‘Trophy Hunting’ ล่าสัตว์เพื่อความเพลิดเพลิน หาเงินอนุรักษ์สัตว์ป่า

‘Trophy Hunting’ ล่าสัตว์เพื่อความเพลิดเพลิน หาเงินอนุรักษ์สัตว์ป่า

ความย้อนแย้งของการอนุรักษ์สัตว์ป่าในแอฟริกา? เปิดให้ล่าสัตว์อย่างถูกกฎหมาย เพื่อนำรายได้มาใช้ดูแลสัตว์ และลดความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับสัตว์ป่า

KEY

POINTS

  • ล่าสัตว์เพื่อความเพลิดเพลิน” เป็นเกมกีฬาชนิดหนึ่ง และมักจะเก็บส่วนต่าง ๆ ของสัตว์ป่า มาเก็บสะสมและจัดแสดงไว้เป็นรางวัล หรือที่เรียกว่า “Trophy Hunting
  • รายได้จากการล่าสัตว์เพื่อความเพลิดเพลินมีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศในแอฟริกา ช่วยสร้างงานในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้กับชาวแอฟริกัน และลดความขัดแย้งระหว่างสัตว์ป่ากับมนุษย์
  • อีกทั้งสามารถนำมาใช้เพื่อปราบปรามการลักลอบล่าสัตว์และอนุรักษ์สัตว์ได้ด้วยเช่นกัน 

มนุษย์ออกล่าสัตว์ด้วยหลายสาเหตุ บางคนล่าเพื่อเป็นอาหาร เพื่อความอยู่รอด แต่หลายคนก็ “ล่าสัตว์เพื่อความเพลิดเพลิน” มองว่าเป็นเกมกีฬาชนิดหนึ่ง และมักจะเก็บส่วนต่าง ๆ ของสัตว์ป่า เช่น หัว ขน ตัว เขา มาสตัฟฟ์เพื่อเก็บสะสมและจัดแสดงไว้เป็นรางวัล หรือที่เรียกว่า “Trophy Hunting

ส่วนมากแล้ว ล่าสัตว์เพื่อความเพลิดเพลินเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่บางประเทศในแอฟริกาที่มีสัตว์ป่าจำนวนมาก ก็เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ล่าสัตว์อย่างถูกกฎหมาย เพื่อนำรายได้มาใช้ในการอนุรักษ์เหล่านั้น

บอตสวานา ประเทศที่มีช้างอาศัยอยู่มากที่สุดในโลก แสดงท่าที่ไม่พอใจอย่างมากที่หลายประเทศในยุโรปห้ามนำเข้าชิ้นส่วนสัตว์ที่ถูกล่าเข้าประเทศ ตัวอย่างเช่น สหราชอาณาจักรใกล้จะผ่านกฎหมายฉบับใหม่ที่จะห้ามนำเข้าส่วนต่าง ๆ ของร่างกายช้าง หมี สิงโต ฮิปโป และม้าลาย 

ฝ่ายที่ต่อต้านให้เหตุผลว่า รายได้จากการล่าสัตว์เพื่อความเพลิดเพลินมีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศในแอฟริกา ช่วยสร้างงานในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้กับชาวแอฟริกัน และลดความขัดแย้งระหว่างสัตว์ป่ากับมนุษย์ อีกทั้งสามารถนำมาใช้เพื่อปราบปรามการลักลอบล่าสัตว์และอนุรักษ์สัตว์ได้ด้วยเช่นกัน 

ประเทศอื่น ๆ ในยุโรปก็ได้เสนอให้ห้ามการล่าสัตว์เพื่อความเพลิดเพลินในลักษณะเดียวกันนี้ รวมทั้งในเยอรมนีด้วย เพื่อเป็นการตอบโต้ประเทศในยุโรป ประธานาธิบดีมูเควตซี มาซีซี  ของบอตสวานา ขู่จะส่งช้าง 20,000 ตัวไปยังเยอรมนี

“เป็นเรื่องง่ายมากที่จะนั่งอยู่ในเบอร์ลินและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจการของเราในบอตสวานา เราต้องใช้เงินในการอนุรักษ์สัตว์เหล่านี้เพื่อโลก” มาซีซีกล่าวกับสื่อของเยอรมนี 

บอตสวานา และอีกหลายประเทศในแอฟริกาควบคุมจำนวนประชากรสัตว์ป่าด้วยการเปิดให้นักท่องเที่ยวล่าสัตว์ได้อย่างถูกกฎหมาย เนื่องจากประเทศนี้มีช้างอาศัยอยู่ราว 130,000 ตัว คิดเป็น 1 ใน 3 ของจำนวนช้างในโลก และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเริ่มจะควบคุมไม่ได้ แม้ว่าบอตสวานาพยายามมอบช้าง 8,000 ตัวให้กับแองโกลาซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน และเสนอช้างอีกหลายร้อยตัวให้กับโมซัมบิก เพื่อลดจำนวนช้างในประเทศแล้วก็ตาม

ปัจจุบันบอตสวานามีประชากร 2.6 ล้านคน นั่นเท่ากับว่ามี ช้าง 1 ตัวต่อประชากร 15 คน ซึ่งคนในประเทศรู้สึกว่ามีช้างมากเกินไปแล้ว โดยฟลอเรียน นุสช์ ผู้สื่อข่าวของ DW กล่าวว่า คนในท้องถิ่นส่วนใหญ่สนับสนุนการล่าเพื่อสะสมถ้วยรางวัล เนื่องจากจะช่วยควบคุมจำนวนช้างได้ 

