ราชกิจจาฯ ประกาศ มาตรการดำน้ำ คุมเข้มถ่ายภาพใต้น้ำ ขีดเส้นอนุรักษ์ปะการัง

วันที่ประกาศ : 22 เมษายน 2568 (มีผลบังคับใช้ทันที และใช้ต่อเนื่อง 5 ปี) กำหนดให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวต้องมีผู้ควบคุม หรือผู้ช่วยผู้ควบคุมร่วมกิจกรรมทุกครั้ง สนับสนุนให้เรียนรู้การถ่ายภาพใต้น้ำอย่างถูกต้อง และมีผู้เชี่ยวชาญควบคุม
KEY
POINTS
- วันที่ประกาศ 22 เมษายน 2568 (มีผลบังคับใช้ทันที และใช้ต่อเนื่อง 5 ปี)
- จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมต่อผู้ควบคุม ไปจนถึงข้อห้ามที่ชัดเจนเกี่ยวกับพฤติกรรมที่อาจทำลายแนวปะการัง
- กำหนดให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวต้องมีผู้ควบคุมหรือผู้ช่วยผู้ควบคุมร่วมกิจกรรมทุกครั้ง
- สนับสนุนให้เรียนรู้การถ่ายภาพใต้น้ำอย่างถูกต้อง และมีผู้เชี่ยวชาญควบคุม
- หากนักท่องเที่ยวฝ่าฝืน ผู้ควบคุมมีสิทธิระงับการดำน้ำ และรายงานเจ้าหน้าที่
- ควบคุม/ผู้ช่วยที่ไม่ปฏิบัติตามกฎ อาจถูกเพิกถอนสิทธิ์
เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรปะการังจากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ พ.ศ. 2568 ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญในการปกป้องระบบนิเวศใต้ทะเลที่เปราะบางจากผลกระทบของกิจกรรมท่องเที่ยว
โดยเนื้อหาฉบับนี้ได้กำหนดข้อบังคับต่างๆ อย่างเข้มงวด รวมถึงข้อกำหนดใหม่ที่กำลังถูกจับตามองจากนักดำน้ำ และช่างภาพทั่วประเทศ ข้อจำกัดเรื่อง “การถ่ายภาพใต้น้ำ” ทั้งนี้ ประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และจะมีผลใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 5 ปี
สกัดผลกระทบต่อแนวปะการัง
ประกาศฉบับนี้ครอบคลุมมาตรการหลายประการที่เข้มงวดมากขึ้น ทั้งในด้านการฝึกอบรมผู้ควบคุมกิจกรรมดำน้ำ การจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมต่อผู้ควบคุม ไปจนถึงข้อห้ามที่ชัดเจนเกี่ยวกับพฤติกรรมที่อาจทำลายแนวปะการัง เช่น การสัมผัสปะการังโดยตรง การให้อาหารสัตว์น้ำ หรือการใช้ตีนกบโดยไม่ผ่านการทดสอบควบคุม
หนึ่งในสาระสำคัญ คือ การกำหนดให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวต้องมีผู้ควบคุมหรือผู้ช่วยผู้ควบคุมร่วมกิจกรรมทุกครั้ง และต้องแจ้งกฎหมายที่เกี่ยวข้องแก่นักท่องเที่ยวอย่างละเอียด โดยเฉพาะเมื่อดำในเขตอุทยานหรือพื้นที่อนุรักษ์
ถ่ายภาพใต้น้ำ ไม่ใช่ใครก็ทำได้
ประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในแวดวงนักดำน้ำ คือ ข้อจำกัดใหม่เกี่ยวกับการถ่ายภาพใต้น้ำในระหว่างกิจกรรมเรียนหรือสอบดำน้ำลึก ซึ่งระบุชัดว่า
การดำนํ้าลึกห้ามนำกล้องลงไปถ่ายภาพใต้น้ำ เว้นแต่เป็นการถ่ายภาพใต้นํ้าโดยบุคคล ที่ได้สอบผ่านหลักสูตรการดําน้ำลึกในระดับที่ Advanced Open Water ของสถาบัน PADI หรือ สถาบัน SSI หรือ ระดับ Advanced Scuba Diver ของสถาบัน NAUI หรือหลักสูตรของสถาบัน สอนการดําน้ำอื่นที่เทียบเท่าขึ้นไป หรือต้องมีประสบการณ์การดําน้ำตั้งแต่ 40 ไดฟ์ ขึ้นไป และต้องมีใบรับรองการสอบผ่านหลักสูตรดังกล่าว หรือสมุดบันทึกประสบการณ์มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ เมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจ
