‘นากทะเล’ นักอนุรักษ์ตัวจิ๋ว ช่วยอนุรักษ์ ‘ป่าสาหร่าย’ ในสหรัฐ

‘นากทะเล’ นักอนุรักษ์ตัวจิ๋ว ช่วยอนุรักษ์ ‘ป่าสาหร่าย’ ในสหรัฐ

“นากทะเล” สัตว์ตัวน้อยมีบทบาทสำคัญในการช่วยฟื้นฟู “ป่าสาหร่าย” คืนความสมบูรณ์ให้ทะเล จากการกำจัดเม่นทะเล

KEY

POINTS

  • ป่าสาหร่าย เป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตหลายพันสายพันธุ์ ถูกคุกคามจากพายุ มลพิษ อุณหภูมิที่สูงเกินไป และถูกเม่นทะเลกินจนเกือบหมด
  • เมื่อมีนากทะเลอยู่ พวกมันจะควบคุมจำนวนเม่นทะเล ทำให้ป่าสาหร่ายทะเลเติบโตและเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ทะเลหลายชนิด
  • ป่าสาหร่ายจะกลับมาสมบูรณ์ได้เร็วเพียงใดขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ตั้ง และบทบาทของนากทะเลที่มีต่อสัตว์อื่น ๆ ในระบบนิเวศ

นากทะเล” สัตว์ตัวน้อยและขนฟูที่หลายคนต่างเอ็นดู น้อง ๆ ไม่ได้มีดีแค่ความน่ารักเท่านั้น เพราะสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลเหล่านี้ยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยฟื้นฟู “ป่าสาหร่าย” และคอยกำจัดผู้ล่าอันดับคน ๆ อย่างเม่นทะเล

ป่าสาหร่ายสูงตระหง่านเหนือพื้นมหาสมุทร อุดมไปด้วยสาหร่ายสีน้ำตาลขนาดใหญ่จำนวนมาก เป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตหลายพันสายพันธุ์ ระบบนิเวศของป่าสาหร่ายทะเลที่มีสุขภาพดีมีประโยชน์มากมาย เช่น เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา ลดการกัดเซาะชายฝั่งจากพายุ และช่วยกักเก็บคาร์บอน แต่สาหร่ายเหล่านี้ถูกคุกคามจากพายุ มลพิษ อุณหภูมิที่สูงเกินไป เมื่อมีนากทะเลกลับมาอยู่ในพื้นที่นี้กลับช่วยให้สาหร่ายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

เม่นทะเล” กินสาหร่ายทะเลเป็นอาหาร เมื่อมีนากทะเล ผู้ล่าตามธรรมชาิไม่เพียงพอ เม่นทะเลก็จะขยายพันธุ์และกินสาหร่ายทะเลจนหมด ส่งผลให้ป่าสาหร่ายทะเลถูกทำลาย พื้นที่ใต้น้ำที่เคยอุดมสมบูรณ์กลับโล่งเตียน เมื่อไม่มีสาหร่ายสิ่งที่มีชีวิตที่เคยอยู่บริเวณนี้หายไปหมด 

นักวิจัยของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมอนเทอเรย์เบย์ พบว่าจำนวนของประชากรนากทะเลในศตวรรษที่แล้ว ทำให้ป่าสาหร่ายทะเลฟื้นตัวได้ดีขึ้น เพราะ เมื่อมีนากทะเลอยู่ พวกมันจะควบคุมจำนวนเม่นทะเล ทำให้ป่าสาหร่ายทะเลเติบโตและเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ทะเลหลายชนิด

‘นากทะเล’ นักอนุรักษ์ตัวจิ๋ว ช่วยอนุรักษ์ ‘ป่าสาหร่าย’ ในสหรัฐ

การศึกษานี้เผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของเรือนยอดสาหร่ายทะเลในแต่ละภูมิภาคอย่างมากตลอดระยะเวลา 100 ปี ตั้งแต่ปี 1910-2016 พบว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว เรือนยอดของป่าสาหร่ายทะเลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตามแนวชายฝั่งตอนกลาง ซึ่งเป็นภูมิภาคเดียวในแคลิฟอร์เนียที่นากทะเลใต้สามารถอยู่รอดได้หลังจากถูกล่าจนเกือบสูญพันธุ์เพื่อเอาขนในช่วงทศวรรษปี 1800 

ตลอดระยะเวลา 100 ปีนี้ จำนวนนากทะเลเป็นตัวทำนายพื้นที่และจำนวนสาหร่ายทะเลได้ชัดเจนที่สุด การค้นพบนี้ตอกย้ำความสำคัญของการอนุรักษ์และเพาะพันธุ์นากทะเลทางใต้ซึ่งถูกคุกคาม และเน้นย้ำถึงแนวทางแก้ปัญหาตามธรรมชาติที่อาจเป็นไปได้ในการฟื้นฟูป่าสาหร่ายทะเลตามแนวชายฝั่งแคลิฟอร์เนียและบางทีอาจไกลออกไป

“การศึกษาแสดงให้เห็นว่าป่าสาหร่ายทะเลมีจำนวนมากขึ้นและทนต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ดีขึ้น เพราะนากทะเลที่กลับมาตามแนวชายฝั่งแคลิฟอร์เนียอีกครั้งในช่วงศตวรรษที่แล้ว หากไม่มีนากทะเล ป่าสาหร่ายทะเลก็ลดลงอย่างมาก” เทอรี่ นิโคลสัน นักชีววิทยาวิจัยอาวุโสจากโครงการนากทะเลของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมอนเทอเรย์เบย์ ผู้เขียนหลักงานวิจัยกล่าว

