‘กรีนแลนด์’ ขาย ‘น้ำแข็ง’ อายุแสนปี สำหรับใส่เครื่องดื่ม

‘กรีนแลนด์’ ขาย ‘น้ำแข็ง’ อายุแสนปี สำหรับใส่เครื่องดื่ม

“กรีนแลนด์” ขาย “น้ำแข็ง” อายุแสนปี สำหรับใส่เครื่องดื่ม เคลมว่าบริสุทธิ์และสะอาดที่สุด เตรียมเพิ่มใบอนุญาตให้บริษัทต่าง ๆ หวังเป็นรายได้ใหม่

KEY

POINTS

  • น้ำแข็ง” สำหรับบริโภคจากกรีนแลนด์ถูกโฆษณาว่าเป็นน้ำแข็งที่สะอาดบริสุทธิ์ที่สุด มีอายุนับ 100,000 ปี
  • ลูกค้าที่เคยกินน้ำแข็งจากกรีนแลนด์ระบุว่า พวกเขาชอบน้ำแข็งนี้ เนื่องจากไม่มีสิ่งสกปรก ไม่ปนเปื้อนแบคทีเรีย และละลายช้า
  • รัฐบาลกรีนแลนด์กำลังร่างกฎหมายเพื่อดึงดูดบริษัทผลิตน้ำแข็งและน้ำมากขึ้น โดยจะปรับปรุงกฎเกณฑ์การรับใบอนุญาต พร้อมลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 

บริษัทต่าง ๆ พากันแห่มายังเกาะในทะเลอาร์กติก เพื่อนำ “น้ำแข็ง” มาขายสำหรับบริโภคโดยน้ำแข็งเหล่านี้ถูกโฆษณาว่าเป็นน้ำแข็งที่สะอาดบริสุทธิ์ และมีความหนาแน่นมากกว่าน้ำแข็งทั่วไป เนื่องจากถูกอัดแน่นในธารน้ำแข็งเป็นเวลา 100,000 ปีก่อนที่จะตกลงไปอยู่ในฟยอร์ด ด้วยความพิเศษนี้ทำให้สามารถขายได้ในราคาแพงหูฉี่ 

ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา รัฐบาลของกรีนแลนด์ได้อนุมัติใบอนุญาต 13 ใบให้กับบริษัท 6 แห่งที่กำลังหรือกำลังวางแผนที่จะนำน้ำแข็งไปขาย

Arctic Ice หนึ่งในบริษัทสตาร์ทอัพที่ได้รับใบอนุญาตและทำธุรกิจน้ำแข็งที่กรีนแลนด์ โดยได้แบ่งภูเขาน้ำแข็งลอยน้ำขนาดเท่ารถยนต์จากฟยอร์ดในกรีนแลนด์ตะวันตก ด้วยเลื่อยโซ่ เมื่อได้น้ำแข็งที่ถูกตัดออกมา จะนำลงไปใส่ในตู้คอนเทนเนอร์แช่เย็น และบรรทุกลงบนเรือบรรทุกสินค้าสำหรับเดินทางข้ามมหาสมุทรเป็นระยะเวลานานถึง 5 สัปดาห์ เพื่อนำไปขายที่ดูไบ

‘กรีนแลนด์’ ขาย ‘น้ำแข็ง’ อายุแสนปี สำหรับใส่เครื่องดื่ม
น้ำแข็งที่ถูกตัดมาจากภูเขาน้ำแข็งในกรีนแลนด์
ที่มา: Arctic Ice

กว่าจะหาภูเขาน้ำแข็งนี้เจอ อิตตู ลิลเลียนดาห์ล ผู้ก่อตั้งร่วม Arctic Ice ต้องออกเดินทางโดยเรือประมาณ 6 ชั่วโมงจากเมืองนูค เมืองหลวงของกรีนแลนด์ เพื่อตามหาน้ำแข็งที่ใสที่สุดจากก้นแผ่นน้ำแข็งในแผ่นดิน เพราะเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดและสะอาดที่สุด

