‘สเปน’ ปิด ‘โรงไฟฟ้านิวเคลียร์’ ปี 2035 สวนทางประเทศอื่นที่ยืดเวลาออกไป

‘สเปน’ ปิด ‘โรงไฟฟ้านิวเคลียร์’ ปี 2035 สวนทางประเทศอื่นที่ยืดเวลาออกไป

“สเปน” ตั้งเป้าปิด “โรงไฟฟ้านิวเคลียร์” ทั้ง 7 แห่งภายในปี 2035 แม้ว่ามีข้อเรียกร้องให้เลื่อนการปิดโรงไฟฟ้าออกไปและวางแผนจะสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ เหมือนกับประเทศอื่น ๆ 

KEY

POINTS

  • “สเปน” ยืนกรานปิด “โรงไฟฟ้านิวเคลียร์” ทั้ง 7 แห่งภายในปี 2035 พร้อมเตรียมปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งสุดท้ายในปี 2025 โดยจะเปลี่ยนไปใช้ “พลังงานสะอาด” แทน
  • ด้วยเงินลงทุนเท่ากัน สเปนสามารถสร้างโซลาร์ฟาร์มและกังหันลมได้เร็วกว่า รวมถึงผลิตพลังงานได้มากกว่านิวเคลียร์ถึง 3-4 เท่า
  • แต่ภายใน 5 ปีนี้ สเปนยังต้องเร่งสร้างโรงงานพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อให้สามารถผลิตพลังงานหมุนเวียนให้ได้ 81% ภายในสิ้นทศวรรษนี้

สเปน” ยืนกรานปิด “โรงไฟฟ้านิวเคลียร์” ทั้ง 7 แห่งภายในปี 2035 แม้ว่าหลายฝ่ายเรียกร้องให้เลื่อนการปิดโรงไฟฟ้าออกไปและสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ เหมือนกับประเทศอื่น ๆ

ปัจจุบันโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งหมดของสเปนสามารถผลิตพลังงานคิดเป็น 20% ในการผลิตไฟฟ้าของประเทศ อีกทั้งยังเตรียมปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งสุดท้ายในปี 2025 โดยจะเปลี่ยนไปใช้ “พลังงานสะอาด” ไม่ว่าจะเป็นพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และใช้แบตเตอรี่สำรองไฟแทน แต่ไม่ได้หมายความว่าสเปนจะไม่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลเลย เพราะยังคงมีโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติไว้เป็นแหล่งพลังงานสำรอง

แม้ว่าสเปนจะเป็นชาติที่สามารถผลิตพลังงานสะอาดได้มากที่สุดเป็นอันดับสองของยุโรป เป็นเพียงแค่เยอรมนี แต่อุตสาหกรรมการจัดเก็บพลังงานของประเทศยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตเพียง 3 กิกะวัตต์เท่านั้น และจะต้องผลิตได้ให้ 20 กิกะวัตต์ภายในปี 2030

อีกทั้งภายใน 5 ปีนี้ สเปนยังต้องเร่งสร้างโรงงานพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อให้สามารถผลิตพลังงานหมุนเวียนให้ได้ 81% ภายในสิ้นทศวรรษนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 50% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

เกศวรรธินี สวาริมัทธุ นักวิเคราะห์ตลาดพลังงานยุโรปจาก BloombergNEF กล่าวว่า มีโอกาสที่สเปนจะบรรลุเป้าหมายช้ากว่าที่คาดไว้ แต่การที่สเปนยังคงตั้งมั่นที่จะปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ตามแผนการเดิมก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า สเปนจะดำเนินการสุดกำลัง

ในปัจจุบันการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ถือเป็นแหล่งพลังงานที่ปล่อยมลพิษต่ำและสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง ตอบสนองความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการใช้เอไอและศูนย์ข้อมูล และใช้พลังงานสะอาดทดแทนการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียหลังจากที่รัสเซียบุกยูเครน แม้อาจจะมีความกังวลด้านความปลอดภัยและปัญหากัมมันตภาพรังสีรั่วไหลก็ตาม 

ตั้งแต่ปี 2023 มี 31 ประเทศตกลงที่จะเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานนิวเคลียร์เป็นสามเท่าภายในปี 2050 จากระดับในปี 2020 แค่จีนเพียงประเทศเดียวก็กำลังสร้างเครื่องปฏิกรณ์ใหม่ 28 เครื่อง ในขณะที่แคนาดา สหราชอาณาจักร และสหรัฐจะขยายเวลาเปิดใช้เตาปฏิกรณ์ขั้นสูงถึงสิ้นทศวรรษนี้ ส่วนเบลเยียมเลื่อนปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ออกไปเป็นปี 2035 

สเปนก็วางแผนปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไว้ตั้งแต่ปี 2019 เพราะเชื่อว่าการยืดอายุการใช้งานเครื่องปฏิกรณ์ที่ใช้งานมานานจะยิ่งเพิ่มต้นทุนในการจัดการขยะกัมมันตภาพรังสี จนถึงขณะนี้ รัฐบาลระบุว่ายังไม่ได้รับคำขออย่างเป็นทางการจากบริษัทพลังงานนิวเคลียร์เพื่อทำการเปลี่ยนแปลงกำหนดการปิดเครื่อง