เพื่อให้เข้าใจเรื่องนี้ได้ดีขึ้น นักวิจัยจึงศึกษาต่อว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อนากทะเลถูกนำกลับไปยังพื้นที่ที่หายไป โดยมุ่งเน้นไปที่สองสถานที่ ได้แก่ เกาะนิโคลัสในแคลิฟอร์เนีย และเกาะแวนคูเวอร์ในบริติชโคลัมเบีย พวกเขาใช้เวลารวบรวมข้อมูลโดยละเอียดเป็นเวลากว่า 30 ปี เพื่อดูว่านากทะเลมีอิทธิพลต่อสภาพแวดล้อมอย่างไร

‘นากทะเล’ นักอนุรักษ์ตัวจิ๋ว ช่วยอนุรักษ์ ‘ป่าสาหร่าย’ ในสหรัฐ

ก่อนที่นากทะเลจะถูกปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติ ทั้งสองสถานที่มีเม่นทะเลมากเกินไป และป่าสาหร่ายทะเลก็ทรุดโทรมจนเกือบจะหายไป การวิจัยของพวกเขาให้หลักฐานที่ชัดเจนว่านากทะเลมีความสำคัญต่อการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ พบว่าป่าสาหร่ายจะกลับมาสมบูรณ์ได้เร็วเพียงใดขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ตั้ง และบทบาทของนากทะเลที่มีต่อสัตว์อื่น ๆ ในระบบนิเวศ

“เราคิดเสมอมาว่าสิ่งมีชีวิตหลักที่ควบคุมระบบนิเวศจะต้องมีบทบาทเหมือนกันในทุกระบบนิเวศทุกแห่ง แต่ในปัจจุบันเรารู้แล้วว่าสิ่งมีชีวิตหลักยังคงมีความสำคัญมากต่อระบบนิเวศ แต่พวกมันสามารถส่งผลกระทบต่างกันไปในแต่ละสถานที่” ไรอัน แลงเกนดอร์ฟ นักวิจัยด้านการศึกษาสิ่งแวดล้อมจากมหาวิทยาลัยโคโลราโด ผู้เขียนหลักของผลการวิจัยกล่าว

นักวิจัยสังเกตเป็นเวลาหลายสิบปี เพื่อสังเกตระบบนิเวศในท้องถิ่น รวมถึงจำนวนสัตว์ในระบบนิเวศ พบว่าแม้ป่าสาหร่ายจะกลับมาเติบโตอีกครั้งทั้งในบริติชโคลัมเบียและแคลิฟอร์เนียตอนใต้ แต่ในบริเวณนอกชายฝั่งบริติชโคลัมเบียสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่า พร้อมพัฒนาแบบจำลองปฏิสัมพันธ์ระหว่างสายพันธุ์ในระบบนิเวศให้เป็นภาพยนตร์ เพื่อแสดงให้เห็นว่านากทะเล เม่นทะเล และสาหร่ายทะเลมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างไรในระบบนิเวศแต่ละแห่ง 

แบบจำลองนี้สามารถช่วยให้นักวิจัยเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศได้ดีขึ้น เมื่อสายพันธุ์ต่าง ๆ ถูกปล่อยกลับคืนสู่สถานที่ที่เปลี่ยนแปลงไปและเกิดวิวัฒนาการขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทำให้มหาสมุทรไม่เหมือนเดิม

ที่บริติชโคลัมเบีย นากส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเม่นทะเล ทำให้ป่าฟื้นตัวได้เร็ว ต่างจากระบบนิเวศของแคลิฟอร์เนียมีการแข่งขันระหว่างสายพันธุ์ต่าง ๆ มากขึ้น มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างสายพันธุ์มีความซับซ้อนมากกว่า ส่งผลให้นากทะเลมีอิทธิพลกับระบบนิเวศน้อยลง ทำให้ป่าสาหร่ายฟื้นตัวช้าลง

การศึกษานี้แนะนำวิธีการที่จะช่วยให้นักวิจัยเข้าใจว่าระบบนิเวศเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เมื่อสายพันธุ์ต่าง ๆ ถูกปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติ โดยการวิเคราะห์ข้อมูลระยะยาว นักวิทยาศาสตร์สามารถคาดการณ์ได้ว่าสายพันธุ์ต่าง ๆ จะโต้ตอบกันอย่างไรในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป

ธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทำให้ระบบนิเวศเปลี่ยนไป ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศวิทยาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าสายพันธุ์ต่าง ๆ ต้องการอะไรและจะจัดการอย่างไรจึงจะดีที่สุด แต่การเปลี่ยนรูปแบบข้อมูลการสำรวจทั่วไปให้กลายเป็นภาพยนตร์จะช่วยให้นักวิจัยเข้าใจวิธีช่วยเหลือระบบชีวิตที่ซับซ้อนได้มากกว่าเดิม

ความก้าวหน้าครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในโลกน้ำของป่าสาหร่ายทะเล ซึ่งเป็นระบบนิเวศที่มีคุณค่าสูงที่ถูกคุกคามจากน้ำอุ่นและพายุที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น


ที่มา: EarthEuro NewsIndependentPhys

‘นากทะเล’ นักอนุรักษ์ตัวจิ๋ว ช่วยอนุรักษ์ ‘ป่าสาหร่าย’ ในสหรัฐ