นอกจากนี้ ยังต้องสามารถแสดงหลักฐานการอบรมหรือบันทึกการดำน้ำต่อเจ้าหน้าที่ได้ หากถูกตรวจสอบ
ทำไมถึงเข้มงวดขนาดนี้? สาเหตุหนึ่งที่ต้องออกมาตรการนี้ เป็นเพราะ "การถ่ายภาพใต้น้ำ" กลายเป็นกิจกรรมยอดฮิตของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักเรียนดำน้ำมือใหม่ ซึ่งมักมีทักษะการลอยตัวไม่ดีพอ เสี่ยงต่อการกระทบกระเทือนปะการังโดยไม่ตั้งใจ เช่น ลอยตัวไม่อยู่แล้วใช้มือเท้าหรือกล้องยันพื้นทะเล หรือการใช้แฟลชที่รุนแรงใส่สัตว์น้ำโดยไม่รู้ตัว
ไม่ใช่แค่ห้าม แต่เปิดโอกาส “เรียนรู้”
แม้จะดูเข้มงวด แต่ประกาศฉบับนี้ไม่ได้ปิดกั้นนักดำน้ำที่สนใจถ่ายภาพใต้น้ำ หากแต่ส่งเสริมให้ศึกษาผ่านหลักสูตรเฉพาะ และต้องมีผู้มีประสบการณ์ควบคุมอย่างใกล้ชิด จึงถือเป็นแนวทาง “ควบคุมอย่างสร้างสรรค์” มากกว่าการห้ามปรามแบบเด็ดขาด
เนื้อหาทั้งหมดในประกาศ
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรปะการังจากกิจกรรมท่องเที่ยวดําน้ำ พ.ศ.2568
โดยที่ปรากฏว่าแนวปะการังของประเทศไทย ซึ่งเป็นทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งถูกทําลายหรือได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงเข้าขั้นวิกฤติจากการประกอบกิจกรรมท่องเที่ยวดําน้ำ ในบริเวณแนวปะการัง และมีความจําเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการสงวน คุ้มครอง และอนุรักษ์แนวปะการังไว้ เพื่อการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 4 วรรคหนึ่ง และมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริม การบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ.2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบาย และแผนบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งแห่งชาติ และโดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรี จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ในประกาศนี้
- “บริเวณแนวปะการัง” หมายความว่า พื้นที่ ที่มีปะการังทั้งมีชีวิต และไม่มีชีวิต ดอกไม้ทะเล กัลปังหา และพื้นทราย พื้นหินที่แทรกอยู่ระหว่างแนวปะการัง ทั้งนี้ รวมถึงปะการังเทียม
- “กิจกรรมท่องเที่ยวดําน้ำ” หมายความว่า กิจกรรมการนําบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเดินทาง ไปดําน้ำ โดยการดําน้ำลึก การดําน้ำตื้น การดําน้ำอิสระ หรือประกอบกิจกรรมใด ๆ เพื่อท่องเที่ยว ดูปะการัง หรือสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล และให้หมายความรวมถึง การทดลองการเรียนดําน้ำ การเรียนดําน้ำ และการสอบดําน้ำ
- “ผู้ประกอบการ” หมายความว่า ผู้จัดกิจกรรมท่องเที่ยวดําน้ำ
- “การดําน้ำลึก” หมายความว่า การดําน้ำโดยใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจใต้น้ำ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อท่องเที่ยวดูปะการัง หรือสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล
- “การดําน้ำตื้น” หมายความว่า การลอยตัวบนผิวน้ำหรือดําลงไปใต้น้ำ โดยการใช้หน้ากาก และท่อหายใจ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อท่องเที่ยวดูปะการัง หรือสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล
