ยุโรปไฟดับ 24 ชม.! กฟผ. ไม่ประมาท ตั้งรับความผันผวนพลังงานหมุนเวียน

ยุโรปไฟดับ 24 ชม.! กฟผ. ไม่ประมาท ตั้งรับความผันผวนพลังงานหมุนเวียน

กฟผ. ยืนยันการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียนต้องไม่กระทบเสถียรภาพระบบ พลังงานแสงอาทิตย์และลม (VRE) กำลังเติบโต แต่มีลักษณะไม่แน่นอน ต้องบริหารจัดการอย่างรอบคอบ

KEY

POINTS

  • สเปนและโปรตุเกสเผชิญไฟดับครั้งใหญ่ กระทบประชาชนหลายล้าน ระบบขนส่งหยุดชะงัก วันที่ 28 เม.ย. 2568
  • กฟผ. ยืนยันการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียนต้องไม่กระทบเสถียรภาพระบบ
  • พลังงานแสงอาทิตย์และลม (VRE) กำลังเติบโต แต่มีลักษณะไม่แน่นอน ต้องบริหารจัดการอย่างรอบคอบ
  • พัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าแรงสูง 500kV เชื่อมทั่วประเทศ เพิ่มความยืดหยุ่น
  • กฟผ. มี spinning reserve 800 MW และ fast-start 750 MW พร้อมระบบแบตเตอรี่ตอบสนองในมิลลิวินาที
  • “Green energy คือเป้าหมาย แต่ความมั่นคงคือพื้นฐาน”
  • ชี้ระบบพลังงานยุคใหม่ต้องพร้อมรับมือ Climate Anomaly (สภาพอากาศสุดขั้ว)

ช่วงเที่ยง (CEST) ของวันที่ 28 เมษายน 2568 เกิดเหตุไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ในสเปนและโปรตุเกส ส่งผลกระทบต่อประชาชนหลายล้านคน ระบบขนส่งหยุดชะงัก เที่ยวบินถูกยกเลิก และธุรกิจต้องปิดตัวลง สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของสภาพอากาศที่กระทบสายส่งไฟฟ้าแรงสูงระหว่างสเปนและฝรั่งเศส ซึ่งระบบไฟฟ้าในประเทศสเปนกลับสู่สภาวะปกติภายในเวลา 11:00 น. CEST ของวันที่ 29 เมษายน

เหตุการณ์นี้สะท้อนความท้าทายของระบบพลังงานหมุนเวียน และเตือนให้ภูมิภาคอื่น เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทบทวนโครงข่ายไฟฟ้าของตนเอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงจัดการบรรยาย “ไฟดับครั้งใหญ่ในยุโรป: บทเรียนจากสเปน-โปรตุเกส 2025” งานนี้มุ่งประเมินความเปราะบางของระบบพลังงานในบริบทสภาพภูมิอากาศ เชื่อมโยงผลกระทบจาก Climate Anomaly (สภาพอากาศสุดขั้ว) และเสนอแนวทางออกแบบระบบพลังงานให้ยืดหยุ่นและสมดุลยิ่งขึ้นสำหรับอนาคต

ภารกิจสำคัญ ไทยเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียน

ธวัชชัย สำราญวานิช รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียนอย่างมั่นคงคือภารกิจสำคัญของประเทศไทยในยุคที่ทั้งโลกกำลังก้าวสู่ Green and Clean Energy โดย กฟผ. ยืนยันว่า ประเทศไทยมีแผนรองรับที่รัดกุมทั้งด้านการป้องกัน ความพร้อม และการฟื้นฟูระบบ หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน พร้อมย้ำว่า "ความมั่นคงของระบบไฟฟ้า" คือสิ่งที่ต้องมาก่อนทุกการเปลี่ยนแปลง

ยุโรปไฟดับ 24 ชม.! กฟผ. ไม่ประมาท ตั้งรับความผันผวนพลังงานหมุนเวียน

ประเทศไทยมีเป้าหมายลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล และเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์และลม หรือที่เรียกว่า VRE (Variable Renewable Energy) แม้ปัจจุบัน VRE จะมีสัดส่วนเพียงราว 10% ของกำลังผลิตที่ติดตั้งในระบบ แต่จากข้อมูลช่วงปลายปี พบว่าสามารถผลิตจริงได้ถึงประมาณ 18% ของกำลังผลิตรวม ซึ่งสะท้อนการเติบโตอย่างมีนัย

อย่างไรก็ตาม VRE มีลักษณะเฉพาะที่ “ไม่สามารถควบคุมได้” ตามความต้องการของระบบ เพราะขึ้นกับสภาพอากาศ จึงทำให้พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าในระบบเปลี่ยนไป เช่น ช่วงโหลดต่ำสุดที่เคยเกิดก่อนเวลา 05.00 น. ได้ย้ายมาอยู่ช่วงกลางวัน หรือจุดพีคที่ย้ายจากช่วงกลางวันไปเป็นช่วงค่ำ

