‘ไมโครพลาสติก’ ทำ ‘แก่ก่อนวัยอันควร’ ริ้วรอยมาเต็ม-สมองช้า

มีไมโครพลาสติกตกค้างอยู่ในร่างกายแทบจะครบทุกอวัยวะ แม้แต่รกเด็กและอสุจิ ล่าสุดงานวิจัยพบว่าไมโครพลาสติกทำให้เกิด “ริ้วรอยก่อนวัยอันควร”
“ไมโครพลาสติก” ที่แตกตัวมาจาก “ขยะพลาสติก” มีอยู่ทุกที่ และการสัมผัสกับพลาสติกเป็นเวลานานอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพมนุษย์ งานวิจัยจำนวนมาก พบว่ามีไมโครพลาสติกตกค้างอยู่ในร่างกายแทบจะครบทุกอวัยวะ แม้แต่รกเด็กและอสุจิ ล่าสุดงานวิจัยพบว่าไมโครพลาสติกทำให้เกิด “แก่ก่อนวัยอันควร”
ผู้เชี่ยวชาญด้านขยะพลาสติกจาก BusinessWaste บริษัทจัดการขยะชั้นนำในสหราชอาณาจักรได้นำผลการศึกษาเกี่ยวกับไมโครพลาสติกมาใช้สร้างภาพ เพื่อแสดงให้เห็นว่าระดับการสัมผัสที่พลาสติกที่แตกต่างกันอาจส่งผลต่อรูปลักษณ์ได้อย่างไร
การศึกษาวิจัยชี้ให้เห็นว่าอนุภาคพลาสติกเหล่านี้มีอยู่ทุกที่ ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ไปจนถึงอาหาร น้ำดื่ม และอากาศ ซึ่งสามารถทำลายเซลล์และทำลายอวัยวะ เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ มะเร็ง ภาวะมีบุตรยาก และภาวะเรื้อรังอื่น ๆ ได้
“แม้ว่าการวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบของไมโครพลาสติกต่อมนุษย์ส่วนใหญ่จะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ก็ชัดเจนว่ามีสัญญาณที่น่าเป็นห่วงมากมายว่ามลพิษนี้อาจส่งผลต่อเราอย่างไร โดยภาพที่เราสร้างขึ้นนั้นอิงตามผลการศึกษาวิจัยเหล่านี้และแสดงผลลัพธ์ที่น่าตกใจ แต่เราหวังว่าภาพเหล่านี้จะทำให้ผู้คนสนใจและใส่ใจกับปัญหาที่ใหญ่กว่านี้” มาร์ก ฮอลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านขยะพลาสติกและผู้ก่อตั้ง Business Waste กล่าว
บริษัทได้วิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละระดับ ตั้งแต่การสัมผัสน้อยไปจนถึงการสัมผัสมาก โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ
สัมผัสพลาสติกระดับต่ำ
การสัมผัสไมโครพลาสติกในระดับต่ำมักเกิดจากอาหาร เครื่องดื่ม และสภาพแวดล้อมในชีวิตประจำวันของเรา แม้ว่าอาการส่วนใหญ่ในระยะนี้จะอยู่ภายในร่างกายและไม่สามารถมองเห็นได้ทันที แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าอาการเหล่านี้อาจยังส่งผลต่อรูปลักษณ์และความเป็นอยู่ของมนุษย์ได้
การศึกษาวิจัยชี้ให้เห็นว่าปฏิกิริยาระหว่างไมโครพลาสติกกับสารรบกวนการทำงานของต่อมไร้ท่อ ซึ่งเป็นสารเคมีที่ไปรบกวนการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ อาจทำให้ผิวแห้ง มีรอยแดง และระคายเคืองได้
นอกจากนี้ ไมโครพลาสติกอาจเปลี่ยนแปลงไมโครไบโอมในลำไส้ อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด ไม่สบายท้อง และมีปัญหาด้านการย่อยอาหาร อีกทั้งผู้ที่ได้รับไมโครพลาสติกในปริมาณต่ำอาจรู้สึกอ่อนล้าเล็กน้อย เนื่องจากการอักเสบที่เกิดจากอนุภาคพลาสติกส่งผลกระทบต่อร่างกาย
เครดิตภาพ: BusinessWaste
สัมผัสพลาสติกระดับกลาง
