‘ภาษีคาร์บอนจากขนส่งทางเรือ’ นโยบายสิ่งแวดล้อมที่ ‘สหรัฐ-จีน’ ไม่เห็นด้วย

‘ภาษีคาร์บอนจากขนส่งทางเรือ’ นโยบายสิ่งแวดล้อมที่ ‘สหรัฐ-จีน’ ไม่เห็นด้วย

ประเทศต่าง ๆ หาทางบรรลุข้อตกลงในการเรียกเก็บภาษีจากเรือพาณิชย์สำหรับการปล่อยมลพิษ ซึ่งถือเป็นภาษีคาร์บอนระดับโลกครั้งแรกของโลก

KEY

POINTS

  • IMO หารือ “ภาษีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมการเดินเรือรายใหญ่” และกำหนดมาตรฐานเชื้อเพลิงทางทะเลเพื่อค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเชื้อเพลิงที่สะอาดขึ้น เพื่อแก้ปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคการเดินเรือ
  • กลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เช่น หมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก และหมู่เกาะแคริบเบียนต่างเห็นด้วยกับมาตรการนี้
  • แต่ก็มีประเทศที่คัดค้าน เช่น สหรัฐ บราซิล จีน และซาอุดีอาระเบีย กังวลว่าการจัดเก็บภาษีดังกล่าวจะทำให้ความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจลดลง และความไม่เท่าเทียมเพิ่มมากขึ้น

องค์กรการเดินเรือระหว่างประเทศ (IMO) ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการเดินเรือระหว่างประเทศ ตั้งเป้าหมายให้อุตสาหกรรมการเดินเรือเข้าสู่ “เน็ตซีโร่” ภายในปี 2050 และมุ่งมั่นที่จะทำให้แน่ใจว่าเชื้อเพลิงที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์หรือเกือบศูนย์จะถูกใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น 

คณะกรรมการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทางทะเล (MEPC) ของ IMO จึงจัดการประชุมหารือมาตรการลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศของการเดินเรือระหว่างประเทศ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 3% ของการปล่อยคาร์บอนทั่วโลก โดยเฉพาะการจัดเก็บ “ภาษีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมการเดินเรือรายใหญ่” ระหว่างวันที่ 7-11 เม.ย. 2025 ณ สำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอน

คณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิกของ IMO กำลังหารือข้อบังคับระดับโลกใหม่ เพื่อกำหนดราคาภาษีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางทะเล และกำหนดมาตรฐานเชื้อเพลิงทางทะเลเพื่อค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเชื้อเพลิงที่สะอาดขึ้น โดยอาร์เซนิโอ โดมิงเกซ เลขาธิการ IMO กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวเป็นมากกว่าการมุ่งหวังเรื่องสภาพภูมิอากาศ แต่จะกลายเป็นข้อบังคับสำหรับเรือที่แล่นไปทั่วโลก โดยเขามองว่าอุตสาหกรรมนี้ต้องดำเนินการมากกว่านี้เพื่อลดมลภาวะคาร์บอน

ภาคการขนส่งระหว่างประเทศ ซึ่งรับผิดชอบการขนส่งประมาณ 90% ของการค้าโลก ถือเป็นอุตสาหกรรมที่ลดการปล่อยคาร์บอนได้ยากที่สุดแห่งหนึ่ง เนื่องจากเรือใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลจำนวนมหาศาลในแต่ละปี

เอ็มมา เฟนตัน ผู้อำนวยการอาวุโสด้านการทูตด้านสภาพอากาศจาก Opportunity Green องค์กรไม่แสวงหากำไรด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ กล่าวว่า การเก็บภาษีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเดินเรือด้วยอัตราคงที่และแพง เป็นวิธีเดียวที่จะลดการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรมได้อย่างเท่าเทียมกัน

