10 พ.ค. วันป่าชายเลนแห่งชาติ แหล่ง Blue Carbon กุญแจสู่ Net Zero ของไทย

10 พ.ค. วันป่าชายเลนแห่งชาติ แหล่ง Blue Carbon กุญแจสู่ Net Zero ของไทย

ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าชายเลนคงสภาพทั้งหมดประมาณ 1.73 ล้านไร่ กระจายอยู่ใน 24 จังหวัดชายฝั่งทะเล ระบบนิเวศ Blue Carbon จะช่วยให้คาร์บอนตกตะกอนในมหาสมุทรถึง 50% โดยหญ้าทะเลสามารถกักเก็บปริมาณคาร์บอนไว้ในชั้นดินได้ถึง 95%

KEY

POINTS

  • รัชกาลที่ 9 ทรงเล็งเห็นความสำคัญของป่าชายเลน
  • คณะรัฐมนตรีภายใต้รัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีมติเห็นชอบให้วันที่ 10 พฤษภาคมของทุกปีเป็น "วันป่าชายเลนแห่งชาติ"
  • ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าชายเลนคงสภาพทั้งหมดประมาณ 1.73 ล้านไร่ กระจายอยู่ใน 24 จังหวัดชายฝั่งทะเล
  • ประเทศไทยยังมีพื้นที่อีกประมาณ 38% ที่สามารถฟื้นฟูหญ้าทะเลให้เป็นระบบนิเวศที่ช่วยกักเก็บคาร์บอนได้
  • ระบบนิเวศ Blue Carbon จะช่วยให้คาร์บอนตกตะกอนในมหาสมุทรถึง 50% โดยหญ้าทะเลสามารถกักเก็บปริมาณคาร์บอนไว้ในชั้นดินได้ถึง 95%
  • ทช. ได้ดำเนินโครงการ "ปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต" ฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลนจำนวน 300,000 ไร่ ภายในระยะเวลา 10 ปี
  • จัดสรรพื้นที่จำนวน 4.1 หมื่นไร่ ให้แก่ภาคเอกชน 14 ราย เพื่อเข้าร่วมโครงการและรับประโยชน์จากการชดเชยคาร์บอนเครดิตในอนาคต

ป่าชายเลน หรือ “ป่าโกงกาง” (Mangrove Forest) มีต้นไม้ขึ้น อาทิ ต้นโกงกาง ต้นแสม ต้นโปรง หนาแน่นอยู่บนดินเลนริมฝั่งทะเลบริเวณน้ำกร่อยหรือน้ำทะเลท่วมถึง โดยเฉพาะปากแม่น้ำต่างๆ ไม่เพียงเป็นแนวกันชนตามชายฝั่ง แต่ยังช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศทางทะเลอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเล็งเห็นความสำคัญของป่าชายเลน และทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับป่าชายเลนเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2534 ในพระราชพิธีแรกนาขวัญหว่านข้าว ณ บริเวณสวนจิตรลดา ความตอนหนึ่งว่า

"...ป่าชายเลนมีประโยชน์ต่อระบบนิเวศของพื้นที่ชายฝั่งทะเลและอ่าวไทย แต่ปัจจุบันป่าชายเลนของประเทศไทยเรากำลังถูกบุกรุกและถูกทำลายลงไปโดยผู้แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน จึงควรหาทางป้องกัน อนุรักษ์ และขยายพันธุ์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะต้นโกงกาง เป็นไม้ชายเลนที่แปลกและขยายพันธุ์ค่อนข้างยาก เพราะต้องอาศัยระบบน้ำขึ้นน้ำลงในการเติบโตด้วย จึงขอให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องคือ กรมป่าไม้ กรมประมง กรมชลประทาน และกรมอุทกศาสตร์ ร่วมกันหาพื้นที่ที่เหมาะสมในการทดลองขยายพันธุ์โกงกางและปลูกสร้างป่าชายเลนกันต่อไป..."

