‘ไฟดับครั้งใหญ่’ ในสเปน - โปรตุเกส คาดเกิดจากอุณหภูมิเปลี่ยนแปลง

สเปน และโปรตุเกสเริ่มกลับมามีไฟฟ้าใช้อีกครั้ง หลังจากเกิดไฟดับครั้งใหญ่ หลายสิบล้านคนไม่มีไฟฟ้าใช้ เพราะอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง
KEY
POINTS
- เกิด “ไฟดับครั้งใหญ่” ทั่วคาบสมุทรไอบีเรีย ส่งผลให้ประชาชนหลายสิบล้านคนในสเปน และโปรตุเกสไม่มีไฟฟ้าใช้
- สาเหตุของไฟดับในครั้งนี้อาจจะมาจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในสเปน ที่เรียกว่า “การสั่นของบรรยากาศเหนี่ยวนำ” (Induced Atmospheric Vibration)
- อุณหภูมิทั่วประเทศสเปนอยู่ระหว่าง 15-21 องศาเซลเซียส ในช่วงเวลาที่ไฟฟ้าดับ และเมื่อสิ้นวันอุณหภูมิสูงสุดได้พุ่งขึ้นอยู่ระหว่าง 27-30 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในเดือนเมษายน
วันที่ 28 เมษายน 2568 ตามเวลาท้องถิ่น เกิด “ไฟดับครั้งใหญ่” ทั่วคาบสมุทรไอบีเรีย ส่งผลให้ประชาชนหลายสิบล้านคนในสเปน และโปรตุเกสไม่มีไฟฟ้าใช้
นายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ ของสเปน กล่าวว่า กำลังดำเนินการทุกวิถีทาง เพื่อให้ไฟฟ้ากลับมาใช้งานได้ทั่วประเทศ โดยในตอนนี้สเปนกลับมาใช้ไฟฟ้าได้แล้วราว 50% แต่สถานการณ์ทั่วประเทศยังไม่สมดุล เพราะบางแคว้นมีไฟฟ้ากลับมาแล้วมากถึง 90% แต่บางแห่งไฟฟ้ายังมาไม่ถึง 15%
ขณะที่ REN ผู้ให้บริการไฟฟ้าของโปรตุเกส กล่าวว่า สาเหตุของไฟดับในครั้งนี้อาจจะมาจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในสเปน ที่เรียกว่า “การสั่นของบรรยากาศเหนี่ยวนำ” (Induced Atmospheric Vibration) ส่งผลให้สายส่งไฟฟ้าแรงสูงเกิดการสั่นแบบผิดปกติ ระบบไฟฟ้าไม่สามารถซิงโครไนซ์ได้ จนเกิดการรบกวนต่อเนื่องในเครือข่ายที่เชื่อมต่อกันในยุโรป
เป็นที่ทราบกันดีในอุตสาหกรรมพลังงานว่า มีความเสี่ยงที่ระบบไฟฟ้าอาจเผชิญจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในบรรยากาศ แม้ว่าจะไม่ค่อยพบปัญหาในระดับนี้ก็ตาม โดยทาโก้ เอนเกลอร์ กรรมการผู้จัดการของ Neara ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์แก่บริษัทสาธารณูปโภคด้านพลังงาน กล่าวว่า “เนื่องจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง พารามิเตอร์ของตัวนำจึงเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ทำให้เกิดความไม่สมดุลในความถี่”
ตามข้อมูลของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของสเปน (AEMET) พบว่า อุณหภูมิทั่วประเทศอยู่ระหว่าง 15-21 องศาเซลเซียส ในช่วงเวลาที่ไฟฟ้าดับ และเมื่อสิ้นวัน อุณหภูมิสูงสุดได้พุ่งขึ้นอยู่ระหว่าง 27-30 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในเดือนเมษายน ที่อุณหภูมิในสเปนอยู่ที่ประมาณ 17 องศาเซลเซียส ในภาคกลาง และภาคเหนือ และประมาณ 21 องศาเซลเซียส ในภาคใต้
เครดิตภาพ: Reuters
เมื่อไม่มีระบบไฟฟ้าจ่ายให้กับเสาสัญญาณ ระบบโทรศัพท์ และอินเทอร์เน็ตไม่สามารถใช้งานได้ ทั้งการโทรและส่งข้อความ เช่นเดียวกับระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟ รถไฟใต้ดินไม่สามารถให้บริการได้ มีประชาชนติดอยู่ในลิฟต์ ติดอยู่ในรถไฟ รถติดยาวเหยียดเพราะไฟจราจรไม่ทำงาน เกิดอุบัติเหตุหลายแห่ง จนทางการต้องประกาศให้หลีกเลี่ยงการใช้รถยนต์
