ENTEC โชว์ผลงาน 5 ปี หนุนเทคโนโลยีพลังงาน สู่การใช้งานจริงเชิงพาณิชย์

ENTEC โชว์ผลงาน 5 ปี หนุนเทคโนโลยีพลังงาน สู่การใช้งานจริงเชิงพาณิชย์

ENTEC โชว์ผลงาน 5 ปี ดันผลงานวิจัยสู่การใช้งานจริงในเชิงพาณิชย์ โดยเน้นสนับสนุนสตาร์ทอัพและภาคอุตสาหกรรมพลังงานให้สามารถแข่งขันในระดับโลก พร้อมขับเคลื่อนตามแนวทาง National Energy Framework (NEF)

KEY

POINTS

  • ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานเพื่อสนับสนุนการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนในประเทศไทย
  • ได้ตีพิมพ์บทความกว่า 100 ฉบับในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ และจดสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญากว่า 50 รายการ รวมถึงพัฒนาทักษะบุคลากรกว่า 1,200 คน ผ่านการฝึกอบรม
  • มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานใน 5 ด้านหลัก
  • ENTEC ให้การสนับสนุนสตาร์ทอัพและภาคอุตสาหกรรมพลังงานในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ

ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) ภายใต้​สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช. หรือ NSTDA) เร่งขับเคลื่อนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆ เพื่อสนับสนุนการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนในประเทศไทย แสดงผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์อนาคตพลังงานไทย ในกิจกรรม NSTDA x Press Interviews ภายใต้หัวข้อ “ENTEC: พลังวิจัยและนวัตกรรม เพื่ออนาคตพลังงานไทยที่ยั่งยืน”

โดย ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการ ENTEC สวทช. กล่าวว่า ศูนย์ฯมีบทบาทสำคัญในการผลักดันผลงานวิจัยสู่การใช้งานจริงในเชิงพาณิชย์ โดยเน้นสนับสนุนสตาร์ทอัพและภาคอุตสาหกรรมพลังงานให้สามารถแข่งขันในระดับโลก พร้อมขับเคลื่อนตามแนวทาง National Energy Framework (NEF)

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สวทช. ได้พัฒนาเครือข่ายพันธมิตรด้านพลังงานทั้งในและต่างประเทศ รวมกว่า 190 ราย โดยใช้เทคโนโลยีช่วยแก้ไขปัญหาของอุตสาหกรรมพลังงานไทยในเกือบ 60 โครงการ พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับธุรกิจมากกว่า 30 ราย

ด้านงานวิจัยเชิงลึกได้ตีพิมพ์บทความกว่า 100 ฉบับ ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ และจดสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญากว่า 50 รายการ รวมถึงพัฒนาทักษะบุคลากรกว่า 1,200 คน ผ่านการฝึกอบรม

ENTEC โชว์ผลงาน 5 ปี หนุนเทคโนโลยีพลังงาน สู่การใช้งานจริงเชิงพาณิชย์

ผลงานวิจัยของ ENTEC ครอบคลุม 4 ด้านหลัก ได้แก่

1. เทคโนโลยีเชื้อเพลิงสะอาดและการบูรณาการระบบ – เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

2. นวัตกรรมด้านเคมีอินทรีย์ – ใช้ทรัพยากรธรรมชาติสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ภาคอุตสาหกรรม

3. ห่วงโซ่คุณค่าแบตเตอรี่ – พัฒนาแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง รองรับ EV และพลังงานหมุนเวียน

4. เทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์ – มุ่งลดต้นทุนและเพิ่มการใช้ในภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรม

ผลักดันไฮโดรเจนจากก๊าซชีวภาพ

ในด้านเทคโนโลยีเชื้อเพลิงสะอาดและการบูรณาการระบบ ศูนย์ฯ ได้ดำเนินงานวิจัยเกี่ยวกับการผลิตไฮโดรเจนจากก๊าซชีวภาพ โดยใช้กระบวนการร่วมระหว่างเคมิคอลลูปปิงแบบแยกน้ำและการรีฟอร์มมิงที่เสริมการดูดซับ (SECLR-WS) ซึ่งสามารถเพิ่มผลผลิตไฮโดรเจนและลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ศูนย์ฯ ยังได้ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและหน่วยงานต่างประเทศ เช่น การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีสีเขียวแห่งชาติของเกาหลี (NIGT) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตไฮโดรเจนและประสานกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนายุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการด้านไฮโดรเจนแห่งชาติของประเทศไทย

ศูนย์ฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและขับเคลื่อนงานวิจัยด้านพลังงานไปสู่การประยุกต์ใช้ในเชิงพาณิชย์ และสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานของประเทศไทยให้สามารถแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างยั่งยืน”

