดยรวม
  2. การสร้างฝายชะลอน้ำชั่วคราว โดยใช้กล่องลวดบรรจุวัสดุดูดซับสารเคมี เช่น ทรายหรือถ่าน เพื่อช่วยลดความเร็วของน้ำ และดักจับตะกอนที่มีโลหะหนักได้ถึง 80%
  3. ประกาศพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม บริเวณชายแดนแม่สาย เช่น ตลาดสายลมจอย และบ้านสบกก เพื่อปรับผังการใช้ที่ดิน และมีมาตรการปกป้องประชาชนจากสารเคมี รวมถึงมีการตรวจสุขภาพของประชาชนในพื้นที่

ทั้งนี้ แม้คณะกรรมาธิการต่างประเทศของไทยจะหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศของจีน แต่จีนยังคงปฏิเสธความรับผิดชอบโดยอ้างว่าเป็นเรื่องของภาคเอกชน และไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีนโดยตรง

ชี้ผลิตแรร์เอิร์ธปล่อยสารตกค้าง

ก่อนหน้านี้มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ (SHRF) เปิดเผยภาพถ่ายดาวเทียมเมื่อวันที่ 15 พ.ค.2568 แสดงถึงการทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ธในพื้นที่เมืองยอน รัฐฉาน ประเทศเมียนมา ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนไทยเพียง 25 กิโลเมตร กำลังจุดประกายความกังวลครั้งใหม่เกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชนทั้งสองฝั่งชายแดน

เหมืองดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับพื้นที่ขุดแร่แรร์เอิร์ธในรัฐคะฉิ่น ซึ่ง SHRF ออกแถลงการณ์ระบุว่าเป็นการผลิตแร่เทอร์เบียม (Tb) และดิสโพรเซียม (Dy) อย่างกว้างขวางและขุดโดยบริษัทจีน

รวมทั้งเคยตรวจพบว่ามีการใช้วิธี “ละลายแร่ใต้ดิน” ด้วยสารเคมีอันตรายที่สามารถปนเปื้อนน้ำใต้ดิน และลำห้วยธรรมชาติ สร้างความเสี่ยงต่อแม่น้ำกกที่ไหลผ่านหลายจังหวัดในภาคเหนือของไทย

รัฐบาลเร่งเจรจาเมียนมาแก้ปัญหา

รายงานข่าวระบุว่า เพื่อแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนนี้อย่างมีประสิทธิภาพ รัฐบาลได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการระดับชาติ ขึ้นเมื่อวันที่ 6 พ.ค.2568 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์อย่างรอบด้าน กำหนดแนวทางแก้ไขที่เป็นรูปธรรม และเป็นกลไกสำคัญในการประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษที่อาจมาจากภายนอกประเทศ 

สำหรับคณะอนุกรรมการชุดนี้จะเป็นเวทีสำคัญสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรายงานผลการดำเนินงานที่ผ่านมา พร้อมทั้งพิจารณาจัดทำระบบดักตะกอนในแม่น้ำกก ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญในการลดการปนเปื้อนของสารหนูในแหล่งน้ำ

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำผิวดิน พร้อมด้วย น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมการฯ ลงพื้นที่แก้ปัญหาสารปนเปื้อนเกินกว่าค่ามาตรฐานในแม่น้ำกกเมื่อวันที่ 27 พ.ค.2568

นายประเสริฐ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้มาดูเรื่องคุณภาพน้ำในแม่น้ำกก รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ แต่การเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องมั่นใจว่าสาเหตุเกิดจากอะไร 

“ตอนนี้มีข้อมูลเพียงพอว่าเกิดจากการทำเหมืองแร่ทอง เมื่อได้ข้อมูลพบแล้วก็จะไปเจรจากับเมียนมา ที่ผ่านมามีการเจรจาในฝ่ายปฏิบัติการ แต่คิดว่าต้องเร่งหารือระดับรัฐบาลระดับนโยบาย ก่อนหน้านี้ได้ประสานให้ รมว.การต่างประเทศ ประสานกับทางเมียนมาไว้ เมื่อได้วันแล้วผมจะเป็นประธานคณะเดินทางไปเจรจากับเมียนมาเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหา”

ไทยยื่นข้อเสนอทำเหมืองถูกวิธี

นายประเสริฐ กล่าวว่า ฝ่ายไทยมีข้อมูลชัดเจนแล้วก็ต้องไปเจรจากับเมียนมาเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหา เช่น การทำเหมืองแร่ที่ถูกต้อง การสร้างสุขภาพดีให้ประชาชนทั้งเขตไทย และเมียนมา ส่วนการเจรจาระดับปฏิบัติการก็ทำควบคู่กันไป เมื่อถามว่าข้อมูลเหมือง เป็นเหมืองทองอย่างเดียวหรือมีแร่อื่นด้วย 

