แต่ละนาทีป่าหายเท่าสนามฟุตบอล! ปี 2024 เสียพื้นที่ป่ามากสุดตั้งแต่มีมา

พื้นที่ป่าขนาดเท่าสนามฟุตบอลถูกทำลายในทุกนาที มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2024 สาเหตุจากไฟป่ารุนแรง แซงหน้าการตัดไม้ โดยบราซิลสูญเสียพื้นที่ป่ามากสุด
KEY
POINTS
-
ปี 2024 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ “ไฟป่า” เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สูญเสียพื้นที่ป่าเกือบ 50% ในทุก ๆ 1 นาที โลกเสียพื้นที่ป่าขนาดเท่ากับสนามฟุตบอล
- บราซิลสูญเสียพื้นที่ป่าปฐมภูมิเขตร้อนทั้งหมด 42% ซึ่งเป็นประเทศที่สูญเสียพื้นที่ป่ามากที่สุดในโลก
-
แต่ก็มีบางประเทศที่สูญเสียพื้นที่ป่าลดน้อยลง เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย
โลกสูญเสียพื้นที่ป่าไปมากเป็นประวัติการณ์ในปี 2024 ซึ่งเกิดจากไฟป่าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดย “บราซิล” สูญเสียพื้นที่ป่าเขตร้อนไปมากที่สุด
ข้อมูลใหม่จาก GLAD Lab ของมหาวิทยาลัยแมริแลนด์ เผยแพร่บนแพลตฟอร์ม Global Forest Watch ของ World Resources Institute (WRI) แสดงให้เห็นว่าการสูญเสียพื้นที่ป่าดิบเขตร้อนเพียงอย่างเดียวสูงถึง 41.87 ล้านไร่ในปี 2024 มากกว่าปี 2023 ถึงสองเท่า นั่นหมายความว่าในทุก ๆ 1 นาที โลกเสียพื้นที่ป่าขนาดเท่ากับสนามฟุตบอล
ในปี 2024 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ “ไฟป่า” เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สูญเสียพื้นที่ป่าเกือบ 50% ซึ่งไฟไหม้ป่าดิบในเขตร้อนปี 2024 สูงกว่าในปี 2023 ถึง 5 เท่า ภูมิภาคลาตินอเมริกาได้รับผลกระทบหนักเป็นพิเศษ โดยรวมแล้วไฟไหม้ป่าทั้งหมดปล่อยก๊าซเรือนกระจก 4.1 กิกะตัน ซึ่งมากกว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเดินทางทางอากาศทั้งหมดในปี 2023 ถึง 4 เท่า
“การสูญเสียพื้นที่ป่าในระดับนี้ไม่เหมือนกับสิ่งที่เราเคยพบเห็นในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมา นี่คือการเตือนภัยระดับโลกและเรียกร้องให้ทุกประเทศ ทุกธุรกิจ และทุกคนที่ห่วงใยโลก เศรษฐกิจ ชุมชน สุขภาพของเรา เพราะไม่มีสิ่งใดจะอยู่รอดได้หากไม่มีป่า” เอลิซาเบธ โกลด์แมน ผู้อำนวยการร่วมของ Global Forest Watch ของ WRI กล่าว
เกิดไฟป่ารุนแรงในปี 2024
แม้ว่าไฟป่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในระบบนิเวศบางแห่ง แต่ส่วนใหญ่แล้วไฟป่าในเขตร้อนมักเกิดจากฝีมือมนุษย์ โดยมักจะเผาเพื่อใช้เป็นพื้นที่เพาะปลูกหรือเตรียมพื้นที่ใหม่สำหรับทำเกษตร
ปี 2024 เป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่มีการบันทึกไว้ ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำให้เกิดภัยแล้งที่ลุกลามไปทั่ว โดยเฉพาะประเทศในลาตินอเมริกาประสบกับภัยแล้งที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่มีการบันทึกไว้ในปี 2024 รายงานระบุว่าสภาพอากาศเช่นนี้ทำให้ไฟป่ารุนแรงขึ้นและควบคุมได้ยากขึ้นในหลายส่วนของโลก
แม้ว่าป่าบางส่วนจะสามารถฟื้นตัวจากไฟไหม้ได้ แต่ด้วยสภาพอากาศและพื้นที่ที่เปลี่ยนแปลงไปก็ทำให้ป่าฟื้นตัวได้ยากกว่าเดิม นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดวงจรป้อนกลับที่เพิ่มโอกาสเกิดไฟไหม้ในอนาคตอีกด้วย
“บราซิล” สูญเสียพื้นที่ป่าปฐมภูมิเขตร้อนทั้งหมด 42% ในปี 2024 ซึ่งเป็นประเทศที่สูญเสียพื้นที่ป่ามากที่สุดในโลก โดยไฟป่าทำให้สูญเสียป่าไปมากถึง 66% ส่วนสาเหตุอื่น ๆ เช่น การปลูกถั่วเหลืองและเลี้ยงวัว เพิ่มขึ้น 13% แต่ยังต่ำกว่าจุดสูงสุดในช่วงต้นทศวรรษ 2000 มาก
“บราซิลมีความก้าวหน้าในการรักษาป่ามากขึ้นภายใต้การนำของประธานาธิบดีลูลา แต่ภัยคุกคามต่อป่ายังคงอยู่เช่นกัน” มารีอานา โอลิเวียรา ผู้อำนวยการโครงการป่าไม้และการใช้ที่ดินของ WRI Brasil กล่าว