ผู้คน 35,000 คนที่ติดอยู่ในรถไฟมากกว่า 100 ขบวน จำเป็นต้องเดินโซเซไปตามอุโมงค์รถไฟใต้ดินที่มืดสนิท โดยใช้เปิดแฟลชโทรศัพท์ส่องสว่าง เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนปลอดภัยในช่วงกลางคืน นอกจากนี้เที่ยวบินมากกว่า 300 ไฟลท์บินดีเลย์ ขณะที่การแข่งขันเทนนิสรายการ Madrid Open ถูกระงับ
เครดิตภาพ: Reuters
ขณะที่บางส่วนซื้อของใช้จำเป็นในซูเปอร์มาร์เก็ตที่รับเฉพาะเงินสด โรงพยาบาลต้องใช้เครื่องปั่นไฟเพื่อดูแลผู้ป่วยวิกฤติ และแม้ว่าระบบธนาคารอิเล็กทรอนิกส์จะยังทำงานบนระบบสำรองได้ แต่ตู้เอทีเอ็มกลับใช้งานไม่ได้
กราฟบนเว็บไซต์เครือข่ายไฟฟ้าของสเปนซึ่งแสดงความต้องการไฟฟ้าทั่วประเทศบ่งชี้ว่าความต้องการลดลงอย่างรวดเร็วในเวลาประมาณ 12.30 น. จาก 27,500 เมกะวัตต์ เหลือไม่ถึง 15,000 เมกะวัตต์
นายกรัฐมนตรีของสเปน กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะทราบว่าอะไรเป็นสาเหตุของไฟดับในครั้งนี้ แต่ยังไม่มีการตัดประเด็นใดๆ ทิ้ง
“Red Eléctrica ผู้ดำเนินการระบบส่งไฟฟ้าแห่งชาติ ยังคงไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดว่าต้องใช้เวลานานเท่าใด ถึงจะกลับมาเป็นปกติ เราไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน เราจำเป็นต้องค่อยๆ ฟื้นฟูการจ่ายไฟอย่างค่อยเป็นค่อยไปอย่างรอบคอบ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า” ซานเชซ กล่าว
ซานเชซขอบคุณฝรั่งเศส และโมร็อกโกที่ส่งไฟฟ้ามายังสเปน และกล่าวว่า ในตอนนี้จะใช้ก๊าซ และพลังงานไฟฟ้าพลังน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาไปก่อน ทั้งนี้หมู่เกาะคานารี หมู่เกาะแบลีแอริก ดินแดนเซวตา และเมลิลลาของสเปน ซึ่งตั้งอยู่ในแอฟริกาฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ไม่ได้รับผลกระทบจากไฟฟ้าดับดังกล่าว
ขณะเดียวกัน หลุยส์ มอนเตเนโกร นายกรัฐมนตรีของโปรตุเกส กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐยังคงทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของสเปน หลายครั้งแล้ว คาดว่าทั่วประเทศจะกลับมามีไฟฟ้าใช้ภายใน 24 ชั่วโมง
“เราติดต่อกับกองกำลังรักษาความปลอดภัย กองกำลังป้องกันพลเรือน กองกำลังทหาร โรงพยาบาล และบริษัทจัดหาเชื้อเพลิงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถตอบสนองได้ในโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น และให้การสนับสนุนแก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ” มอนเตเนโกร กล่าวในโพสต์บน X
ทั้งนี้ ฝรั่งเศสตอนใต้ได้รับผลกระทบไฟฟ้าดับในช่วงสั้นๆ เช่นกัน แต่เจ้าหน้าที่สามารถแก้ปัญหาได้ทันท่วงที
ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างถือเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นในยุโรป ก่อนหน้านี้ในปี 2003 เกิดปัญหาเกี่ยวกับสายส่งไฟฟ้าพลังน้ำระหว่างอิตาลี และสวิตเซอร์แลนด์ ทำให้ไฟดับนานประมาณ 12 ชั่วโมง ส่วนในปี 2006 เครือข่ายไฟฟ้าในเยอรมนี ทำงานหนักเกิน ส่งผลให้ไฟฟ้าดับทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ รวมถึงในฝรั่งเศส อิตาลี สเปน ออสเตรีย เบลเยียม และเนเธอร์แลนด์
ที่มา: CBS News, Euro News, Newsweek, The Guardian 1, The Guardian 2, The New York Times
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์
เครดิตภาพ: Reuters