สงกรานต์ ประเพณีไทยท่ามกลางความท้าทายเรื่องน้ำและปัญหาขยะ

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้น้ำมากเกินไปในช่วงเทศกาลสงกรานต์ได้จุดชนวนให้เกิดการถกเถียงกันถึงแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน
KEY
POINTS
- สงกรานต์ตัวแทนของวัฒนธรรมไทยที่เต็มไปด้วยความสุข
- แต่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมโลก เราจำเป็นต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับบริบทใหม่
- การรักษาสมดุลระหว่างการเฉลิมฉลองและความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม จะเป็นกุญแจสำคัญในการสืบสานเทศกาลนี้ต่อไปอย่างยั่งยืน
เทศกาลสงกรานต์จัดขึ้นทุกปีระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่แบบดั้งเดิมของประเทศไทย โดยมีความหมายสำคัญในด้านวัฒนธรรม ศาสนา และครอบครัว อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญและมีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศ
นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติร่วมเฉลิมฉลองอย่างสนุกสนานทั่วทุกพื้นที่
ด้วยกิจกรรมสาดน้ำและการพบปะในชุมชนต่างๆ แม้ว่าเทศกาลนี้จะสร้างความสุขและมีบทบาทสำคัญในด้านวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ แต่ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการใช้น้ำจำนวนมาก ได้กลายเป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ในอดีตเทศกาลสงกรานต์มีต้นกำเนิดจากพิธีกรรมที่สื่อถึงการชำระล้างเพื่อความเป็นสิริมงคลและการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่เพื่อแสดงความเคารพ แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะในเขตเมืองอย่างกรุงเทพฯ การเฉลิมฉลองได้เปลี่ยนรูปแบบเป็นการสาดน้ำครั้งใหญ่ โดยใช้สายยาง ปืนฉีดน้ำ และถังน้ำขนาดใหญ่ ทำให้การใช้น้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล การใช้น้ำโดยเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ประมาณ 5.2 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ในช่วงสงกรานต์ ปริมาณการใช้น้ำเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 100,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากกิจกรรมสาดน้ำ
กรมชลประทาน ยืนยันน้ำเพียงพอเล่นน้ำสงกรานต์
ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน (11 เมษายน 2568) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกัน 46,197 ล้าน ลบ.ม. (61% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้ 22,259 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 14,495 ล้าน ลบ.ม. (58% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) ปริมาณน้ำใช้การได้ 7,799 ล้าน ลบ.ม.
ขณะนี้ทั้งประเทศมีการจัดสรรน้ำไปแล้วกว่า 26,380 ล้าน ลบ.ม. (90% จากแผนฯ) ทางด้านผลการเพาะปลูกพืชทั้งประเทศมีการเพาะปลูกข้าวนาปรังแล้ว รวม 9.99 ล้านไร่ (100% จากแผนฯ) เฉพาะลุ่มเจ้าพระยา มีการเพาะปลูกข้าวนาปรังแล้ว 6.35 ล้านไร่ (98% จากแผนฯ) ภาพรวมทั้งประเทศมีการเก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้วกว่า 5 ล้านไร่ (50%)
สำหรับในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2568 นี้ กรมชลประทานได้ร่วมสืบสานประเพณีไทย โดยสนับสนุนน้ำชลประทานในช่วงเทศกาลสงกรานต์จากอ่างเก็บน้ำต่างๆ ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเล่นน้ำตามประเพณีและพักผ่อนคลายร้อน ทั้งนี้ ปริมาณน้ำดังกล่าวไม่กระทบต่อการใช้น้ำในภาคส่วนอื่นๆ ตามแผนการจัดสรรน้ำในปี 2567/68
พร้อมกันนี้ กรมชลประทานขอส่งความปรารถนาดีไปยังประชาชนทุกท่าน เนื่องในวันปีใหม่ไทย ขอให้ทุกท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพ ใช้ชีวิตอย่างมีสติในช่วงวันหยุดยาวนี้ และขอความร่วมมือให้มีการเล่นน้ำอย่างพอสมควรและสร้างสรรค์เพื่อลดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ปริมาณขยะเกิดขึ้นช่วงสงกรานต์
ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 กรุงเทพมหานครรายงานว่ามีปริมาณขยะรวมกว่า 51,437 ตัน จากทั้ง 50 เขต ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ประมาณ 1,000 ตัน โดยเฉพาะในพื้นที่ยอดนิยม เช่น ถนนข้าวสาร มีขยะถึง 58 ตัน ขณะที่พื้นที่โดยรอบมีมากถึง 104 ตัน ขยะส่วนใหญ่ประกอบด้วยกล่องโฟม เศษพลาสติก ขวดแก้ว และเศษอาหาร โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น เช่น ถนนข้าวสาร ซึ่งมีขยะเฉลี่ยวันละ 162 ตัน
นอกจากนี้ สำนักสิ่งแวดล้อมกรุงเทพมหานครยังระบุว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปริมาณขยะในกรุงเทพฯ อาจสูงถึง 10,000 ตันต่อวัน การจัดการขยะในช่วงเทศกาลนี้จึงเป็นความท้าทายสำคัญที่ต้องการการวางแผนและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
เล่นสงกรานต์อย่างยั่งยืน
เพื่อรับมือกับปัญหาสิ่งแวดล้อม หลายหน่วยงานได้ริเริ่มโครงการต่างๆ เพื่อส่งเสริมการจัดงานสงกรานต์อย่างยั่งยืน
- รณรงค์ลดการใช้น้ำ: เมืองใหญ่หลายแห่ง รวมถึงกรุงเทพฯ ได้รณรงค์ให้ประชาชนใช้อุปกรณ์สาดน้ำขนาดเล็กแทนการใช้สายยางหรือถังน้ำ เพื่อลดการใช้น้ำเกินความจำเป็น
- ระบบบำบัดและนำกลับมาใช้ใหม่: มีการตั้งจุดบำบัดน้ำในพื้นที่จัดงานหลัก เพื่อรวบรวมน้ำที่ใช้แล้วและนำกลับมาใช้ใหม่ เช่น สำหรับล้างถนนหรือรดต้นไม้
- กิจกรรมให้ความรู้: โรงเรียนและชุมชนจัดเวิร์กช็อปเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการประหยัดน้ำ และลดการสร้างขยะในช่วงเทศกาล
- ส่งเสริมการใช้ของใช้ซ้ำได้: มีการรณรงค์ให้ผู้เข้าร่วมงานใช้ภาชนะหรืออุปกรณ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และแยกขยะอย่างถูกต้อง
แม้สงกรานต์จะเป็นเทศกาลที่มีรากฐานทางวัฒนธรรมลึกซึ้ง แต่ในโลกปัจจุบันที่ทรัพยากรธรรมชาติกำลังลดลง การเฉลิมฉลองจึงควรควบคู่กับความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเสนอว่า การปลูกฝังแนวคิดเรื่องการอนุรักษ์น้ำและทรัพยากรอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี จะช่วยให้สงกรานต์ยังคงความสนุกโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมสำหรับคนรุ่นหลัง