- “การดําน้ำอิสระ (Freediving)” หมายความว่า การดําน้ำโดยวิธีกลั้นหายใจตั้งแต่เริ่มต้น ดําน้ำจนกลับขึ้นสู่ผิวน้ำ โดยไม่มีอุปกรณ์ช่วยหายใจใต้น้ำ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อท่องเที่ยวดูปะการัง หรือสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล
- “สถาบันสอนการดําน้ำ” หมายความว่า สมาคมหรือสถาบัน หรือหน่วยงานที่มีการจัดการ ฝึกสอนดําน้ำซึ่งมีหลักสูตรและมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ เช่น สมาคมครูผู้สอนดําน้ำมืออาชีพ (Professional Association of Diving Instructors: PADI) annu National Association of Underwater Instructors: NAUI หรือสถาบันดําน้ำนานาชาติ (Scuba Schools International: SSI) หรือสหพันธ์การดําน้ำโลก (CMAS) หรือสถาบันสอนการดําน้ำอื่น
- “การทดลองการเรียนดําน้ำลึก” หมายความว่า การทดลองเรียนดําน้ำลึกตามมาตรฐาน ของสถาบันสอนการดําน้ำ เช่น หลักสูตร ทดลองดําน้ำ (Discover Scuba Diving: DSD) ของสมาคมครูผู้สอนดําน้ำมืออาชีพ (Professional Association of Diving Instructors: PADI) หรือหลักสูตร ทดลองดําน้ำ (Try dive) ของสถาบัน National Association of Underwater Instructors (NAUI) หรือหลักสูตร การดําน้ำชั้นแนะนํา (Introductory SCUBA Experiences) ของสหพันธ์การดําน้ำโลก (CMAS) หรือหลักสูตรของสถาบันสอนการดําน้ำอื่นๆ ที่เทียบเท่า
- "ใบรับรองนักดา ลึก" หมายความว่า ใบรับรองการสอบผ่านหลักสูตรดำน้ำลึกตามมาตรฐานของสถาบันสอนการดําน้ํา
- “ใบรับรองนักดําน้ำอิสระ” หมายความว่า ใบรับรองการสอบผ่านหลักสูตรดําน้ําอิสระ (Freediving) ตามมาตรฐานของสถาบันสอนการดําน้ํา
- “ผู้ควบคุม” หมายความว่า บุคคลซึ่งผ่านการอบรมหลักสูตรที่อธิบดีกําหนด โดยมีหน้าที่ ควบคุมกิจกรรมท่องเที่ยวดําน้ําในบริเวณแนวปะการัง
- “ผู้ช่วยผู้ควบคุม” หมายความว่า บุคคลซึ่งผ่านการอบรมหลักสูตรที่อธิบดีกําหนด โดยมี หน้าที่เป็นผู้ช่วยควบคุมการดําน้ําตื้นในบริเวณแนวปะการัง
- “อธิบดี” หมายความว่า อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
ข้อ 2 ให้อธิบดีมีอํานาจกําหนดหลักสูตรการเป็นผู้ควบคุมและผู้ช่วยผู้ควบคุม รวมทั้งกําหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับการฝึกอบรม เงื่อนไขการฝึกอบรม การผ่านการฝึกอบรม การออกบัตร ประจําตัวผู้ควบคุมและผู้ช่วยผู้ควบคุม และการเพิกถอนการเป็นผู้ควบคุมหรือผู้ช่วยผู้ควบคุมที่ฝ่าฝืน ประกาศนี้ หรือขาดคุณสมบัติตามที่อธิบดีกําหนด
ข้อ 3 เพื่อประโยชน์ในการสงวน คุ้มครอง อนุรักษ์ หรือฟื้นฟูทรัพยากรปะการัง ห้ามดําเนินกิจกรรมท่องเที่ยวดําน้ําในบริเวณแนวปะการัง เว้นแต่จะได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ที่กําหนดไว้ในข้อ 4 ข้อ 5 และข้อ 6
ข้อ 4 การจัดกิจกรรมท่องเที่ยวดําน้ํา ผู้ประกอบการ มีหน้าที่ ดังต่อไปนี้
- (1) ต้องจัดให้มีผู้ควบคุม หรือผู้ช่วยผู้ควบคุมไปกับนักท่องเที่ยวดำน้ำทุกครั้งที่จัดกิจกรรม ท่องเที่ยวดําน้ํา
- (2) ต้องจัดให้มีอุปกรณ์เสื้อชูชีพให้แก่นักท่องเที่ยว สําหรับการดําน้ําตื้นในบริเวณ แนวปะการังทุกครั้ง
