ปตท. จี้รัฐเคาะกรอบลงทุน CCS หวังอีก 10 ปี เริ่มกักเก็บคาร์บอน

ปตท. จี้รัฐเคาะกรอบลงทุน CCS หวังอีก 10 ปี เริ่มกักเก็บคาร์บอน

ปตท. แนะภาครัฐเร่งเคาะกรอบการลงทุนเทคโนโลยี CCS หวังว่าอีก 10 ปีต่อจากนี้ ประเทศไทยจะเริ่มกักเก็บคาร์บอนได้ในปริมาณ 10 ล้านตัน

KEY

POINTS

  • โครงการ CCS จะดำเนินการการตั้งแต่ซัพพลายเชนโดยค้นหาเทคโนโลยี กลุ่มปตท.มีการปล่อยคาร์บอนประมาณ 50 ล้านตันต่อปี เบื้องต้นมองว่าจะสามารถกักเก็บประมาณ 10 ล้านตันต่อปี
  • ส่วนโครงการไฮโดรเจน กลุ่มปตท. จะยังคงใช้ก๊าซธรรมชาติในปริมาณหลัก เมื่อวันที่ไฮโดรเจนมีราคาเทียบเท่า Natural Gas จะมีการใช้ไฮโดรเจนมากขึ้น เพราะเผาไหม้โดยไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอน
  • ปตท. ดำเนินการด้านความยั่งยื่นมาอย่างต่อเนื่อง โดยศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจในกลุ่มปตท. อาทิ โครงการพลังงานหมุนเวียน, น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF), CCS, ไฮโดรเจน รวมถึงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) เป็นต้น

นายรัฐกร กัมปนาทแสนยากร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ความยั่งยืนองค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ด้วยวิสัยทัศน์ของทัศน์ของ ปตท. คือ "แข็งแรงร่วมกับสังคมไทย" และ "เติบโตในระดับโลก" อย่างยั่งยืน ดังนั้น กุญแจสำคัญ คือ ความยั่งยืน ปตท.จึงต้องเดินหน้าทำธุรกิจคู่กับเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อม 

ไม่ว่าจะเป็นการเดินหน้าที่เหมาะสมระหว่างเศรษฐกิจสังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งการเติบโตและดูแลธุรกิจเกี่ยวกับคาร์บอน ที่ต้องอยู่กับพลังงานฟอสซิลในปริมาณมาก และยังมีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง ดังนั้น เพื่อสร้างความสมดุลของนโยบาย ESG จะต้องลดและรักษาสิ่งแวดล้อมโดยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งปัจจุบันปตท.กำหนดเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และการลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ไว้เร็วกว่าที่ประเทศได้ตั้งไว้

ทั้งนี้ ปตท. มีกลยุทธ์เพื่อความยั่งยืนคือ 1. ธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นต่อสภาพอากาศ Climate-Reilience Business โดยการปรับ portfolio ลดปริมาณการใช้ฟอสซิล ในเวลาที่เหมาะสมและบริหารจัดการด้านต้นทุน พร้อมเพิ่มปริมาณพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ผ่านกลุ่มบริษัทต่างๆ ของปตท. 

2. ธุรกิจที่ใส่ใจเรื่องคาร์บอน Carbon Conscious Business ผ่านบริษัทในกลุ่มปตท. รวมถึงผนึกพันธมิตรธุรกิจโดยใช้เทคโนโลยีในการลดคาร์บอน เพิ่มประสิทธิภาพสินค้าให้เป็น Green Energy  

3. การร่วมมือ การสร้างสรรค์ เพื่อทุกคน Coalition, Co-creation & collective Efforts for All ถือเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่จะทำให้กลุ่มปตท. ไปสู่เป้าหมาย โดยเฉพาะโครงการพัฒนาโครงการ การดักจับ และการจัดเก็บคาร์บอน (CCS) และการใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนเป็นส่วนผสมในกลุ่มอุตสาหกรรมตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) สัดส่วน 5% รวมถึงการปลูกป่า เป็นต้น ซึ่งทั้ง 2 โครงการยอมรับว่าท้าทายมาก

นายรัฐกร กล่าวว่า สำหรับโครงการ CCS จะดำเนินการการตั้งแต่ซัพพลายเชนตั้งแต่การค้นหาเทคโนโลยีที่การจะกักเก็บคาร์บอน ซึ่งกลุ่มปตท.มีการปล่อยคาร์บอนประมาณ 50 ล้านตันต่อปี จึงต้องหาเทคโนโลยีในการ เก็บคาร์บอน เบื้องต้นมองว่าจะสามารถกักเก็บประมาณ 10 ล้านตันต่อปี ส่วนจะเชิงพาณิชย์แบบเต็มสเกลจะต้องใช้เวลามาก โดยคาดว่าอาจจะเกิดขึ้นหลังปี 2035 