“เรามีข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม การเจรจาระดับนโยบายเป็นเรื่องสำคัญเพื่อตัดสินใจร่วมกัน ส่วนกรอบเนื้อหาในการเจรจานั้น ต้องสรุปต้นตอปัญหาให้ตรงกับเขาก่อนแล้วกำหนดแนวทางแก้ไข ถ้าปัญหารุนแรงก็ต้องขอความร่วมมือกับเมียนมาให้ยุติหรือปรับปรุงการทำเหมืองอย่างไรหรือไม่”

นายประเสริฐ กล่าวว่า จากการตรวจสอบสารพิษในแห่งน้ำ และสัตว์น้ำต่างๆ ยังปกติ ขอให้ประชาชนสบายใจได้ และค่าสารหนูที่เกินมาตรฐานนั้นจะอยู่บริเวณชายแดนไทยเมียนมา แต่เมื่อน้ำผ่านฝายสารหนูมีปริมาณลดลง จึงขอเตือนประชาชนไม่ให้สัมผัสน้ำโดยตรง 

รวมถึงยังไม่ควรนำมาอุปโภคบริโภค แต่ในส่วนของน้ำประปาไม่พบสารใดๆ เกินมาตรฐานอย่างแน่นอน ขอให้ประชาชนมั่นใจน้ำประปาอยู่ในมาตรฐาน ส่วนกรณีที่พบปลามีตุ่มแดงนั้น จากการตรวจสอบเป็นโรคพยาธิใบไม้ และแบคทีเรีย ไม่พบสารหนู ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่ถึงอย่างไรเมื่อปลามีพยาธิก็ไม่ควรบริโภค

สธ.ยืนยันสารหนูเกินค่ามาตรฐาน

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า เบื้องต้นกรมอนามัย และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำมาตรวจสอบ พบสารหนูเกินค่ามาตรฐานในน้ำผิวดิน เกินค่าความปลอดภัยที่แม่น้ำกก ที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และ 6 อำเภอใน จ.เชียงราย ประกอบด้วย อ.เมือง อ.เชียงแสน อ.แม่จัน อ.เวียงชัย อ.เวียงเชียงรุ้ง และ อ.แม่สาย 

ทั้งนี้ ผลการตรวจสอบไม่พบสารหนูเกินค่ามาตรฐานในน้ำประปา พืช ผัก และปลา ไม่พบสารหนูในปัสสาวะของประชาชนกลุ่มเสี่ยง และไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการจากการได้รับสารหนู

“ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติโดยตรงในช่วงนี้ ควรดื่มน้ำสะอาดที่ผ่านการคัดกรองแล้วเท่านั้น” นายสมศักดิ์ กล่าว

นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย มีการเฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องเพื่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ ประสาน รพ.สต.และโรงพยาบาลในพื้นที่เฝ้าระวังอาการผิดปกติที่อาจเชื่อมโยงกับพิษสารหนู และตะกั่ว 

“ขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยจากพิษสารหนูเรื้อรัง และจัดตั้งหน่วยแพทย์เฉพาะกิจร่วมกับกรมควบคุมโรค และกรมอนามัย ลงพื้นที่ตรวจหาสารหนูในห่วงโซ่อาหารเป็นระยะเวลา 4 เดือน ขณะที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดได้วางแผนสุ่มตรวจน้ำประปาหมู่บ้านที่อยู่ริมแม่น้ำกกตลอดสายจนถึงเดือนกันยายน โดยจะส่งตรวจวิเคราะห์ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1-1 เชียงราย”

ทส.เร่งแผนรับมือสารตกค้าง

รายงานข่าวระบุว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ระดมกำลังจากทุกภาคส่วนเข้าแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน โดยไม่เพียงแต่ใช้มาตรการภายในประเทศ แต่ยังรวมถึงการสร้างความร่วมมือทางการทูต และการทหารกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อควบคุมแหล่งมลพิษ การนำเทคโนโลยีดาวเทียมมาใช้เพื่อระบุต้นตอของปัญหา

ส่วนกรมควบคุมมลพิษ ได้เพิ่มความถี่ในการตรวจสอบคุณภาพน้ำในแม่น้ำกก และแม่น้ำสาขาต่างๆ เป็นสองครั้งต่อเดือน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่อัปเดต และสามารถเฝ้าระวังสถานการณ์ได้อย่างใกล้ชิด

ขณะที่กรมทรัพยากรน้ำ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งวางแผนออกแบบการก่อสร้าง “ฝายดักตะกอนใต้น้ำ” ในแม่น้ำกกจังหวัดเชียงราย เพื่อแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสารหนู และโลหะหนักในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์