เดินหน้าเสริมระบบ – ป้องกันไฟฟ้าดับซ้ำรอยยุโรป

ธวัชชัย กล่าวด้วยว่า หลังเหตุการณ์ไฟฟ้าดับในยุโรปที่ใช้เวลาฟื้นฟูระบบนานถึง 24 ชั่วโมง กฟผ. พร้อมด้วย กฟน. และ กฟภ. ได้ประชุมหารือร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อทบทวนความพร้อมของระบบไทย โดยเฉพาะในด้าน ความมั่นคงของโครงข่ายไฟฟ้า (Grid Stability) ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการรองรับพลังงานหมุนเวียน

“ระบบไฟฟ้าของไทยออกแบบตามมาตรฐาน N-1 คือ หากอุปกรณ์หนึ่งเกิดขัดข้อง ระบบต้องยังทำงานได้ทันที โดยไม่เกิดความเสียหาย” ธวัชชัยระบุ พร้อมเสริมว่า กฟผ. ได้ลงทุนพัฒนาโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าแรงสูงระดับ 500kV เชื่อมโยงทั่วประเทศ เช่น จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งมีศักยภาพพลังงานแสงอาทิตย์ ไปยังภาคกลางและภาคเหนือ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้ระบบ

ยุโรปไฟดับ 24 ชม.! กฟผ. ไม่ประมาท ตั้งรับความผันผวนพลังงานหมุนเวียน

ระบบสำรองพร้อม – รับมือพลังงานผันผวน

สำหรับกำลังผลิตสำรอง กฟผ. มีพร้อมจ่ายใน 3 ระดับ ประกอบด้วย

  • กำลังผลิตไฟฟ้าสำรองพร้อมจ่ายทันที (Spinning Reserve) สามารถสั่งเพิ่มการผลิตและส่งจ่ายไฟฟ้าได้ทันทีที่ระบบมีความต้องการ ปัจจุบันกำหนดให้มีค่าไม่น้อยกว่า 800 เมกะวัตต์ ทุกช่วงเวลา (ปริมาณเท่ากับโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในระบบ)
  • กำลังผลิตไฟฟ้าสำรองพร้อมจ่าย 5 นาที (Five Minutes Response Reserve) สามารถตอบสนองได้ภายในเวลา 5 นาที ในช่วงที่ระบบไฟฟ้ามีการเปลี่ยนแปลงความต้องการใช้ไฟฟ้า หรือเหตุการณ์ที่ความถี่ของระบบไฟฟ้าลดลงไปจากค่าปกติ ปัจจุบันกำหนดให้มีกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองอย่างน้อย 750 เมกะวัตต์ และ
  • กำลังผลิตไฟฟ้าสำรองพร้อมจ่าย (Operational Reserve) สามารถสั่งเดินเครื่องเพิ่มหรือขนานเครื่องเพิ่มการผลิตจากโรงไฟฟ้าที่มีความพร้อมเริ่มเดินเครื่อง ให้ส่งจ่ายไฟฟ้าหากระบบมีความต้องการ เพื่อรองรับหากเกิดเหตุการณ์ขัดข้อง ป้องกันปัญหาไฟดับ

พร้อมกันนี้ กฟผ. ยังเร่งพัฒนา โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ (Pumped-storage Hydro) และระบบ Battery Energy Storage System (BESS) ซึ่งสามารถตอบสนองความผันผวนได้ในระดับมิลลิวินาที นับเป็นเทคโนโลยีสำคัญในการเพิ่มเสถียรภาพของระบบในยุคพลังงานหมุนเวียน

บริบทไทย-ยุโรป ต่างกัน แต่ความมั่นคงต้องมาก่อน

แม้หลายประเทศในยุโรปจะมีสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนสูงกว่า 70% เช่น สเปน แต่ "ธวัชชัย" ชี้ว่า บริบทของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ทั้งในด้านภูมิศาสตร์ โครงสร้างสายส่ง และเทคโนโลยีสนับสนุน ซึ่งไทยต้องเดินตาม “จังหวะที่เหมาะสม” โดยไม่เร่งเกินกำลังระบบ

อีกหนึ่งประเด็นที่ กฟผ. ให้ความสำคัญคือ การควบคุมแรงดันในช่วงที่มีการผลิตไฟฟ้ามากเกินความต้องการ โดยมีแผนติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมแรงดัน เช่น FACTS Devices บนสายส่ง เพื่อให้ระบบคงเสถียรแม้เผชิญกับการผลิตที่ผันผวนจาก VRE

ก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืน – ไม่ละเลยความมั่นคง

“การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียนไม่ใช่แค่เรื่องสิ่งแวดล้อม แต่คือความมั่นคงในระดับโครงสร้างของประเทศ” ธวัชชัยกล่าวย้ำ พร้อมระบุว่า กฟผ. จะยังคงพัฒนาเทคโนโลยีควบคู่กับการวางแผนระยะยาว เพื่อสร้างระบบไฟฟ้าไทยที่ สะอาด มั่นคง และยืดหยุ่น พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต