ธุรกิจ ‘ไฮโดรเจนสีเขียว’ เจอวิกฤติหนัก ต้นทุนสูง หาลูกค้าไม่ได้

ธุรกิจไฮโดรเจนสีเขียวประสบปัญหาหนัก เนื่องจากมีต้นทุนสูง หาลูกค้าซื้อไม่ได้ แม้แต่โครงการใหญ่ที่สุดในโลกของซาอุดีอาระเบียก็อาจโดนลดขนาด
KEY
POINTS
- ไฮโดรเจนสีเขียวเป็นพลังงานทางเลือกที่ดีต่อโลก ต้นทุนการผลิตกลับสูงลิ่ว ไม่คุ้มทุนจนทำให้ผู้พัฒนาหลายรายต้องยกเลิกแผนการผลิต
- บริษัท NEOM Green Hydrogen Company หรือ NGHC โครงการไฮโดรเจนสีเขียวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ของซาอุดีอาระเบียกำลังเผชิญกับอนาคตที่ไม่แน่นอน เนื่องจากหาคนซื้อเชื้อเพลิงจากต่างประเทศไม่ได้
- NGHC ถูกคาดหวังว่าจะเป็นโครงการไฮโดรเจนสีเขียวที่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากได้รับการอนุมัติเงินทุนจากรัฐ และไม่ต้องเผชิญกับปัญหาความช้าล่าเหมือนกับโครงการอื่น ๆ แต่อาจต้องลดขนาดโครงการลง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บริษัท NEOM Green Hydrogen Company หรือ NGHC โครงการไฮโดรเจนสีเขียวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในเมืองนีออม (NEOM) ของซาอุดีอาระเบียกำลังเผชิญกับอนาคตที่ไม่แน่นอน เนื่องจากหาคนซื้อเชื้อเพลิงจากต่างประเทศไม่ได้
NGHC ถูกคาดหวังว่าจะเป็นโครงการไฮโดรเจนสีเขียวที่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากเชื้อเพลิงที่มีความสำคัญต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ อีกทั้งได้รับการอนุมัติเงินทุนจากรัฐ และไม่ต้องเผชิญกับปัญหาความช้าล่าเหมือนกับโครงการอื่น ๆ อีกทั้งบริษัท Air Products & Chemicals Inc. ผู้ร่วมพัฒนาได้ตกลงที่จะซื้อผลผลิตทั้งหมดและขายต่อให้กับผู้ใช้
ตอนแรก NGHC ตั้งใจจะส่งออกไฮโดรเจนเป็น “แอมโมเนียสีเขียว” แต่กลับมีผู้ซื้อเพียงรายเดียวที่ตกลงซื้อไว้ จึงได้เปลี่ยนไปขายผู้บริโภคในท้องถิ่นแทน แต่ยังคงไม่สามารถหาลูกค้าได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของอุปทาน จนอาจต้องชะลอการพัฒนาโรงงานเต็มรูปแบบไว้ก่อน
หากในที่สุดโครงการนี้ต้องลดขนาดลง ก็จะเป็นอุปสรรคครั้งใหญ่สำหรับเมืองนีออม มูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย เพื่อเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจ เพราะก่อนหน้านี้ ซาอุดีอาระเบียลดค่าใช้จ่ายบางส่วนของเมืองนีออมลงแล้ว เนื่องจากการขาดดุลงบประมาณที่พุ่งสูงและระดับหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น
โครงการไฮโดรเจนสีเขียวนี้ เป็นการร่วมทุนที่เท่าเทียมกันระหว่าง NEOM, Air Products และ Acwa Power Co. บริษัทพลังงานหมุนเวียนของซาอุดีอาระเบียที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ
ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของ NGHC ระบุว่า โรงงานแห่งนี้มีแผนที่จะเปิดตัวในปี 2026 สามารถผลิตไฮโดรเจนสีเขียวได้มากถึง 600 ตันต่อวัน อาจช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 5 ล้านตันต่อปี และมีแผนที่จะใช้พลังงานจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนขนาด 4 กิกะวัตต์
Air Products กล่าวว่าโรงงานแห่งนี้กำลังดำเนินไปด้วยดี และคาดว่าจะเริ่มเปิดใช้งานเครื่องอิเล็กโทรไลเซอร์ได้เมื่อโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนสร้างเสร็จภายในกลางปี 2026 และคาดว่าจะมีผลิตภัณฑ์พร้อมจำหน่ายในปี 2027
NGHC เป็นหนึ่งในไม่กี่โครงการด้านไฮโดรเจนสีเขียวที่ตั้งใจจะดำเนินการอย่างเต็มกำลัง แม้ว่าจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจาก 5,000 ล้านดอลลาร์ เป็น 8,400 ล้านดอลลาร์เมื่อบรรลุข้อตกลงทางการเงินเมื่อสองปีก่อน