ข้อ 5 ผู้ควบคุม และผู้ช่วยผู้ควบคุม มีหน้าที่ควบคุม กํากับ ดูแล กิจกรรมท่องเที่ยวดําน้ํา โดยปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
- (1) แจ้งกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนวิธีปฏิบัติที่ดีในการดําน้ําโดยไม่กระทบกระเทือน ต่อปะการัง สิ่งมีชีวิตใต้ทะเล และนักท่องเที่ยว ก่อนที่จะเริ่มต้นกิจกรรมการท่องเที่ยวดําน้ํา ในกรณีที่แนวปะการังอยู่ภายในแนวเขตอุทยานแห่งชาติ พื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม หรือพื้นที่อนุรักษ์ตามกฎหมายอื่น ให้แจ้งกฎหมายและระเบียบตามกฎหมายดังกล่าว ในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แก่นักท่องเที่ยวด้วย
- (2) การต่าน้ําลึก นักท่องเที่ยวต้องผ่านการเรียนต่าน้ําลึก โดยให้มีผู้ควบคุมหนึ่งคน ต่อนักท่องเที่ยวไม่เกินสี่คน
- (3) การดําน้ําตื้น ให้มีผู้ควบคุมหนึ่งคนต่อนักท่องเที่ยวไม่เกินยี่สิบคน กรณีนักท่องเที่ยว เกินยี่สิบคน ให้มีผู้ควบคุมหรือผู้ช่วยผู้ควบคุมเพิ่มในอัตราส่วนหนึ่งคนต่อนักท่องเที่ยวไม่เกินยี่สิบคน
- (4) การดําน้ําอิสระ (Freediving) ให้มีผู้ควบคุมหนึ่งคนต่อนักท่องเที่ยวไม่เกินยี่สิบคน
- (5) การทดลองการเรียนดําน้ํา ให้มีผู้ควบคุมหนึ่งคนต่อผู้เรียนไม่เกินสองคน
- (6) การเรียนดําน้ําลึกและการสอบดําน้ําลึก ให้มีผู้ควบคุมหนึ่งคนต่อผู้เรียนดําน้ําไม่เกินสี่คน และให้กระทําการบนพื้นทรายนอกแนวปะการัง
- (7) ในระหว่างการเรียนหรือสอบดําน้ําลึก ห้ามนักเรียนดําน้ํา หรือครูสอนดําน้ําถ่ายภาพใต้น้ํา เว้นแต่จะได้จัดให้มีบุคคลเพื่อทําหน้าที่ถ่ายภาพเป็นการเฉพาะ โดยบุคคลที่ทําหน้าที่ถ่ายภาพต้องสอบ ผ่านหลักสูตรการดําน้ําลึกในระดับที่ Advanced Open Water ของสถาบัน PADI หรือสถาบัน SSI หรือระดับ Advanced Scuba Diver ของสถาบัน NAUI หรือหลักสูตรของสถาบันสอนการดําน้ําอื่น ที่เทียบเท่าขึ้นไป หรือต้องมีประสบการณ์การดําน้ําตั้งแต่ 40 ไดฟ์ ขึ้นไป และต้องมีใบรับรอง การสอบผ่านหลักสูตรดังกล่าว หรือสมุดบันทึกประสบการณ์มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ เมื่อเจ้าหน้าที่ขอ หรือเป็นการเรียนการสอนตามหลักสูตรการถ่ายภาพใต้น้ําของสถาบันสอนการดําน้ํา และต้องแสดง หลักฐานการสอนนั้น
- (8) การดำนํ้าลีกห้ามนำกล้องลงไปถ่ายภาพใต้น้ํา เว้นแต่เป็นการถ่ายภาพใต้นํ้าโดยบุคคล ที่ได้สอบผ่านหลักสูตรการดําน้ําลึกในระดับที่ Advanced Open Water ของสถาบัน PADI หรือ สถาบัน SSI หรือ ระดับ Advanced Scuba Diver ของสถาบัน NAUI หรือหลักสูตรของสถาบัน สอนการดําน้ําอื่นที่เทียบเท่าขึ้นไป หรือต้องมีประสบการณ์การดําน้ําตั้งแต่ 40 ไดฟ์ ขึ้นไป และต้องมีใบรับรองการสอบผ่านหลักสูตรดังกล่าว หรือสมุดบันทึกประสบการณ์มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ เมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจ
- (9) การดําน้ําตื้นในบริเวณแนวปะการังระดับน้ําจะต้องสูงไม่น้อยกว่า 2 เมตร จากยอดปะการัง
- (10) ในกรณีการดําน้ําตื้นที่มีการใช้ตีนกบ ผู้ควบคุมจะต้องแจ้งวิธีการควบคุมตีนกบมิให้ กระทบกระเทือนปะการังแก่นักท่องเที่ยว และต้องทดสอบความสามารถในการควบคุมก่อนที่จะนํา นักท่องเที่ยวเข้าใกล้แนวปะการังด้วย