“ทุกวันนี้เกิดความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างมากมาย อาจเริ่มจากช้างเข้ามาเหยียบย่ำไร่นาของชาวบ้าน  บางทีก็เข้ามากินมะม่วงหรือแตงโมในสวน หรืออาจจะบานปลายถึงขั้นมาทำลายกระท่อม และถ้าหากคนพยายามไล่พวกมัน ช้างเหล่านี้ก็อาจเข้าทำร้ายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้” นุสช์อธิบาย

ในปี 2014 รัฐบาลบอตสวานาเคยแบนการล่าสัตว์เพื่อความเพลิดเพลิน เนื่องจากประชากรช้างลดลง ขณะที่กลุ่มสิทธิสัตว์แสดงความยินดีกับการตัดสินใจครั้งนี้ แต่คนในพื้นที่หลายคนกลับประณามการตัดสินใจดังกล่าว โดยกล่าวว่ามาตรการนี้ทำให้มีงานทำน้อยลง อีกทั้งทรัพย์สินและพืชผลทางการเกษตรกลับมาเสียหายจากช้างบุกอีก

หลังจากถูกกดดันจากประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ในปี 2019 ทางการจึงได้กลับมาให้ล่าสัตว์อย่างถูกกฎหมายอีกครั้ง ดังนั้นการคัดค้านการล่าสัตว์เพื่อความเพลิดเพลิน จึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเฉพาะนอกประเทศบอตสวานาเท่านั้น 

กฎการล่าสัตว์

ไม่ใช่อยู่ดี ๆ จะไปล่าสัตว์ในบอตสวานาได้เลย แต่จะต้องเป็นการท่องเที่ยวแบบซาฟารีที่จัดโดยมีคำแนะนำของนักล่าสัตว์มืออาชีพที่มีใบอนุญาตเท่านั้น ซึ่งปรกติแล้วจะใช้เวลาท่องเที่ยวและล่าสัตว์อย่างน้อย 10 วัน โดยจะเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่มักมาจากสหรัฐ สหราชอาณาจักร และยุโรป 

นอกจากนี้ ยังมีกฎเข้มงวดที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด คือ ห้ามยิงสัตว์ที่แหล่งน้ำ รวมถึงห้ามใช้อุปกรณ์ทางเทคนิค เช่น โดรน ในการล่าสัตว์ อีกทั้งยังล่าได้เฉพาะสัตว์ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์เท่านั้น เช่น จะล่าช้างได้เฉพาะ ช้างตัวผู้ที่มีอายุมากกว่าและอยู่ตัวเดียว เนื่องจากช้างอาศัยอยู่ในสังคมที่มีตัวเมียเป็นใหญ่

ขณะที่ ซิมบับเวเองก็มีการอนุญาตให้ล่าสัตว์เพื่อความเพลิดเพลินด้วยเช่นกัน เพื่อลดความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างด้วยเช่นกัน เพราะประเทศนี้มีช้างอยู่ราว 90,000-100,000 ตัว ซึ่งมากเป็นอันดับสองของโลก โดยในแต่ละปี ช้างได้คร่าชีวิตชาวซิมบับเวไปประมาณ 50 คน แต่การล่าสัตว์ของซิมบับเวจะมีการกำหนดโควตาเอาไว้ ซึ่งก็ยังได้รับความสนใจจากคนทั่วโลก และเต็มโควตาอย่างรวดเร็ว

ตามข้อมูลจากหน่วยงานจัดการอุทยานและสัตว์ป่าซิมบับเวระบุไว้ว่า นักล่าสัตว์จะสามารถนำเอาส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นเขา ฟัน งาช้าง กระดูก กรงเล็บ กีบ หนัง ผิวหนัง ขน หรือส่วนคงทนอื่นใดของสัตว์ ไม่ว่าจะผ่านการแปรรูปหรือไม่ก็ตาม รวมถึงไข่ของสัตว์ที่จับได้ กลับไปเป็นรางวัลเพื่อความสุขส่วนตัวของนักล่าได้

การล่าสัตว์เพื่อความเพลิดเพลินจึงยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ระหว่างชาวแอฟริกาที่ได้รับผลกระทบจากสัตว์ป่า กับนักอนุรักษ์ที่อยู่นอกประเทศ ดังที่แองกลิสโตน ซิบันดา ผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์ในซิมบับเวกล่าวไว้ว่า 

“ใครบางคนในเบอร์ลิน ใครบางคนในลอนดอนที่ชอบดูช้างกลับไม่เข้าใจถึงต้นทุนของการอนุรักษ์สัตว์ ประเทศเสรีนิยมใหม่เป็นผู้ขับเคลื่อนโลก พวกเขาใส่ใจช้างโดยไม่คำนึงถึงประชาชนที่กำลังทุกข์ทรมานจากพวกมัน ผู้ที่คิดว่าตัวเองใส่ใจช้างมากขนาดนั้นกลับไม่รู้สึกถึงความกดดันของเพื่อนมนุษย์” 


ที่มา: ABCDawnDW