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา NGHC เพิ่งเปิดรับสมัครพนักงานเพิ่มเติม เพื่อเติมเต็มตำแหน่งปฏิบัติการที่สำคัญ โดยระบุว่าการเปิดรับสมัครครั้งนี้ถือเป็น ช่วงสำคัญในการพัฒนาบริษัท
Air Products ลงนามข้อตกลงเมื่อปีที่แล้วเพื่อขายเชื้อเพลิง 70,000 ตันต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับประมาณหนึ่งในสามของผลผลิตที่ผลิตได้ให้กับ TotalEnergies SE ระหว่างปี 2030 -2045
อันที่จริง Air Products สามารถหาลูกค้าจากในยุโรปที่มีศักยภาพได้ แต่ทางบริษัทได้เลือกที่จะชะลอการลงทุนในสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ไปแล้ว เอดูอาร์โด้ เมเนเซส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่กล่าวในการสนทนากับนักวิเคราะห์เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม
“ในระยะสั้น เราเน้นที่การก่อสร้างให้เสร็จสิ้นและจำหน่ายแอมโมเนียสะอาดในซาอุดีอาระเบีย และเราจะชะลอการลงทุนในยุโรปจนกว่าจะมีกรอบกฎระเบียบเฉพาะที่ชัดเจน สำหรับแต่ละประเทศและเรามีคำมั่นสัญญาที่ชัดเจนต่อลูกค้า” เมเนเซสกล่าว
ไฮโดรเจนสีเขียวที่ผลิตขึ้นโดยใช้พลังงานหมุนเวียนในการแยกโมเลกุลของน้ำ เป็นหนึ่งในพลังงานทางเลือกที่สามารถลดการปล่อยมลพิษจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหินหรือก๊าซธรรมชาติ ซึ่งนำไปใช้ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการผลิตเหล็ก การขนส่ง และแม้แต่การให้ความร้อนภายในบ้าน
แต่ต้นทุนการผลิตกลับสูงลิ่ว ไม่คุ้มทุนจนทำให้ผู้พัฒนาหลายรายต้องยกเลิกแผนดังกล่าว เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ ผู้พัฒนาจึงสร้างโครงการที่นีออมในระดับเล็กก่อน โดยกระจายการลงทุนเฉพาะหลังจากที่ลงนามในข้อตกลงรับซื้อแล้วเท่านั้น แหล่งข่าวคนหนึ่งกล่าว
อย่างไรก็ตาม การทำเช่นนั้นจะเป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากหลายส่วนของโครงการได้ดำเนินการสร้างไปแล้ว อีกทั้งความต้องการในพื้นที่ยังไม่แน่นอน ขณะเดียวกัน โครงการเมืองนีออมก็ยังคงอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง
นอกจาก NGHC แล้ว ซาอุดีอาระเบียตั้งใจก่อตั้งบริษัทใหม่ เพื่อกระตุ้นการลงทุนในการผลิตไฮโดรเจนสีเขียวที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ แต่แผนดังกล่าวถูกยกเลิกก่อนที่จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ ตามคำบอกเล่าของผู้ที่ทราบแผนดังกล่าว
ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่ไฮโดรเจนยังคงเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากซาอุดีอาระเบียตั้งใจที่จะให้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงพลังงานสำคัญของโลก
เมื่อต้นปีนี้ Acwa ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับบริษัท SEFE ของเยอรมนี เพื่อจัดหาเชื้อเพลิง 200,000 ตันต่อปีภายในปี 2030 นอกจากนี้ Acwa ยังได้ร่วมมือกับ Baker Hughes Co. เพื่อส่งเสริมการผลิตไฮโดรเจนสีเขียวอีกด้วย ยังไม่ชัดเจนว่าการพัฒนาดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับ NGHC หรือไม่
นอกจากนี้ ซาอุดีอาระเบียได้ลดแผนการผลิตแอมโมเนียสีน้ำเงิน ซึ่งผลิตจากก๊าซธรรมชาติ โดยจะดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการนี้ เนื่องจากความต้องการในระดับนานาชาติลดลง ในการประชุมนักลงทุนเมื่อเดือนมีนาคม อามิน นาสเซอร์ ซีอีโอของ Saudi Aramco กล่าวว่าบริษัทจะไม่เริ่มก่อสร้างโครงการใด ๆ หากไม่มีข้อตกลงการรับซื้อ
ที่มา: Alarabiya, Bloomberg, Saudi Energy Consulting