ENTEC โชว์ผลงาน 5 ปี หนุนเทคโนโลยีพลังงาน สู่การใช้งานจริงเชิงพาณิชย์

ไบโอดีเซล H-FAME รักษาเสถียรภาพราคา

ดร.สุมิตรา เปิดเผยความคืบหน้าด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาด โดยเน้นการปรับปรุงคุณภาพเชื้อเพลิงชีวภาพ มาตรฐานใหม่ของไบโอดีเซลที่เรียกว่า H-FAME ซึ่งได้รับการพัฒนาให้มีคุณภาพเทียบเท่ากับน้ำมันดีเซลจากฟอสซิล ด้วยการควบคุมคุณภาพให้เหมาะสม ทำให้สามารถขยายเพดานการผสมไบโอดีเซลได้มากขึ้น การพัฒนาแนวทางนี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยดูดซับน้ำมันปาล์มจากภาคเกษตรเข้าสู่ภาคพลังงาน ช่วยรักษาเสถียรภาพด้านราคา และเตรียมความพร้อมสำหรับมาตรฐาน Euro 5 และ Euro 6 ในอนาคต

โครงสร้างพื้นฐานรับมือสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง

ในด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ENTEC ให้ความสำคัญกับ โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและการขนส่ง ผ่านความร่วมมือกับหลายหน่วยงานทั้งในระดับอาเซียนและระดับสากล เช่น หน่วยงานจากญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาแผนป้องกันและฟื้นฟูกรณีเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น น้ำท่วมและแผ่นดินไหว โดยเน้นการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า เพื่อให้โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสามารถกลับมาดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว

เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน

นอกจากนี้ ENTEC ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนา Sustainable Aviation Fuel (SAF) หรือเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน ซึ่งกำลังเป็นประเด็นสำคัญระดับประเทศ เนื่องจากเที่ยวบินสู่ยุโรปจำเป็นต้องใช้น้ำมันที่ผสม SAF หากไม่ผสม อาจต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม ขณะนี้หลายบริษัทเริ่มตั้งโรงงานผลิต SAF แล้ว แต่ยังมีความท้าทายด้านวัตถุดิบที่เพียงพอและเหมาะสม

ด้านโครงสร้างพื้นฐานพลังงานและคมนาคม ENTEC กำลังพัฒนาแนวทางรับมือกับ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยร่วมมือกับองค์กรต่างชาติ เช่น หน่วยงานจากญี่ปุ่น เพื่อเตรียมการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและขนส่ง รองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น น้ำท่วมและแผ่นดินไหว

SMR ตอบโจทย์พลังงานสะอาด

อีกหนึ่งโครงการสำคัญคือ การใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor – SMR) เพื่อช่วยตอบโจทย์พลังงานสะอาดในอนาคต หากประเทศไทยต้องการบรรลุเป้าหมาย Net Zero จะต้องเริ่มวางแผนล่วงหน้าอย่างน้อย 10 ปี

SMR เป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยสูง ขนาดกะทัดรัด และสามารถติดตั้งในพื้นที่จำกัดได้ ประเทศไทยกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการนำ SMR มาใช้จริง โดยร่วมมือกับพันธมิตรต่างประเทศ คาดว่าการติดตั้ง SMR จะเกิดขึ้นภายในปี 2037 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุเป้าหมาย Net Zero Emissions ภายในปี 2065

E-Cosmetic และ Biolubricant เพิ่มมูลค่าน้ำมันปาล์ม

ดร.สุมิตรา กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมไทยเดินหน้าส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและตอบโจทย์ความยั่งยืน ล่าสุด ENTEC ได้เปิดผลงานวิจัยผลิตภัณฑ์เด่น 7 รายการ ซึ่งแบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลัก ได้แก่ E-Cosmetic และ Biolubricant โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดมีส่วนประกอบหลักจาก น้ำมันปาล์ม—พืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ

แม้ว่าน้ำมันปาล์มจะเป็นส่วนสำคัญในอุตสาหกรรมอาหาร แต่ข้อจำกัดด้านสุขภาพ เช่น การควบคุมการบริโภคไขมันและน้ำตาลในยุค สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ทำให้การใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ การนำ น้ำมันปาล์มมาผลิตไบโอดีเซลและ Biolubricant จึงเป็นวิธีการสร้างมูลค่าเพิ่ม ลดการพึ่งพาสารเคมีที่เป็นอันตราย และช่วยผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เติบโต

นอกจากนี้ ยังมีผลงานวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ทยอยเปิดตัว ได้แก่

  • น้ำมันจุดถ่านชีวภาพ: ทางเลือกใหม่สำหรับผู้รักการปิ้งย่าง ช่วยให้การจุดถ่านสะดวกขึ้นและปลอดภัย

