Forbes เผยอันดับ 300 แบรนด์ สร้างผลกระทบทางสังคมยอดเยี่ยม ปี 2025

คุณค่าและจริยธรรมกลายเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคยุคใหม่ แบรนด์ที่ผสานผลกระทบทางสังคมเข้ากับธุรกิจจะได้รับความไว้วางใจและภักดีจากลูกค้ามากขึ้น
KEY
POINTS
- คุณค่าและจริยธรรมกลายเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคยุคใหม่
- แบรนด์ที่ผสานผลกระทบทางสังคมเข้ากับธุรกิจจะได้รับความไว้วางใจและภักดีจากลูกค้ามากขึ้น
- Forbes ร่วมกับ HundredX จัดอันดับแบรนด์ที่สร้างผลกระทบทางสังคมดีที่สุด ปี 2025
- อ้างอิงจากผลสำรวจผู้บริโภค 165,000 คน และคะแนนโหวตมากกว่า 4.4 ล้านครั้ง ครอบคลุมแบรนด์กว่า 3,900 รายชื่อ
- ใช้เกณฑ์ 4 ด้านหลักในการจัดอันดับ
ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับคุณค่าและจริยธรรมมากกว่าราคาเพียงอย่างเดียว การสร้างผลกระทบทางสังคมจึงไม่ใช่เพียงแค่กิจกรรมเพื่อภาพลักษณ์ แต่กลายเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ทางธุรกิจอย่างแท้จริง แบรนด์ที่สามารถผสานแนวคิดเรื่องความยั่งยืน ความรับผิดชอบต่อสังคม และจุดยืนทางจริยธรรมเข้ากับโมเดลธุรกิจได้อย่างแนบเนียน ย่อมสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน
รายชื่อ Forbes 2025 Best Brands for Social Impact ประจำปีที่ 3 เป็นการยกย่องแบรนด์ที่มีผลงานโดดเด่นในด้านค่านิยมและความน่าเชื่อถือ พร้อมสะท้อนให้เห็นว่าทำไมธุรกิจยุคใหม่จึงต้องบูรณาการจุดยืนทางสังคมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
รายชื่อแบรนด์ที่ดีที่สุดสำหรับผลกระทบทางสังคมนั้น จัดทำขึ้นโดยร่วมมือกับบริษัท HundredX ซึ่งเป็นบริษัทที่รวบรวมข้อมูลลูกค้า โดยได้มาจากการสำรวจออนไลน์ที่ครอบคลุมหลายด้าน ซึ่งดำเนินการตั้งแต่เดือนมีนาคม 2024 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2025 โดยขอให้ผู้บริโภคจำนวน 165,000 คนให้คะแนนแบรนด์และผลิตภัณฑ์ในหมวดหมู่ต่างๆ มากกว่า 12 หมวดหมู่ รวมถึงคุณภาพ มูลค่า การบริการลูกค้า และอื่นๆ อีกมากมาย
หลักการพิจารณา
รายชื่อผลกระทบทางสังคมนั้นพิจารณาจากหมวดหมู่เฉพาะ 4 หมวดหมู่ ได้แก่
- ค่านิยมและความไว้วางใจของแบรนด์โดยรวม (overall brand values and trustworthiness)
- จุดยืนทางสังคม (social stances)
- ความยั่งยืน (sustainability)
- การสนับสนุนจากชุมชน (community support)
ผลสำรวจได้รับคะแนนจากการสำรวจทั้งหมดมากกว่า 4.4 ล้านคะแนน โดยมีการทบทวนแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะมากกว่า 3,900 แบรนด์ และมี 300 แบรนด์แรกติดอันดับดังกล่าว
10 อันดับแบรนด์ที่มีผลกระทบทางสังคมสูงสุด ปี 2025
1. H-E-B (สหรัฐอเมริกา) – ธุรกิจค้าปลีก
H-E-B เป็นเครือร้านขายของชำที่มีชื่อเสียงในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในรัฐเท็กซัส จุดเด่นของแบรนด์คือ การช่วยเหลือชุมชนในช่วงภัยพิบัติ เช่น การจัดส่งอาหารและน้ำให้ผู้ประสบภัย รวมถึงการสนับสนุนโครงการด้านการศึกษาและสุขภาพ
2. REI (สหรัฐอเมริกา) – สินค้ากลางแจ้งและอุปกรณ์กีฬา
REI จำหน่ายอุปกรณ์สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น ปีนเขา ปั่นจักรยาน และตั้งแคมป์ จุดเด่นคือ การดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียน 100% และการสนับสนุนโครงการอนุรักษ์ธรรมชาติ
3. Subaru (ญี่ปุ่น) – รถยนต์
Subaru เป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีชื่อเสียงด้านความปลอดภัยและความทนทาน จุดเด่นคือ โครงการ Subaru Love Promise ที่สนับสนุนสิ่งแวดล้อม การศึกษา และสวัสดิภาพสัตว์ รวมถึงโรงงานผลิตที่ปลอดขยะ (Zero-landfill)
4. Apple (สหรัฐอเมริกา) – เทคโนโลยีและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
