GRC กับสิทธิมนุษยชนพลิกเกมธุรกิจสู่ความยั่งยืนที่จับต้องได้

GRC กับสิทธิมนุษยชนพลิกเกมธุรกิจสู่ความยั่งยืนที่จับต้องได้

จากบทความ ‘GRC สำคัญกับธุรกิจทุกขนาด: มุมมองของผู้ตรวจสอบภายใน’ ฉบับก่อนหน้านี้ที่กล่าวถึงความสำคัญของธรรมาภิบาล การบริหารความเสี่ยง

สำหรับองค์กรทุกขนาดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและความยืดหยุ่นทางธุรกิจ ปัจจุบัน
ผู้มีส่วนได้เสีย ไม่ว่าจะเป็นผู้ลงทุน คู่ค้า ลูกค้า หรือสังคม ต่างคาดหวังให้องค์กรแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง โดยเฉพาะประเด็น “สิทธิมนุษยชน” ที่เป็นอีกตัวชี้วัดของความน่าเชื่อถือและความยั่งยืนในสายตาตลาดทุนโลก การบูรณาการสิทธิมนุษยชนเข้าไปในกรอบ GRC จึงไม่ใช่แค่การปฏิบัติตามข้อบังคับ แต่เป็นการยกระดับมาตรฐานธุรกิจไทยให้พร้อมรับมือกับความท้าทายและโอกาสในยุคนี้อย่างแท้จริง

 

ธรรมาภิบาลกับสิทธิมนุษยชน – จากนโยบายสู่การลงมือทำจริง

หลักธรรมาภิบาลมีสาระสำคัญคือ ความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และการยึดหลักนิติธรรม ซึ่งสามารถนำมาใช้กับการจัดการประเด็นสิทธิมนุษยชนได้โดยตรง ธรรมาภิบาลที่ดีไม่ใช่แค่โครงสร้างการบริหาร แต่คือการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เคารพศักดิ์ศรีและสิทธิของทุกคนในห่วงโซ่คุณค่า บริษัทที่นำสิทธิมนุษยชนเข้าไปอยู่ในโครงสร้างบรรษัทภิบาลอย่างจริงจัง มักมีนโยบายสิทธิมนุษยชนที่ชัดเจน กำกับดูแลโดยคณะกรรมการบริษัท มีการรายงานผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ และมีกลไกร้องเรียนและเยียวยาที่มีประสิทธิภาพ

 

บริหารความเสี่ยงสิทธิมนุษยชน – มองให้ไกลกว่ารายงานความเสี่ยง

ความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนมักไม่ปรากฏชัดในรายงานความเสี่ยงทั่วไป แต่เมื่อเกิดขึ้นจริง เช่น กรณีแรงงานบังคับหรือการประท้วงจากชุมชน ผลกระทบต่อมูลค่าธุรกิจและชื่อเสียงรุนแรงกว่าที่คิด กระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (HRDD) จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ผู้ลงทุนใช้ประเมินคุณภาพการบริหารความเสี่ยงของบริษัท องค์กรที่ทำ HRDD อย่างจริงจังจะประเมินความเสี่ยงตลอดห่วงโซ่คุณค่า มีแผนบรรเทาผลกระทบที่วัดผลได้ และเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส ทั้งความสำเร็จและความท้าทาย

ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ – จาก “ต้องทำ” สู่ “อยากทำ” เพื่อสร้างความได้เปรียบ

การปฏิบัติตามกฎหมายไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดอีกต่อไป แต่คือจุดเริ่มต้นของการสร้างความไว้วางใจและโอกาสใหม่ในตลาดโลก มาตรฐานสากลอย่าง UNGPs หรือกฎระเบียบใหม่ของยุโรป เช่น CSDDD กำลังเปลี่ยนสิ่งที่เคยเป็นความสมัครใจให้กลายเป็นข้อบังคับกำหนดให้ธุรกิจต้องมี  HRDD สำหรับ SMEs และสตาร์ทอัพอาจเริ่มจากการจัดลำดับความสำคัญของความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน และค่อยๆ ขยายขอบเขตเมื่อธุรกิจเติบโต

 

บทสรุป: สิทธิมนุษยชน – โอกาสทางกลยุทธ์ของผู้นำธุรกิจไทย

การบริหารจัดการสิทธิมนุษยชนอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดความเสี่ยงด้านกฎหมายและชื่อเสียงได้จริง และสร้างโอกาสทางธุรกิจที่จับต้องได้ ทั้งการเข้าถึงแหล่งทุนใหม่ การสร้างแรงจูงใจให้พนักงาน และการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่นและยั่งยืน เมื่อผู้มีส่วนได้เสียคาดหวังความโปร่งใสมากขึ้นเรื่อย ๆ องค์กรที่กล้าลงมือจริงจะเป็นผู้นำในยุคที่ความรับผิดชอบคือแต้มต่อ

วันนี้ ถึงเวลาที่ผู้นำธุรกิจไทยต้องก้าวข้ามกรอบเดิม มองสิทธิมนุษยชนเป็นโอกาส กล้าที่จะเปลี่ยนแนวคิดให้เป็นการลงมือทำจริง  และสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เคารพสิทธิและศักดิ์ศรีของทุกคนในห่วงโซ่คุณค่า เพราะในโลกที่การแข่งขันสูงและความคาดหวังจากสังคมเพิ่มขึ้น องค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยความรับผิดชอบและโปร่งใสเท่านั้น ที่จะยืนหยัดและเติบโตอย่างยั่งยืน

*บทความนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง SET ESG Experts Pool และ SET ESG Academy ในการนำเสนอประเด็น ESG ที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจและการลงทุนของไทย

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: SETSustainability.com