  • จาระบีชีวภาพ: เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมขนส่ง เช่น ระบบรถไฟ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
  • ยาฆ่าแมลงชีวภาพ: ทางเลือกสำหรับเกษตรกรที่ต้องการควบคุมเพลี้ยและแมลงหวี่ขาว โดยปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม
  • น้ำมันผสมยางล้อชีวภาพ: พัฒนาจากน้ำมันปาล์มแทนการใช้ฟอสซิล เพิ่มความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมยาง
  • เซลล์แสงอาทิตย์แบบยืดหยุ่น: รองรับการใช้งานบนโครงสร้างต่าง ๆ เช่น หลังคาโรงเรือน และโครงการโซลาร์เซลล์แบบไฮบริดในพื้นที่ห่างไกล

"การเปิดตัวผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่เพียงช่วยสร้างโอกาสใหม่ให้กับภาคอุตสาหกรรมไทย แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพและส่งเสริมความยั่งยืน ผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมบูธเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมและทดลองผลิตภัณฑ์ได้"

ENTEC โชว์ผลงาน 5 ปี หนุนเทคโนโลยีพลังงาน สู่การใช้งานจริงเชิงพาณิชย์

แบตเตอรี่ รองรับอนาคตที่ยั่งยืน

ENTEC ให้ความสำคัญกับการวิจัย ซอฟต์แวร์ประเมินศักยภาพการผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์ โดยได้พัฒนาซอฟต์แวร์ที่ช่วยประเมินศักยภาพการผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์ โดยใช้ข้อมูลตำแหน่ง (ละติจูดและลองจิจูด) และสภาพอากาศย้อนหลัง เช่น ความหนาแน่นของเมฆ เพื่อคำนวณความสามารถในการผลิตไฟฟ้าอย่างแม่นยำ หลังการติดตั้ง ระบบยังมีเครื่องมือสำหรับประเมินประสิทธิภาพ (Performance Evaluation) เพื่อตรวจสอบปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการผลิตไฟฟ้า เช่น การเสื่อมสภาพของแผงและการสะสมของฝุ่น

SolarSure โซลาร์เซลล์มือสอง

สำหรับแผงโซลาร์เซลล์มือสองที่ผ่านการใช้งานมาแล้วกว่า 20 ปี มีแพลตฟอร์ม "โซลารชัวร์" (SolarSure) ที่ช่วยคัดกรองและจัดอันดับสภาพของแผง โดยแบ่งระดับเป็น A, B, C และ D เพื่อให้ตลาดโซลาร์เซลล์มือสองสามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่าก่อนเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล

แผงโซลารสำหรับภาคเกษตร "SEESOLAR" ถูกออกแบบมาเพื่อให้พืชได้รับแสงแดดที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต พร้อมช่วยสะท้อนความร้อนและรังสี UV ออกไป เพื่อป้องกันผลกระทบต่อพืช ตัวอย่างการใช้งาน เช่น การปลูกฟ้าทลายโจรและผักสลัด ภายใต้โครงสร้างโซลาร เพื่อให้เกษตรกรสามารถผลิตผลทางการเกษตรควบคู่ไปกับการผลิตไฟฟ้า

พัฒนาแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน

ด้านการจัดการแบตเตอรี่ มีการวิจัยและพัฒนาเซลล์แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ตั้งแต่กระบวนการผลิตเซลล์จนถึงการออกแบบแพ็คแบตเตอรี่ที่เหมาะสมสำหรับการใช้งาน พร้อมตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ เช่น State of Charge (SOC) และ State of Health (SOH) เพื่อประเมินอายุการใช้งาน

สำหรับแบตเตอรี่ที่มาจากรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งใกล้หมดอายุการใช้งาน มีแนวทางนำแบตเตอรี่เหล่านี้มาใช้ใหม่ในระบบพลังงานทดแทน เช่น โซลาร์ฟาร์ม หรือ Powerwall ในบ้าน เพื่อช่วยให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน

นอกจากนั้น ยังมีโครงการพัฒนาแบตเตอรี่แบบครบวงจร ทั้งกระบวนการรีไซเคิล และเป็นส่วนสำคัญในการผลักดัน "Thailand BattSwap" ภายใต้ Thailand Standard Swappable Battery Consortium เพื่อสร้างมาตรฐานกลางของแบตเตอรี่แบบสับเปลี่ยนได้สำหรับ EV ขนาดเล็กทั่วประเทศ

นอกจากนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของสมาคมเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานไทย (TESTA) และได้ริเริ่มพัฒนาแบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่มีความจุสูง อายุการใช้งานยาวนาน และปลอดภัยสูง โดยใช้วัตถุดิบในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าและสร้างความมั่นคงทางพลังงาน