ผู้ที่รับประทานอาหารแปรรูปหรืออาหารทะเลเป็นประจำ รวมถึงผู้ที่ใช้หรือสวมใส่ผ้าสังเคราะห์ อาจมีความเสี่ยงต่อการสัมผัสไมโครพลาสติกในปริมาณปานกลาง ในระยะนี้ ผลกระทบทางกายภาพจะเด่นชัดมากขึ้น ผิวหนังระคายเคืองมากขึ้น และสัญญาณของการแก่ก่อนวัย เช่น ริ้วรอยและรอยย่น จะเริ่มปรากฏขึ้น โดยมักเกิดจากภาวะถูกออกซิไดซ์ เกินสมดุล ซึ่งเป็นผลมาจากจากไมโครพลาสติก
นอกจากนี้ ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีมลพิษสูงยังมีแนวโน้มที่จะได้รับสารพิษในระดับปานกลาง อาจจะมีอาการตาแดง ระคายเคือง และหายใจลำบาก เช่น ไอและมีเสียงหวีด อีกทั้งการทำงานผิดปรกติของฮอร์โมนที่เกิดจากสารเคมีในไมโครพลาสติกยังอาจทำให้น้ำหนักไม่คงที่ มีปัญหาด้านการย่อยอาหาร
คนที่สัมผัสกับไมโครพลาสติกในระดับนี้มีแนวโน้มที่จะรู้สึกเหนื่อยล้าและสมองมึนงงอย่างต่อเนื่อง เพราะร่างกายมีปัญหาในการจัดการกับผลกระทบสะสม
เครดิตภาพ: BusinessWaste
สัมผัสพลาสติกระดับสูง
การสัมผัสกับไมโครพลาสติกในระดับสูงอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น สภาพแวดล้อมในที่ทำงาน การดื่มน้ำคุณภาพต่ำ หรือการใช้ผ้าสังเคราะห์ในเสื้อผ้าและของใช้ในบ้านที่มีพลาสติกอย่างสม่ำเสมอ
นักวิจัยเชื่อว่าการสัมผัสกับไมโครพลาสติกเป็นเวลานานและสม่ำเสมออาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพของมนุษย์ อาจส่งผลให้เกิดสัญญาณของการแก่ก่อนวัยที่รุนแรงขึ้น รวมถึงการอักเสบของผิวหนังเรื้อรัง ผื่น และอาการคล้ายกลาก ภาวะผิวสีเปลี่ยน เซลล์เสียหายจนเกิดก้อนแข็งหรือรอยโรคที่ไม่หาย
ในระยะนี้ ผู้คนอาจสังเกตเห็นรอยสีน้ำเงินหรือม่วงบนริมฝีปากหรือปลายนิ้ว ซึ่งเป็นสัญญาณของการทำงานของปอดที่ลดลง ส่วนสมองอาจได้รับผลกระทบรุนแรง ไมโครพลาสติกอาจทำให้ปฏิกิริยาตอบสนองช้าลง มีปัญหาด้านความจำ และสับสนทางจิต รวมถึงอาจมีอาการสั่นหรือมีปัญหาในการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อมัดเล็ก
ความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อยังเด่นชัดมากขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้ผมบางหรือหลุดร่วง น้ำหนักขึ้น ๆ ลง ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ และประจำเดือนมาไม่ปรกติ
เครดิตภาพ: BusinessWaste
วิธีป้องกันตัวเองจากไมโครพลาสติก
ถึงแม้ไมโครพลาสติกมีอยู่ทุกที่ และจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ทั้งหมด แต่ก็สามารถลดการสัมผัสได้ ตามข้อมูลของ BusinessWaste ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงที่ได้ผลที่สุดอย่างหนึ่งที่คุณทำได้คือการเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นภาชนะบรรจุอาหารและเครื่องดื่ม อีกทั้งการกรองน้ำยังช่วยลดปริมาณไมโครพลาสติกได้อีกด้วย
การลดการใช้ผ้าสังเคราะห์ เช่น ไนลอนและโพลีเอสเตอร์ ทั้งในเสื้อผ้าและของตกแต่งบ้าน ถึงเป็นอีกขั้นตอนที่สำคัญในการหลีกเลี่ยงไมโครพลาสติก เลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน และขนสัตว์แทน
หากทำได้ เลือกทานอาหารออร์แกนิกที่ไม่ผ่านการแปรรูป และลดปริมาณอาหารทะเลลง รวมถึงหันมาซื้อผลผลิตจากแหล่งผลิตในท้องถิ่นที่ยั่งยืนและไม่บรรจุในพลาสติก ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดี
ที่มา: BusinessWaste, Earth, New York Post