เมื่อคอนเทนเนอร์มาถึงดูไบ พนักงานของ Arctic Ice จะแกะสลักน้ำแข็งเป็นทรงกลม และแพ็คขายเป็นกล่องพร้อมที่คีบ โดยในหนึ่งกล่องมีน้ำแข็งจำนวน 6 ก้อน สนนราคาขายอยู่ที่กล่องละ 100 ดอลลาร์

‘กรีนแลนด์’ ขาย ‘น้ำแข็ง’ อายุแสนปี สำหรับใส่เครื่องดื่ม น้ำแข็งก้อนกลมอายุ 100,000 ปี ของ Artic Ice

นอกจากนี้ Nahaté Dubai ร้านอาหารและไนต์คลับในย่านการเงินของดูไบ ยังมี Desert Whisper เครื่องดื่มค็อกเทลที่ผสมเหล้าจินที่แช่ก้อนน้ำแข็งกรีนแลนด์ขายด้วย ในราคาแก้วละ ประมาณ 48 ดอลลาร์

ลูกค้าที่เคยใช้น้ำแข็งจากกรีนแลนด์ใส่เครื่องดื่มระบุว่า พวกเขาชอบน้ำแข็งของ  Arctic Ice เนื่องจากไม่มีสิ่งสกปรก ไม่ปนเปื้อนแบคทีเรีย และละลายช้าทำให้เครื่องดื่มเย็นได้นาน และไม่มีน้ำที่ละลายมาปนมากเกินไป

อันเดรย์ โบลชาคอฟ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของ Nahaté Dubai ยอมรับว่า สตอรีเทลลิง (Storytelling) มีความสำคัญกับลูกค้า ยิ่งเมื่อบอกว่าน้ำแข็งที่อยู่ในแก้วของลูกค้ามาจากภูเขาน้ำแข็งมีอายุกว่า 100,000 ปี ก็ยิ่งทำให้ลูกค้าประทับใจมากยิ่งขึ้น
 

‘กรีนแลนด์’ ขาย ‘น้ำแข็ง’ อายุแสนปี สำหรับใส่เครื่องดื่ม

แพ็กเกจน้ำแข็ง 6 ก้อนของ Artic Ice

 

แต่ลูกค้าบางคนก็อาจจะไม่แน่ใจว่าเรื่องเล่าเหล่านี้มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า

มาติเออ มอร์ลิเก็ม ศาสตราจารย์ด้านธารน้ำแข็งวิทยากล่าวว่า เมื่อหิมะตกบนแผ่นน้ำแข็ง หิมะจะก่อตัวเป็นชั้น ๆ ทับทุกปี เหมือนกับวงปีของต้นไม้ เมื่อเวลาผ่านไป ชั้นต่าง ๆ ในธารน้ำแข็งจะถูกบีบอัด เนื่องจากธารน้ำแข็งของกรีนแลนด์ไหลจากแผ่นน้ำแข็งในแผ่นดินลงสู่ทางน้ำชายฝั่ง จึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทราบได้ว่าน้ำแข็งมีอายุเท่าใด

โทมัส โอลเซน ผู้รวบรวมและขนส่งน้ำที่ละลายจากธารน้ำแข็งทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรีนแลนด์ไปยังเดนมาร์ก โดยน้ำบริสุทธิ์ที่ได้จะถูกกลั่นเป็นจินและวอดก้าภายใต้แบรนด์ Point 660 Glacier Spirits ในราคาขวดละประมาณ 68 ดอลลาร์ แม้ว่าจะขายในราคาสูง แต่โอลเซนก็ยอมรับว่าไม่ใช่ว่าการทำธุรกิจในกรีนแลนด์ไม่ใช่เรื่องง่าย

“คุณต้องรู้ว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ที่นั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่มีอุณหภูมิอยู่ที่ -40 องศาเซลเซียส อยู่ครึ่งปี แถมไม่มีโครงสร้างพื้นฐาน เป็นพื้นที่ห่างไกล มีประชากรน้อย ดังนั้นคุณต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง” โอลเซ่นกล่าว

รัฐบาลกรีนแลนด์ชุดใหม่ที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งกำลังร่างกฎหมายเพื่อดึงดูดบริษัทผลิตน้ำแข็งและน้ำมากขึ้น โดยจะปรับปรุงกฎเกณฑ์การรับใบอนุญาต พร้อมลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนและท่าเรือ