นอกจากการเก็บภาษีแล้ว ยังต้องทำควบคู่ไปกับการกำหนดมาตรฐานเชื้อเพลิงสีเขียว ซึ่งช่วยลดช่องว่างราคาเชื้อเพลิงฟอสซิลและเชื้อเพลิงสีเขียว เช่น ไฮโดรเจน เมทานอล และแอมโมเนีย ตามข้อมูลของ Global Maritime Forum องค์กรไม่แสวงหากำไรที่ทำงานอย่างใกล้ชิดกับอุตสาหกรรมนี้

เรือส่วนใหญ่ในปัจจุบันใช้น้ำมันเตา ซึ่งปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และมลพิษอื่น ๆ ออกมา เมื่อถูกเผาไหม้ เพื่อให้เกิดการลดการปล่อยคาร์บอนครั้งใหญ่ จึงจำเป็นต้องมีการยกเครื่องเชื้อเพลิงเรือ

หากบรรลุข้อตกลงนี้ได้ จะแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือที่ยิ่งใหญ่ในการต่อสู้และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เป็นครั้งแรกที่จะมีกรอบการทำงานระดับโลกที่มีประสิทธิผลในการแก้ไขปัญหาระดับนานาชาติ แต่เรื่องมันไม่ได้ขนาดนั้น และยังไม่ได้เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ โดยผู้สังเกตการณ์อ้างถึงความกังวลของประเทศสมาชิกเกี่ยวกับการขึ้นภาษีของสหรัฐ สงครามการค้าโลกที่กำลังก่อตัว และสมาชิกหลายประเทศคัดค้านการเก็บภาษี

สำหรับประเทศที่สนับสนุนการเก็บภาษีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมการเดินเรือรายใหญ่ แบบอัตราคงที่ต่อการปล่อยคาร์บอนหนึ่งเมตริกตัน คือกลุ่มประเทศแรกที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ได้แก่ ประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก เช่น ฟิจิ หมู่เกาะมาร์แชลล์ และวานูอาตู และประเทศหมู่เกาะแคริบเบียน เช่น บาร์เบโดส จาเมกา และเกรเนดา

“สำหรับวานูอาตู เราเห็นว่า อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) ไม่ได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วเพียงพอ และนี่คือโอกาสอันยิ่งใหญ่ หากมาตรการนี้ถูกนำมาใช้จริง จะงมีประสิทธิภาพมากกว่า UNFCCC เสียอีก” ราล์ฟ เรเกนวานู รัฐมนตรีวานูอาตู กล่าว

ขณะที่ เอกอัครราชทูตอัลบอน อิโชดา ทูตพิเศษด้านการลดการปล่อยคาร์บอนทางทะเลของหมู่เกาะมาร์แชลล์ กล่าวว่าเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศของ IMO จะ “ไร้ความหมาย” ทันที หากไม่มีการจัดเก็บภาษี และรายได้จากการเก็บภาษีสามารถนำไปใช้ช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเดินเรือที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ไม่ต้องเชื้อเพลิงสกปรกและเรือเก่า ๆ อีกต่อไป

ส่วนประเทศที่ต่อต้านการจัดเก็บภาษีคาร์บอน เช่น สหรัฐ บราซิล จีน และซาอุดีอาระเบีย กังวลว่าการจัดเก็บภาษีดังกล่าวจะทำให้ความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจลดลง และความไม่เท่าเทียมเพิ่มมากขึ้น จึงเสนอการซื้อขายแบบเครดิตแทนการเก็บภาษีแบบคงที่ โดยเรือจะได้รับเครดิตหากปล่อยมลพิษต่ำกว่าเป้าหมาย และเรือจะซื้อเครดิตได้หากปล่อยเกินเป้าหมาย 

จากข้อมูลของ The Guardian ระบุว่า สหรัฐคัดค้านการจัดเก็บภาษีดังกล่าว มองว่าภาษีการเดินเรือ “ไม่ยุติธรรมอย่างเห็นได้ชัด” และ “ไม่สอดคล้อง” กับกฎหมายระหว่างประเทศเกี่ยวกับทะเลในปัจจุบัน