- (11) นักท่องเที่ยวดําน้ําตื้นต้องสวมใส่เสื้อชูชีพในขณะดําน้ําตื้นในบริเวณแนวปะการังทุกครั้ง เว้นแต่ เป็นการดําน้ําตื้นโดยบุคคลที่ได้สอบผ่านหลักสูตรดําน้ําลึกหรือหลักสูตรดําน้ําอิสระ และต้องมีใบรับรองนักดําน้ําลึกหรือใบรับรองนักดําน้ําอิสระมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่เมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจ
ข้อ 6 ห้ามมิให้กระทําการ ดังนี้ ในบริเวณแนวปะการัง
- (1) ผู้ควบคุมหรือผู้ช่วยผู้ควบคุมเคลื่อนย้ายปะการัง สัตว์น้ํา หรือสิ่งมีชีวิตใด ๆ มาให้ นักท่องเที่ยวดู
- (2) การเตะ หรือสัมผัสปะการัง สัตว์น้ํา หรือสิ่งมีชีวิตใด ๆ
- (3) กระทําด้วยประการใด ๆ อันก่อให้เกิดตะกอนตกทับ หรือปกคลุมปะการัง หรือทําให้ ปะการังได้รับความเสียหาย
- (4) การให้อาหารปลาหรือสัตว์น้ํา
- (5) การทิ้งขยะลงในทะเล
- (6) การประกอบกิจกรรมท่องเที่ยวดําน้ําแบบเดินใต้ทะเล หรือ Sea Walker หรือท่องเที่ยวดําน้ําโดยวิธีอื่นใดที่มีลักษณะเป็นการเดินหรือเคลื่อนที่บนพื้นทะเล
ข้อ 7 กรณีที่นักท่องเที่ยวรายใดไม่ปฏิบัติตามคําแนะนําของผู้ควบคุมหรือผู้ช่วยผู้ควบคุม ที่ได้ดําเนินการตามข้อ 5 (1) หรือฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อ 5 (11) หรือข้อ 6 (2) (3) (4) (5) ให้ผู้ประกอบการ ผู้ควบคุม และผู้ช่วยผู้ควบคุมระงับการดําน้ําของนักท่องเที่ยวรายนั้น
ให้ผู้ควบคุม หรือผู้ช่วยผู้ควบคุมแจ้งต่อเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที หรือเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่รับผิดชอบพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเลนั้น โดยไม่ชักช้า การแจ้งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกําหนด
ข้อ 8 ผู้ควบคุม หรือผู้ช่วยผู้ควบคุมไม่ปฏิบัติตามข้อ 5 หรือฝ่าฝืนข้อห้ามตามข้อ 6 หรือไม่ดําเนินการตามข้อ 7 แล้วแต่กรณี อาจถูกเพิกถอนการเป็นผู้ควบคุมหรือผู้ช่วยผู้ควบคุม ตามหลักเกณฑ์ที่อธิบดีกําหนด
ข้อ 9 การดําเนินการตามประกาศนี้มิให้ใช้บังคับกับกิจกรรมที่มิใช่กิจกรรมท่องเที่ยวดําน้ํา เช่น การดําน้ําเพื่อการศึกษา และวิจัยทางวิชาการ การดําน้ําเพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่ง ภายใต้การกํากับของหน่วยงานที่รับผิดชอบ เป็นต้น
ข้อ 10 ในกรณีที่มีกฎหมายใดกําหนดมาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเรื่องใดไว้โดยเฉพาะ และเป็นมาตรการที่ไม่ต่ำกว่ามาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หรือมีมาตรการที่สูงกว่าในการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่กําหนดไว้ในประกาศนี้ ก็ให้เป็นไปตามมาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่กําหนดไว้ในกฎหมายนั้น
ข้อ 11 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป และมีระยะเวลา บังคับใช้ห้าปีนับแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ
ประกาศ ณ วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2568
เฉลิมชัย ศรีอ่อน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์