“กำหนดการการปิดโรงไฟฟ้ายังคงเป็นไปตามเดิม ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง” ซารา อาเกเซน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อเดือนมีนาคม

ขณะเดียวกัน สเปนก็ไม่สนใจที่จะลงทุนสร้างเครื่องปฏิกรณ์ใหม่ โดยกล่าวว่ากำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนนั้นมีต้นทุนต่ำกว่ามาก ตามเอกสารภายในของพรรคสังคมนิยมผู้นำประเทศระบุว่า ด้วยเงินลงทุนเท่ากัน สเปนสามารถสร้างโซลาร์ฟาร์มและกังหันลมได้เร็วกว่า รวมถึงผลิตพลังงานได้มากกว่านิวเคลียร์ถึง 3-4 เท่า

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวบลูมเบิร์กเตือนว่า สเปนต้องระวังและเตรียมตัวให้ดี เมื่อจะปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกในปี 2027 โดยยกตัวอย่างของเยอรมนีปิดเครื่องปฏิกรณ์เครื่องสุดท้ายในปี 2023 แต่กลับต้องขยายเวลาเปิดโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างน้อยไปจนถึงปี 2035 เพื่อจะได้ผลิตไฟฟ้าได้เพียงพอต่อความต้องการของประเทศ ทั้งที่ในปีนั้นเยอรมนีตั้งเป้าจะผลิตพลังงานโดยปราศจากคาร์บอนแล้วก็ตาม

นอกจากนี้ ประเทศต่าง ๆ ทั่วยุโรปยังต้องหาทางรักษาสมดุลระหว่างอุปทานและอุปสงค์ในระบบไฟฟ้า เนื่องจากมีพลังงานหมุนเวียนที่ไม่ต่อเนื่องมากขึ้น ขณะเดียวกันเมื่ออุปทานพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาไฟฟ้าลดลงต่ำกว่าศูนย์ (Negative Electricity Prices) บ่อยครั้งขึ้นในสเปน ทั้งที่เมื่อ 2 ปีก่อน ราคาไฟฟ้าติดลบไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศมาก่อน และเพิ่มขึ้นเป็น 247 ชั่วโมงของราคาติดลบเมื่อปีที่แล้ว 

ตามการวิเคราะห์ข้อมูล Epex Spot SE ของ Bloomberg พบว่าเพียงเพียงไตรมาสแรกของปี 2025 ตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ 54 ชั่วโมง ซึ่งมากกว่าฝรั่งเศส เยอรมนี และสหราชอาณาจักรรวมกันเสียอีก ราคาค่าไฟติดลบแสดงให้เห็นว่าสเปนจำเป็นต้องจัดการการตอบสนองด้านอุปสงค์ และระบบการกักเก็บพลังงาน

เพื่อเป็นแนวทางในการรักษาเสถียรภาพของตลาดพลังงาน รัฐบาลอนุมัติเงิน 110 ล้านดอลลาร์ ให้กับ 4 โครงการเพื่อจัดเก็บพลังงานผ่านโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับได้ รวมถึงมอบให้กับ Iberdrola SA หนึ่งในบริษัทพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดของสเปนและเป็นผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อีกด้วย

แม้ว่าทั้งหมดนี้บ่งชี้ว่าสเปนยังคงมีแนวโน้มที่ดีต่อพลังงานหมุนเวียน แต่อิกนาซิโอ อาราลูเซ ประธานสมาคมอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ของสเปน กล่าวว่าสมาคมยังกังวลเกี่ยวกับการกำจัดแหล่งพลังงานที่มีเสถียรภาพซึ่งถือว่าจำเป็นต่อความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไป และยังต้องการเจรจากับรัฐบาล เพื่อโน้มน้าวให้เห็นว่าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ไม่ใช่หนทางเดียวในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และพลังงานนิวเคลียร์ก็มีความสำคัญเช่นกัน

เช่นเดียวกับฝ่ายค้านที่เรียกร้องให้ประเมินกลยุทธ์ด้านพลังงานแห่งชาติใหม่ และเรียกร้องให้รัฐบาลทำตามประเทศอื่น ๆ ในยุโรปที่เลือกขยายอายุการใช้งานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

รัฐบาลยืนยันว่าก่อนที่จะออกแผนการปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ได้ทำการปรึกษากับบริษัทที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว และระบบไฟฟ้าของสเปนก็พร้อมที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ การลงทุนในพลังงานหมุนเวียนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่ามีกำลังการผลิตเพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำว่าความสำเร็จของการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้จะขึ้นอยู่กับการพัฒนาอย่างรวดเร็วของโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการจัดเก็บและส่งไฟฟ้า การปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าให้ทันสมัย และเพิ่มการลงทุนในแหล่งพลังงานทางเลือก ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นในการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดด้านอุปทานและควบคุมการเพิ่มขึ้นของราคาไฟฟ้า


ที่มา: BloombergEnergy NewsEnergy News