โอลิเวียรากล่าวเสริมว่า บราซิลจำเป็นต้องมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในการป้องกันอัคคีภัยในชุมชน รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายในระดับรัฐที่เข้มงวดยิ่งขึ้น และการเน้นการใช้ที่ดินอย่างยั่งยืน พร้อมแนะนำว่าบราซิลควรใช้โอกาสในการเป็นเจ้าภาพการประชุม COP30 แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญในการปกป้องผืนป่าบนเวทีโลก
ส่วนโบลิเวียสูญเสียพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นถึง 200% เมื่อปีที่แล้ว ด้วยพื้นที่เกือบ 9.4 ล้านไร่ กลายเป็นประเทศที่สูญเสียป่ามากที่สุดเป็นอันดับ 2 แซงหน้าสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (DRC) แม้ว่าพื้นที่ป่าจะมีน้อยกว่าครึ่งหนึ่งก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นเพราะไฟป่าในปี 2024 ได้ทิ้งความเสียหายไว้ให้แก่ธรรมชาติและชาวเมือง ซึ่งต้องใช้เวลาฟื้นฟูหลายร้อยปีกว่าจะกลับมาเป็นดังเดิม
นอกจากนี้ การขยายตัวของภาคเกษตรกรรมภายใต้แรงจูงใจจากรัฐบาล รายงานดังกล่าวยังระบุถึงแนวโน้มที่คล้ายกันในเม็กซิโก เปรู นิการากัว และกัวเตมาลาในลาตินอเมริกา แต่สำหรับหมู่บ้านของชนพื้นเมืองชารากัว อิยัมเบ ทางตอนใต้ของโบลิเวีย ไม่ได้รับผลกระทบจากไฟป่า เนื่องจากนโยบายการใช้ที่ดินและระบบเตือนภัยล่วงหน้า
แม้ว่าอันดับจะปรับลดลง แต่ DRC กลับพบว่าพื้นที่ป่าหลักเสียหายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้น 150% เมื่อเทียบกับปี 2023 โดยสาเหตุหลักเกิดขึ้นจากไฟป่าที่รุนแรงกว่าเดิมจากสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งผิดปกติ อีกทั้งไฟไหม้ที่เพิ่มขึ้นและการสูญเสียป่ากำลังทำให้ “แอ่งคองโก” สูญเสียความสามารถในการดูดซับคาร์บอนลง
ขณะที่ โคลอมเบียก็พบการสูญเสียป่าหลักเพิ่มขึ้นเกือบ 50% แต่ไฟไหม้ไม่ใช่สาเหตุหลัก ส่วนมากมาจากความล้มเหลวในการหยุดยั้งกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การขุดเหมือง และปลูกต้นโคคาผิดกฎหมาย (ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักของโคเคน)
ในปี 2024 โลกไม่ได้สูญเสียแค่ป่าในเขตร้อนเท่านั้น ป่าทั่วไปก็ถูกทำลายไป 187.5 ล้านไร่ เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปี 2023 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฤดูไฟป่าในรัสเซียและแคนาดามีความรุนแรงมากและกินเวลานานกว่าปรกติ ทำให้ป่าไม้มีเวลาฟื้นตัวน้อยลง
อย่างไรก็ตาม มีบางประเทศที่สูญเสียพื้นที่ป่าลดน้อยลง เช่น อินโดนีเซียที่สูญเสียพื้นที่ป่าปฐมภูมิลดลง 11% ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นฟูพื้นที่ป่าและควบคุมไฟป่าช่วยให้อัตราการเกิดไฟไหม้ลดลง แม้จะเกิดภัยแล้งที่แพร่หลายด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกับมาเลเซียที่สูญเสียพื้นที่ป่าละดลง 13% หลุดจากท็อป 10 ประเทศที่มีการสูญเสียพื้นที่ป่าปฐมภูมิในเขตร้อนเป็นครั้งแรก
ผู้นำจากกว่า 140 ประเทศลงนามในปฏิญญาผู้นำกลาสโกว์ในปี 2021 โดยสัญญาว่าจะหยุดทำลายป่าและฟื้นฟูการสูญเสียพื้นที่ป่าภายในปี 2030 เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย โลกจะต้องลดการตัดไม้ทำลายป่าลง 20% ทุกปีโดยเริ่มทันที
แต่ดูเหมือนว่าเป้าหมายนี้คงไม่มีวันเกิดขึ้นจริง เพราะข้อมูลพบว่าใน 20 ประเทศที่มีพื้นที่ป่าดิบมากที่สุด มี 17 ประเทศที่มีการสูญเสียป่าดิบเพิ่มมากขึ้น เมื่อเทียบกับตอนที่ลงนามข้อตกลง
ผู้เขียนรายงานระบุว่าจำเป็นต้องมีการป้องกันไฟที่เข้มงวดยิ่งขึ้น การจัดหาซัพพลายเชนที่ได้มาจากการทำลายป่า การบังคับใช้กฎระเบียบการค้า และการเพิ่มเงินทุนเพื่อการปกป้องป่าอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านโครงการริเริ่มที่นำโดยชนพื้นเมือง
ที่มา: Euro News, New Scientist, Reuters, The Straits Times