ดังนั้น เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และร่วมสืบสานพระราชปณิธาน ในการปกป้อง ดูแลรักษา และฟื้นฟูป่าชายเลน คณะรัฐมนตรีภายใต้รัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบให้วันที่ 10 พฤษภาคม ของทุกปี เป็น "วันป่าชายเลนแห่งชาติ"

บทบาทสำคัญของป่าชายเลน

  • ป้องกันชายฝั่ง: รากโกงกางช่วยลดการกัดเซาะ ป้องกันน้ำท่วม และบรรเทาความรุนแรงของพายุ ทำให้พื้นที่ชายฝั่งมีความมั่นคง
  • กักเก็บคาร์บอน: ป่าชายเลนสามารถดูดซับคาร์บอนมากกว่าป่าฝนเขตร้อนถึง 4 เท่า ช่วยลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน
  • แหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ: เป็นถิ่นอาศัยของปลานานาชนิด รวมถึงกุ้งและปู ซึ่งมีส่วนสำคัญต่ออุตสาหกรรมประมง
  • กรองน้ำและลดมลพิษ: ระบบรากช่วยดักจับตะกอนและสารพิษ ทำให้น้ำชายฝั่งมีคุณภาพดีขึ้น และลดผลกระทบต่อแนวปะการังและแหล่งหญ้าทะเล
  • ส่งเสริมวิถีชีวิตชุมชน: ผู้คนในพื้นที่ชายฝั่งพึ่งพาป่าชายเลนในด้านอาหาร วัสดุก่อสร้าง และสมุนไพรพื้นบ้าน
  • รับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: ป่าชายเลนช่วยลดผลกระทบจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น โดยดักจับตะกอนและรักษาระดับของแผ่นดินชายฝั่ง

ด้วยบทบาทที่หลากหลาย การอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ระบบนิเวศนี้ยังคงสร้างคุณค่าให้แก่สิ่งแวดล้อมและชุมชนอย่างยั่งยืน

พื้นที่ป่าชายเลนของประเทศไทยมีมากถึง 1.73 ล้านไร่ นับเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนชั้นดีแหล่งหนึ่งของประเทศ โดยสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 9.4 (±4.6) ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อไร่ ต่อปี

ป่าชายเลนกระจายตัวใน 24 จังหวัด (รวมจังหวัดพัทลุง) เป็นปราการธรรมชาติที่ปกป้องชายฝั่งและเป็นศูนย์กลางของระบบนิเวศชายฝั่งอันอุดมสมบูรณ์ พื้นที่ป่าชายเลนเป็นที่อยู่อาศัยของพืชถึง 81 ชนิด (ป่าชายเลนแท้ 34 ชนิด และป่าชายเลนร่วม 47 ชนิด) รวมถึงนก 272 ชนิด แมลง 1,570 ชนิด สัตว์หน้าดิน 101 ชนิด และสัตว์เศรษฐกิจสำคัญอีกมากมาย

ป่าชายเลนเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย

ในปีที่ผ่านมา พื้นที่ป่าชายเลนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ประเมินว่า พื้นที่ป่าชายเลนที่ยังคงสภาพเป็นป่าอยู่ประมาณ 1.73 ล้านไร่ บางส่วนจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูจากการบุกรุกและการใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ ที่กระทบต่อระบบนิเวศป่าชายเลน

นอกจากนี้ พื้นที่ที่มีศักยภาพในการเป็นแหล่งหญ้าทะเลมีอยู่ประมาณ 160,628 ไร่ แต่จากข้อมูลล่าสุดในปี 2564 มีพื้นที่เพียง 99,325 ไร่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยยังมีพื้นที่อีกประมาณ 38% ที่สามารถฟื้นฟูหญ้าทะเลให้เป็นระบบนิเวศที่ช่วยกักเก็บคาร์บอนได้

เพื่อสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้ดำเนินโครงการ "ปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต" โดยตั้งเป้าหมายการฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลนจำนวน 300,000 ไร่ ภายในระยะเวลา 10 ปี (พ.ศ. 2565–2574) ในพื้นที่ 23 จังหวัด

หากโครงการดำเนินการได้ตามเป้าหมาย 300,000 ไร่ คาดว่าจะสามารถกักเก็บคาร์บอนได้อย่างน้อย 28 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าในระยะเวลา 10 ปี 

ในปีที่ผ่านมา กรมฯ ได้จัดสรรพื้นที่จำนวน 4.1 หมื่นไร่ ให้แก่ภาคเอกชน 14 ราย เพื่อเข้าร่วมโครงการและรับประโยชน์จากการชดเชยคาร์บอนเครดิตในอนาคต ทั้งในรูปแบบการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือการสร้างรายได้จากการขายคาร์บอนเครดิต

การดำเนินโครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก แต่ยังส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สร้างความยั่งยืนให้กับระบบนิเวศ และเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น ผ่านการมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่าชายเลนอย่างต่อเนื่อง

 

 

 

 

อ้างอิง : ทช.Springer Nature