“ความพยายามของ IMO ในการบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับการเดินเรือระหว่างประเทศ รวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในหรือประมาณปี 2050 ถือเป็นการส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงในเชิงสมมติฐานที่มีราคาแพงและยังไม่ผ่านการพิสูจน์ว่าได้ผลจริง มาตรการเหล่านี้จะสร้างภาระทางเศรษฐกิจที่สำคัญให้กับภาคส่วนนี้และผลักดันให้เงินเฟ้อทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น หากมองอย่างตรงไปตรงมา มาตรการเหล่านี้เป็นเพียงความพยายามที่จะกระจายความมั่งคั่ง โดยใช้การปกป้องสิ่งแวดล้อมมาเป็นข้ออ้าง” The Guardian รายงาน

จากแหล่งข่าวระบุว่า หลายประเทศรู้สึกสับสนที่สหรัฐ กังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการจัดเก็บภาษีที่เสนอขึ้น ซึ่งจะเพิ่มรายได้ประมาณ 60,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี หากกำหนดไว้ที่ 100 ดอลลาร์ต่อคาร์บอนไดออกไซด์หนึ่งตัน

ซารา เอ็ดมอนด์สัน หัวหน้าฝ่ายรณรงค์ระดับโลกของ Fortescue บริษัทเหมืองแร่ กล่าวว่า ยังต้องหารือกันมากมายเกี่ยวกับโครงสร้างที่คล้ายกับการจัดเก็บภาษี เพราะความหมายของคำว่าการจัดเก็บภาษีในประเทศที่มีความแตกแยกอย่างมาก

แต่เอ็ดมอนด์สันก็ยังเชื่อมั่นว่า การเจรจาครั้งนี้จะพลิกหน้าประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงศักยภาพในการจัดเก็บภาษีคาร์บอนครั้งสำคัญ

“ฉันคิดว่าการเจรจาครั้งนี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ไม่มีอุตสาหกรรมอื่นใดในระดับโลกที่ให้คำมั่นสัญญาในขนาดนี้ หรือแม้แต่ประเทศส่วนใหญ่ก็ยังสู้ไม่ได้” เอ็ดมอนด์สันกล่าวกับ CNBC

ผู้แทนจาก IMO มีข้อตกลงกันในปี 2023 ว่าจะกำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในหรือประมาณปี 2050 และกำหนดเงื่อนไขในการสรุปมาตรการลดคาร์บอนระยะกลางในปี 2025

แองจี้ ฟาร์ราก-ธิโบลต์ รองประธานฝ่ายขนส่งทั่วโลกของกลุ่มสิ่งแวดล้อม Environmental Defense Fund กล่าวว่า หาก IMO สามารถบรรลุข้อตกลงเก็บภาษีการปล่อยคาร์บอนจากเรือขนส่งสินค้าได้ จะเป็น มาตรการทางเศรษฐกิจที่เด็ดขาด และจะช่วยลดมลพิษจากการขนส่งทางเรือจะลงอย่างมีนัยสำคัญ

“มาตรการเหล่านี้ ซึ่งควรจะรวมถึงกลไกการจ่ายเงินช่วยเหลือประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างยุติธรรม จะช่วยกระตุ้นให้เจ้าของเรือลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และนำเทคโนโลยีเชื้อเพลิงสะอาด ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนภูมิภาคที่เสี่ยงต่อสภาพอากาศด้วยความเร็วและขนาดที่จำเป็น” ฟาร์ราห์-ทิโบลต์กล่าว

การจัดเก็บภาษีการเดินเรือ เป็นประเด็นที่หารือกันมาหลายปีแล้ว แต่กลับไม่มีความคืบหน้า เพราะแต่ละประเทศไม่เห็นพ้องต้องกัน กังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อการค้า และสรุปไม่ได้ว่าควรนำรายได้ไปลงทุนในการเดินเรือหรือไม่ 

ทั้งนี้ หลายฝ่ายระบุว่า IMO ดำเนินการลดการปล่อยมลพิษจากการเดินเรือช้าเกินไป ก่อนหน้านี้ก็ใช้เวลามากกว่า 10 ปีในการหาข้อสรุปสำหรับแผนงานบรรลุเป้าหมายการปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050


ที่มา: AP NewsCNBCThe Guardian