"นอกจากแผนที่จะกักเก็บสำหรับกลุ่มปตท.เองแล้ว ยังมีแผนบริหารจัดการคาร์บอนให้กับพาร์ทเนอร์ด้วย เพราะอนาคตจะสามารถส่ง Product ไปขายที่ยุโรปหรืออเมริกาจะช่วยทั้งกลุ่มและนอกกลุ่ม โดยปตท. จะสร้างเครือข่ายสู่ Terminal ในการเก็บก่อนจะส่งออกต่อทางท่อโดยเรือไปที่อ่าวไทย ซึ่งจะศึกษาในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)"

ส่วนโครงการไฮโดรเจนเพื่อภาคอุตสาหกรรมอาจจะยังไกลนิดนึง โดยวันนี้ กลุ่มปตท. จะยังคงใช้ก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas) ในปริมาณหลัก แต่วันที่ไฮโดรเจนมีราคาต่ำลงและเทียบเท่ากับ Natural Gas วันนั้นจะมีการใช้ไฮโดรเจนมากขึ้น เพราะไฮโดรเจนเผาไหม้โดยไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนเลย โดยต้นทุนเบื้องต้นต่อหน่วยของไฮโดรเจนเมื่อเทียบกับการใช้ Natural Gas อยู่ที่ 4-5 เท่า

"ในระยะสั้นเรายังผลิตไม่ได้เพราะราคาแพงสิ่งที่ทำคือ การเอาไฮโดรเจนเข้ามาผสมกับ Natural Gas 5% ตามแผน PDP ซึ่งมองว่าการส่งมาจากอินเดียจะคุ้มกว่าโดยอาจจะส่งมาในรูปของแอมโมเนีย ซึ่งปตท.มี Connection กับ supplier ส่งผ่านมาให้ PTT trading เพราะเรามีคลังเก็บสร้าง Infrastructure ในการขนส่งไฮโดรเจนส่งให้กับประเทศสู่การเป็น International Gas" 

นอกจากนี้ อาจจะใช้วิธีการนำเข้ามาในรูปแบบแอมโมเนียและนำเข้าไปไปบริหารจัดการที่โรงไฟฟ้าถ่านหินทันทีโดยไม่ต้องเปลี่ยนเป็นไฮโดรเจนก็ได้ ดังนั้น จะมี 2 แบบคือ direct แอมโมเนียไปที่โรงไฟฟ้าถ่านหินหรือนำเข้าแอมโมเนียมาเปลี่ยนเป็นไฮโดรเจนและส่งไปให้โรงไฟฟ้าถือเป็นรูปแบบที่ปตท.ศึกษาอยู่ 

"ปตท จะทำ 2 เรื่องนี้ ในประเทศไทยเพื่อให้กลุ่มปตท. และประเทศไทยไปสู่ Net Zero โดยบริหารจัดการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำตลอด Value Chain ดังนั้น เพื่อเป้าหมายจะต้องให้ความสำคัญ บริหารต้นทุนให้ต่ำที่สุดโดยเฉพาะการเลือกเทคโนโลยี และการงร่วมกันคิด และสุดท้ายแม้จะทำให้ดีที่สุดแค่ไหน หรือต้นทุนต่ำสุดแค่ไหนจะต้องมีการ Support จากรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นนโยบายต่างๆ ที่จะทำให้เราสามารถดำเนินการและศึกษาความเป็นไปได้"    

สำหรับปัญหาของการทำ CCS คือ ขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายในการสนับสนุนการวิจัยและศึกษาเพื่อสำรวจพื้นที่ใต้ทะเลจากรัฐบาล ดังนั้น จึงจะต้องออกกฎระเบียบให้ชัดเจนรวมถึงงบประมาณ เพื่อให้เอกชนได้เดินหน้าศึกษาและลงทุน และหลังจากนั้นเมื่อดูโมเดลเสร็จ จึงสามารถเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม ซึ่งขณะนี้ได้มีการหารือทั้งกระทรวงพลังงาน และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อยู่บ้างแล้ว

"ปตท. ดำเนินการด้านความยั่งยื่นมาอย่างต่อเนื่อง โดยศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจในกลุ่มปตท. อาทิ โครงการพลังงานหมุนเวียน, น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF), CCS, ไฮโดรเจน รวมถึงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) เป็นต้น"