“น้ำและน้ำแข็งเป็นทรัพยากรที่อาจมีความหมายมากสำหรับกรีนแลนด์” นาจา นาธาเนียลเซน ซึ่งเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงธุรกิจและการค้าในเดือนเมษายนกล่าว

รายงานขององค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐ (NOAA) ในปี 2024 ระบุว่ากรีนแลนด์และพื้นที่อื่น ๆ ในอาร์กติกอุ่นขึ้นเร็วกว่าอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกถึงสามเท่าตั้งแต่ปี 1980 ขณะที่กรีนแลนด์สูญเสียน้ำแข็งไป 270,000 ล้านตันต่อปี

ด้วยสภาพภูมิอากาศที่อุ่นขึ้นอย่างรวดเร็วของภูมิภาคนี้ เป็นตัวกระตุ้นให้บริษัทต่างชาติสนใจที่จะขุดเอาแร่ธาตุใต้แผ่นน้ำแข็งของกรีนแลนด์ ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่ว่าจะยึดกรีนแลนด์จากเดนมาร์ก เพื่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐและเข้าถึงแร่ธาตุที่สำคัญเหล่านี้

ซามีร์ เบน ทาบิบ ผู้ก่อตั้งร่วมของบริษัท Arctic Ice คาดว่า เมื่อเข้าสู่ฤดูกาลที่น้ำแข็งตามฤดูกาลรอบแนวชายฝั่งเริ่มแตกตัวในเดือนพฤษภาคม จะสามารถขุดน้ำแข็ง และส่งตู้คอนเทนเนอร์ 20-30 ตู้ไปยังดูไบได้ นอกจากนี้บริษัทกำลังมองหาการขยายธุรกิจไปสู่การผลิตน้ำดื่มบรรจุขวดอีกด้วย

Arctic Ice ไม่ใช่ผู้ประกอบการคนแรกที่ฝันที่จะนำน้ำแข็งจากกรีนแลนด์มาขายให้ลูกค้า ก่อนหน้านี้ในช่วงทศวรรษปี 1970 มีแผนการลากภูเขาน้ำแข็งจากแอนตาร์กติกาไปยังซาอุดีอาระเบีย เพื่อใช้เป็นน้ำจืด แต่ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า ถัดมาในปี 2015  บริษัทแห่งหนึ่งพยายามขายก้อนน้ำแข็งที่สกัดจากธารน้ำแข็งในนอร์เวย์มาขาย โดยขนส่งทางเฮลิคอปเตอร์ แต่แผนของบริษัทล้มเหลวหลังจากที่คนในพื้นที่คัดค้านอย่างหนัก

กรีนแลนด์พึ่งพาการส่งออกอาหารทะเลคิดเป็น 90% รองลงมาคือแร่ธาตุ แต่เจ้าของธุรกิจหลายแห่งยัง เชื่อว่าการส่งออกน้ำและน้ำแข็งยังมีอนาคต โดยเฉพาะการขนส่งทางเรือ เนื่องจากตลาดน้ำแข็งของโลกคาดว่าจะมีมูลค่าถึง 7,230 ล้านดอลลาร์ในปี 2027 

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเห็นว่าการทำน้ำแข็งและน้ำดื่มจากธารน้ำแข็งเป็นความคิดที่ดี นักวิจารณ์บางคนกล่าวว่ารอยเท้าคาร์บอนจากการขนส่งน้ำแข็งทางเรือที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลจากกรีนแลนดไปยังอ่าวเปอร์เซียเป็นเรื่องสิ้นเปลือง เพราะดูไบผลิตน้ำแข็งได้เองอยู่แล้ว

ฆาเวียร์ อาร์โนต์ ศาสตราจารย์ด้านสังคมศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยกรีนแลนด์กล่าวว่า อุตสาหกรรมนี้เป็นตัวอย่างที่ดีในการสร้างธุรกิจและสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งภายในชุมชน แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดคำถามว่า นี่เป็นสิ่งจำเป็นที่โลกต้องการจริงหรือ?


ที่มา: CNNThe GuardianThe Wall Street Journal