Apple จำหน่ายผลิตภัณฑ์เทคโนโลยี เช่น iPhone, MacBook และ iPad จุดเด่นคือ ความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน เช่น การตั้งเป้าหมายให้ซัพพลายเชนเป็น คาร์บอนเป็นกลางภายในปี 2030 และการลงทุนในโครงการฟื้นฟูป่าไม้
5. Sony (ญี่ปุ่น) – อิเล็กทรอนิกส์และความบันเทิง
Sony จำหน่ายผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น PlayStation, กล้อง และโทรทัศน์ จุดเด่นคือ โครงการด้านการศึกษาและการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสังคม รวมถึงการสนับสนุนความหลากหลายทางวัฒนธรรม
6. Nintendo (ญี่ปุ่น) – วิดีโอเกมและความบันเทิง
Nintendo เป็นบริษัทเกมที่มีชื่อเสียงจากเกมยอดนิยม เช่น Mario และ Zelda จุดเด่นคือ การสนับสนุนการเข้าถึงเทคโนโลยีและการศึกษา รวมถึงการพัฒนาเกมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการเรียนรู้
7. Trader Joe’s (สหรัฐอเมริกา) – ธุรกิจค้าปลีกอาหาร
Trader Joe’s เป็นร้านขายของชำที่เน้นสินค้าคุณภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้ จุดเด่นคือ นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการใช้พลาสติกและการสนับสนุนเกษตรกรรายย่อย
8. Jordan (สหรัฐอเมริกา) – เสื้อผ้าและรองเท้ากีฬา
Jordan เป็นแบรนด์แฟชั่นและรองเท้ากีฬาภายใต้ Nike จุดเด่นคือ การสนับสนุนความหลากหลายและการพัฒนาเยาวชน เช่น โครงการช่วยเหลือชุมชนและการส่งเสริมกีฬาในโรงเรียน
9. Mary Kay (สหรัฐอเมริกา) – เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
Mary Kay เป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่มีชื่อเสียง จุดเด่นคือ การส่งเสริมสิทธิผู้หญิงและความยั่งยืน เช่น โครงการสนับสนุนผู้หญิงในการประกอบธุรกิจและการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
10. Publix (สหรัฐอเมริกา) – ธุรกิจค้าปลีกอาหาร
Publix เป็นเครือร้านขายของชำที่มีชื่อเสียงในสหรัฐฯ จุดเด่นคือ โครงการช่วยเหลือชุมชนและสิ่งแวดล้อม เช่น การบริจาคอาหารให้ผู้ยากไร้และการลดขยะอาหาร
ผสานแผนงานทางสังคมเข้ากับธุรกิจ
3 อันดับแรกของรายชื่อนี้ยังคงมีความสม่ำเสมอตลอด 3 ปีที่ ผ่านมา โดย HEB ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในปีนี้หลังจากได้อันดับ 3 ถึง 2 ครั้ง ส่วน REI ซึ่งเป็นบริษัทที่ดีที่สุดของปีที่แล้ว หล่นลงมา 1 อันดับมาอยู่ที่ 2
และ Subaru ซึ่งได้อันดับรองชนะเลิศในปี 2023 และ 2024 หล่นลงมา 1 อันดับมาอยู่ที่ 3 อย่างไรก็ตามบริษัทเหล่านี้ยังคงครองอันดับหนึ่งในด้านความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ต่างๆ
แบรนด์อื่นๆ ก็เพิ่มอันดับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตัวอย่างเช่น Cadillac ขยับจากอันดับที่ 76 เมื่อปีที่แล้วมาอยู่ที่อันดับ 45 และ Columbia แบรนด์เครื่องแต่งกายกีฬาก็ขยับจากอันดับที่ 77 มาอยู่ที่อันดับ 31
ร็อบ เพซ อีโอของ HundredX ระบุว่า แบรนด์ที่ได้รับคำชื่นชมจากลูกค้ามากที่สุดคือแบรนด์ที่สามารถผสานแผนงานด้านผลกระทบทางสังคมเข้ากับธุรกิจหลักได้อย่างแนบเนียน ในรูปแบบที่ลูกค้าสามารถ “รับรู้และรู้สึกได้จริง”
หากบริษัทเพียงแค่บริจาคเงินให้กับองค์กรที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของตนเอง ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็มักจะไม่ยั่งยืนหรือไม่สามารถสร้างความเชื่อมโยงกับลูกค้าได้อย่างแท้จริง
เขายังกล่าวถึงประเด็นร้อนอย่างโครงการ DEI (Diversity, Equity & Inclusion) ว่าจุดยืนทางสังคมของแบรนด์อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลประกอบการทางธุรกิจ
"สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่แยกออกจากตัวธุรกิจ ในวัฏจักรธุรกิจปัจจุบัน วิธีที่บริษัทจัดการกับประเด็นเหล่านี้จะส่งผลอย่างลึกซึ้งต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ และอาจส่งผลยาวนานไปอีกหลายปี”
อ้างอิง : Forbes







