อัพเดทภูมิคุ้มกัน รู้เท่าทัน 'โลกการเงิน' ที่เปลี่ยนไป

สวัสดีครับท่านอาจจะเห็นด้วยกับผม หากผมกล่าวว่าไม่มียุคไหนอีกแล้วที่ความรู้ด้านการเงิน (Financial Literacy) จะสำคัญเท่ากับในยุคนี้

ขณะที่สงครามการค้าและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ก่อให้เกิดความผันผวนสุดขีดในระบบการเงินโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทบต่อสภาพแวดล้อมทางการเงินของผู้บริโภคหรือลูกหนี้รายย่อย  สิ่งเหล่านี้ซ้ำเติมปัญหาเรื้อรังของประเทศไทย ได้แก่ หนี้ครัวเรือนและภัยทุจริตทางการเงินในรูปแบบคอลเซ็นเตอร์

ปัญหาการขาดแคลนความรู้ทางการเงินเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก  รายงาน The S&P Global FinLit Survey ซึ่งเป็นรายงานการสำรวจระดับโลกที่เข้มข้นและกว้างขวางตั้งแต่ 10 ปีมาแล้วแต่ยังเป็นที่กล่าวถึงอยู่ในปัจจุบัน เผยว่ามีเพียงหนึ่งในสามของประชากรโลกที่มีความรู้ทางการเงินเพียงพอ (Financially Literate) ซึ่งน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยเมื่อทุกคนต่างต้องตัดสินใจเรื่องเงินตลอดเวลา  แม้ผ่านมาแล้วหนึ่งทศวรรษ อัตราส่วนนี้น่าจะยังคงไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก

สิ่งที่จะทำให้บุคคลยืนหยัดเลี้ยงชีพตนเองได้อย่างยั่งยืน คือความรู้ความสามารถที่ต่อยอดสู่การสร้างรายได้ ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านจึงเสนอแนะว่าควรมีการสอนความรู้ทางการเงินแก่ทุกระดับ ซึ่งผมเห็นด้วยและคิดว่าเราน่าจะทำมานานแล้วในลักษณะการจัดให้มีวิชานี้ตั้งแต่ประถม มัธยม อุดมศึกษา รวมถึงผู้ใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพ เช่น เกษตรกรหรือชุมชน เพื่อให้คนไทยมีความพร้อมสร้างอนาคตทางการเงินที่มั่นคง โดยครอบคลุมการบริหารเงินส่วนบุคคล ส่งเสริมวินัยทางการเงิน และวางแผนออมเงินเพียงพอสำหรับชีวิตหลังเกษียณ

นอกจากการหาเงินและใช้เงินแล้ว เรายังต้องเก็บเงินให้ปลอดภัยด้วย  จากข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในปี 2567 เพียงปีเดียวมีคนไทยถูกหลอกให้โอนเงินกว่า 37,582 ล้านบาท  ปัจจุบันมีบัญชีม้าที่โอนเงินต่อไปยังบัญชีคริปโทเคอร์เรนซีซึ่งเพิ่มระดับความยากในการสืบเส้นทางฟอกเงินไปอีก เพราะมิจฉาชีพสามารถแปลงเงินบาทเป็นคริปโทแล้วขายคืนเป็นเงินสกุลอื่นในเพียงไม่กี่นาที โดยข้อมูลจากระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลเส้นทางการเงินทุจริตระหว่างสถาบันการเงิน (Central Fraud Registry) เผยว่าในไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา  75 % ของมูลค่าความเสียหายถูกโอนออกทางบัญชีม้าคริปโท และเพิ่มขึ้นเป็น 90 % ในไตรมาส 1 ของปีนี้

ทั้งนี้ ประเทศอื่นๆ ที่ประสบปัญหากลโกงทางการเงินเพิ่มขึ้นล้วนหาวิธีป้องกันที่เข้มงวดขึ้นเช่นกัน  ล่าสุด จังหวัดโอซาก้าซึ่งเป็นจังหวัดที่มีผู้สูงวัยถูกมิจฉาชีพแอบอ้างว่าเป็นคนรู้จักหรือหน่วยงานรัฐหลอกหลวงให้โอนเงินเป็นอันดับต้นของญี่ปุ่น ได้ยกระดับมาตรการปกป้องกลุ่มเปราะบางนี้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นด้วยกฎหมายห้ามผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปคุยโทรศัพท์มือถือขณะใช้ตู้เอทีเอ็ม พร้อมทั้งจำกัดวงเงินสูงสุดที่ผู้สูงอายุสามารถโอนเงินผ่านธนาคารได้อยู่ที่ 100,000 เยนต่อวัน

อย่างไรก็ตาม บางครั้งสาเหตุของการเสียเงินเป็นเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตัวบุคคลเอง อาทิ ในประเทศอังกฤษมักมีเยาวชนซื้อฟีเจอร์พิเศษในเกมออนไลน์ด้วยบัตรเครดิตของผู้ปกครองโดยไม่ทราบว่ากำลังใช้เงินจริงก้อนโต หรือกดซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่องเพียงเพราะยูทูบเบอร์คนโปรดโน้มน้าวให้ช่วยสนับสนุน ปัญหานี้สะท้อนการขาดดองค์ความรู้ทางการเงินในหมู่เยาวชน องค์กรด้านการศึกษาแห่งหนึ่งจึงได้พัฒนาหลักสูตรทางการเงินที่เน้นสอนให้นักเรียนอายุ 5-16 ปีระมัดระวังการใช้จ่ายออนไลน์ รวมถึงการคิดอย่างรอบคอบก่อนซื้อสินค้าบริการตามคำชี้ชวนของโซเชียลมีเดียอินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ดีมาก

แม้การสร้างความรู้ทางการเงินอาจไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกปัญหาทางการเงิน และยังใช้เวลานาน รวมถึงมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงในการสอนให้ครอบคลุม แต่ผมเชื่อว่าการมีพื้นฐานความรู้ทางการเงินที่แข็งแกร่ง จะช่วยปูทางสู่การพัฒนาและแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างต่างๆ ในสังคมและเศรษฐกิจภาพรวม จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำต่อไปครับ

 

อัพเดทภูมิคุ้มกัน รู้เท่าทัน 'โลกการเงิน' ที่เปลี่ยนไป