บางจาก เปิดหน่วยผลิต Neat SAF สแตนด์ อโลน แห่งแรกในไทย หนุนลดคาร์บอนภาคการบิน

บางจาก เปิดหน่วยผลิต Neat SAF สแตนด์ อโลน แห่งแรกในไทย หนุนลดคาร์บอนภาคการบิน

SAF ทางเลือกหลักในการลดคาร์บอนในอุตสาหกรรมการบิน บางจากเปิดตัวหน่วยผลิต Neat SAF 100% แบบ Stand Alone แห่งแรกของประเทศ กำลังการผลิตเริ่มต้น 1 ล้านลิตรต่อวัน

KEY

POINTS

  • ภาคการบินปล่อยคาร์บอนสูงถึง 492 ล้านตันต่อปี คิดเป็น 2.9% ของการใช้พลังงานโลก แต่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับสูง
  • SAF (Sustainable Aviation Fuel) จึงเป็น ทางเลือกหลัก ในการลดคาร์บอนในอุตสาหกรรมการบิน
  • บางจากเปิดตัวหน่วยผลิต Neat SAF 100% แบบ Stand Alone แห่งแรกของประเทศ
  • กำลังการผลิตเริ่มต้น 1 ล้านลิตรต่อวัน

ในยุคที่ปัญหาสิ่งแวดล้อมกลายเป็นประเด็นสำคัญระดับโลก อุตสาหกรรมการบินถือเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่มีบทบาทสำคัญในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมาก 
โดยจากจากข้อมูลขององค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) และองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ภาคการบินมีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สูงถึง 492 ล้านตันต่อปี แม้จะใช้พลังงานเพียงร้อยละ 2.9 ของโลกเท่านั้น ดังนั้น การค้นหาแนวทางเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจึงกลายเป็นความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

"เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน" หรือ Sustainable Aviation Fuel (SAF) ได้กลายมาเป็นทางเลือกสำคัญในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในอุตสาหกรรมการบิน SAF ผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่ไม่แย่งชิงทรัพยากรอาหาร นอกจากจะช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลแล้ว ยังถือเป็นก้าวสำคัญสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมการบินอย่างยั่งยืนในอนาคต

บางจาก เปิดหน่วยผลิต Neat SAF สแตนด์ อโลน แห่งแรกในไทย หนุนลดคาร์บอนภาคการบิน

ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทบางจากได้ยืนยันถึงความพร้อมในการดำเนินงานโครงการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) ทั้งในด้านวัตถุดิบ เทคโนโลยี และตลาดรองรับ โดยบางจากถือเป็นผู้บุกเบิกการผลิต Neat SAF 100% รายแรกของประเทศไทย ด้วยการใช้วัตถุดิบจากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว (Used Cooking Oil: UCO) รวมถึงวัตถุดิบทางเลือก เช่น ของเหลือทิ้งจากภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการต่างๆ ทั้งนี้ การดำเนินงานอยู่ภายใต้ระบบที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากลจาก International Sustainability and Carbon Certification (ISCC)

Neat SAF (Sustainable Aviation Fuel) หมายถึงน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนที่อยู่ในรูปแบบบริสุทธิ์ 100% โดยยังไม่ได้ผสมกับเชื้อเพลิงฟอสซิลแบบดั้งเดิม เช่น Jet A-1

ยุคใหม่ของการบินอย่างยั่งยืน

ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มุ่งมั่นพาประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการบินอย่างยั่งยืน ด้วยการเปิดตัวหน่วยผลิตเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF) แบบครบวงจรแห่งแรกของประเทศ

ซึ่งถือเป็น “หน่วยผลิต Neat SAF 100% แบบ Stand Alone” แห่งแรกของไทย ที่สามารถดำเนินการได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำอย่างเต็มระบบภายใต้มาตรฐานสากล ISCC (International Sustainability and Carbon Certification)

หน่วยผลิตนี้มีกำลังการผลิตเริ่มต้นถึง 1 ล้านลิตรต่อวัน โดยใช้เทคโนโลยี HEFA (Hydroprocessed Esters and Fatty Acids) ในการแปรรูปวัตถุดิบอย่างน้ำมันพืชใช้แล้ว ให้กลายเป็นเชื้อเพลิงสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือกับสองผู้นำระดับโลก ได้แก่ Desmet จากเบลเยียม ซึ่งเชี่ยวชาญด้านกระบวนการปรับสภาพวัตถุดิบ และ UOP Honeywell จากสหรัฐอเมริกา ผู้บุกเบิกด้านเทคโนโลยีไฮโดรโปรเซสซิ่ง

