สั่งปิดถาวร ป่าสลักพระ เผาป่าเจอคุก ปรับค่าฟื้นฟูระบบนิเวศไร่ละ 1.2 แสนบาท

การเผาป่าในประเทศไทยมีผลกระทบที่รุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน และทำลายถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า ลดความหลากหลายทางชีวภาพ และทำให้ดินเสื่อมสภาพ
KEY
POINTS
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ตั้งอยู่ในจังหวัดกาญจนบุรี ครอบคลุมพื้นที่ 536,594 ไร่
- ป่าสลักพระมีเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของประเทศที่สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจ วิทยาการ และรักษาความงดงาม
- ช่วงที่ผ่านมาพบจุดความร้อน จำนวน 839 จุด มากกว่าปีที่แล้วถึง 50%
- เป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่เกิดไฟป่าสูงสุดของประเทศไทย
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ตั้งอยู่ในจังหวัดกาญจนบุรี ครอบคลุมพื้นที่ของอำเภอเมืองกาญจนบุรี อำเภอศรีสวัสดิ์ อำเภอบ่อพลอย และอำเภอหนองปรือ ได้รับการจัดตั้งเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งแรกของประเทศไทยเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2508 ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 858.55 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 536,594 ไร่
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระมีเหตุผลว่า "ป่าสลักพระมีภูมิประเทศที่เหมาะสมสำหรับการเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์ป่า รักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่มีคุณค่าให้คงอยู่ ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของประเทศที่สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจ วิทยาการ และรักษาความงดงามและคุณค่าทางธรรมชาติไว้ ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่รัฐและประชาชน"
โดยล่าสุด นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้สั่งปิดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระอย่างถาวร ห้ามเข้าไปเก็บหาของป่าทุกกรณีเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ป่าอย่างไม่มีกำหนด
หลังจากในช่วงที่ผ่านมาพบจุดความร้อน (Hotspot) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จำนวน 839 จุด ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วถึง 50% แสดงให้เห็นว่าชุมชนในเขตป่าและโดยรอบยังขาดการให้ความร่วมมือในการป้องกันไฟป่า นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่เกิดไฟป่าสูงสุดของประเทศไทย โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 มีการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับการเผาป่าแล้ว จำนวน 39 คดี มีผู้ต้องหา 10 คน และมีพื้นที่เสียหายกว่า 2,182 ไร่
นายอรรถพล ออกคำเตือนประชาชนถึงบทลงโทษรุนแรงสำหรับผู้ลักลอบเผาป่า ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาหมอกควันและมลพิษทางอากาศ โดยยืนยันว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้กระทำผิด ตามนโยบาย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
การเผาป่าส่งผลกระทบรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประชาชน ทั้งการทำลายระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศที่กระทบโดยตรงต่อสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ เด็ก และผู้สูงอายุ รวมถึงส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่
ผู้กระทำผิดฐานเผาป่าจะถูกดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี และปรับตั้งแต่ 400,000-2,000,000 บาท นอกจากนี้ยังมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถลงโทษเพิ่มเติมได้ตามความเสียหายที่เกิดขึ้น
อธิบดีกรมอุทยานฯ ย้ำว่า ผู้กระทำผิดจะต้องรับผิดทางแพ่งต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพยากรป่าไม้ในอัตราไร่ละ 120,000 บาท โดยเงินค่าเสียหายนี้จะนำไปใช้ในการฟื้นฟูสภาพป่าและระบบนิเวศที่ถูกทำลาย ทั้งนี้เมื่อพื้นที่ป่าเสียหายอย่างหนักจำเป็นต้องฟื้นฟูพื้นที่ เพราะจะกระทบแหล่งอาหารของช้างป่ารวมถึงสัตว์ป่าชนิดอื่นๆ ทำให้ช้างป่าและสัตว์ป่าออกนอกป่ามากขึ้น
อ้างอิง : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, มูลนิธิสืบนาคะเสถียร