ด้วยการควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจัดการวัตถุดิบ การปรับโครงสร้างโมเลกุล ไปจนถึงการกลั่นแยกเชื้อเพลิง โรงงานแห่งนี้สามารถผลิต Neat SAF ที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน ASTM พร้อมทั้งผลิต Bio-LPG และ Bionaphtha เป็นผลพลอยได้ ปัจจุบัน โรงงานอยู่ระหว่างการทดสอบสมรรถนะการผลิต (Plant Performance Test Run) ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนผ่านพลังงานสู่ความยั่งยืนในระดับประเทศ

หลายประเทศ “บังคับผสม SAF”

ชัยวัฒน์ กล่าวด้วยว่า การพัฒนาเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF) กำลังกลายเป็น "หัวใจ" ของยุทธศาสตร์ลดการปล่อยคาร์บอนในระดับโลก ด้วยศักยภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 80% ตลอดวงจรชีวิตของเชื้อเพลิง SAF จึงถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่ากว่าเทคโนโลยีลดคาร์บอนอื่นๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน

นานาประเทศได้เริ่มออกมาตรการ “บังคับผสม SAF” (SAF Blending Mandate) เพื่อเร่งผลักดันการเปลี่ยนผ่านพลังงานในภาคการบินอย่างจริงจัง ตัวอย่างเช่น

  • สหภาพยุโรปเตรียมบังคับให้สายการบินผสม SAF อย่างน้อย 2% ภายในปี 2568 และเพิ่มเป็น 6% ภายในปี 2573
  • สหราชอาณาจักรก็มีเป้าหมายเช่นเดียวกัน โดยตั้งเป้า 10% ภายในปี 2573
  • สิงคโปร์กำหนดสัดส่วนเริ่มต้น 1% ในปี 2569 และเพิ่มเป็น 5% ภายในปี 2573

สำหรับประเทศไทย แม้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณากำหนดนโยบายบังคับใช้ SAF อย่างเป็นทางการ แต่ก็ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในการกำหนดทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินให้ก้าวสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง

ไทม์ไลน์การพัฒนาพลังงานทดแทน

  • ปี 2543

บางจากเริ่มต้นพัฒนาพลังงานทดแทน ร่วมมือกับกรมอู่ทหารเรือ สร้างโรงงานผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันพืชใช้แล้วใช้ใน “โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา”

  • ปี 2547

บางจากเป็นรายแรกในประเทศไทยที่ผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซลเชิงพาณิชย์ เริ่มจำหน่ายผ่านสถานีบริการน้ำมันบางจาก

  • ปี 2551

เริ่มโครงการรับซื้อน้ำมันพืชใช้แล้วจากชุมชนและเครือข่าย นำมาผลิตเป็นไบโอดีเซล ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในระบบพลังงานหมุนเวียน

  • ปี 2565 – ปัจจุบัน

บางจากพัฒนาสู่การเป็นผู้นำด้าน พลังงานแห่งอนาคต เดินหน้าสร้าง หน่วยผลิต Neat SAF แบบ Stand Alone แห่งแรกของประเทศไทย ใช้น้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วเป็นวัตถุดิบหลักผลิต SAF ที่ลดคาร์บอนได้สูงถึง 80% พร้อมผลิตภัณฑ์ร่วม เช่น Bio-LPG และ Bionaphtha ได้รับรองมาตรฐาน ISCC (International Sustainability and Carbon Certification)

  • ปี 2566 – 2568

เดินหน้าโครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” รับซื้อน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว ปัจจุบันมีจุดรับซื้อแล้วกว่า 290 แห่ง ทั่วประเทศ ตั้งเป้าขยายเป็น 2,000 แห่งภายในสิ้นปี 2568

  • อนาคตอันใกล้

เตรียมนำระบบ Book & Claim มาใช้ เปิดทางให้ผู้โดยสารและสายการบินสามารถอ้างสิทธิ์การใช้ SAF และรับรองการลดคาร์บอนได้ เร่งเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน