ความเสี่ยงโลกปี 68 ปรับตัวก่อน ได้เปรียบก่อน Heads-up for global risks in 2025

สวัสดีครับย่างเข้าสู่เดือนที่สามของปีแล้ว  ผมเชื่อว่าถึงขณะนี้ องค์กรธุรกิจส่วนใหญ่น่าจะเล็งเห็นแนวโน้มกระแสโลก (Megatrends) ที่เป็นโอกาสใหม่ๆ สำหรับปี 2568 ได้อย่างไม่ยากเย็น

แต่อย่างที่ท่านทราบดีว่า ในอีกด้านของเหรียญนั้นโอกาสมาคู่กับความเสี่ยงเสมอ ดั่งสำนวนที่ผมชอบเนื่องจากเตือนใจได้ดีคือ Hope for the Best, Expect the Worst  เราพูดถึงความเสี่ยงและทางแก้ปัญหากันทุกปี แต่ความเสี่ยงเดิมๆ ยังคงวนเวียนกลับมา แถมไต่อันดับสูงขึ้นเรื่อยๆ

รายงาน The Global Risks Report 2025 โดย World Economic Forum (WEF) เผยสิบความเสี่ยงระดับโลกที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นสูงใน 2 ปีถัดจากนี้ อันดับแรกคือความเสี่ยงจากข้อมูลผิดและข้อมูลบิดเบือน (Misinformation and Disinformation) ซึ่งก็คือคอนเทนต์ทั้งหลายรวมถึงที่รังสรรค์ด้วยเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสร้างความเข้าใจผิดทางการเมือง สุขภาพ หรืออื่นๆ   

ความเสี่ยงอันดับสองที่ตามมาติดๆ คือ ความเสี่ยงจากสภาพอากาศสุดขั้ว (Extreme Weather Events) เพราะเป็นที่ประจักษ์อย่างไม่ต้องสงสัยแล้วว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมฉับพลันในทวีปยุโรปหรือไฟป่าวงกว้างในทวีปอเมริกา สามารถก่อความเสียหายสุดคณานับต่อชีวิตและทรัพย์สิน  อีกทั้งนับวันเกิดถี่ขึ้นและส่งผลกระทบสาหัสแซงหน้าปัญหาด้านเศรษฐกิจ ด้านภูมิรัฐศาสตร์ หรือด้านอื่นๆ ด้วยซ้ำ

นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากมลพิษ (Pollution) ในอันดับที่หก เนื่องจากการได้รับสารอันตรายอย่างต่อเนื่องทั้งจากอากาศ น้ำ และดินจะบั่นทอนสุขภาพและคุณภาพชีวิตประชากร ซึ่งอาจนำไปสู่ภาระอันหนักหน่วงสำหรับระบบทางการแพทย์ของประเทศ

นอกจากมองในระยะสั้น 2 ปีแล้ว WEF ยังจัดอันดับความเสี่ยงในระยะยาวที่ 10 ปีข้างหน้า  อันดับหนึ่งนำโดยความเสี่ยงจากสภาพอากาศสุดขั้ว รองลงมาคือ

  • ความเสี่ยงจากการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและการล่มสลายของระบบนิเวศ (Biodiversity Loss and Ecosystem Collapse) อาทิ การสูญพันธุ์ของสปีชีส์ต่างๆ
  • ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อระบบโลก (Critical Change to Earth Systems) อาทิ ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นเนื่องจากการละลายของแผ่นน้ำแข็ง
  • ความเสี่ยงจากการขาดแคลนทรัพยากรทางธรรมชาติ (Natural Resource Shortages) อาทิ ภาวะขาดแคลนอาหารหรือน้ำสำหรับมนุษย์หรือระบบนิเวศ

และปิดท้ายอันดับที่สิบด้วยความเสี่ยงจากมลพิษ เท่ากับว่าความเสี่ยงระดับโลกสูงสุดในอีกหนึ่งทศวรรษสี่อันดับแรกติดกัน รวมถึงความเสี่ยงอันดับสุดท้าย ล้วนเป็นความเสี่ยงด้านสภาพแวดล้อมทั้งสิ้น แสดงให้เห็นถึงการตระหนักให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นกับความเป็นไปได้และความรุนแรงของภัยธรรมชาติ รวมถึงผลจากสภาพแวดล้อมที่อาจเปลี่ยนไปเสียจนเราไม่สามารถอยู่ได้ด้วยวิถีเดิมๆ

นอกเหนือจากการจัดอันดับความเสี่ยงโลกในระยะสั้นและระยะยาวแล้ว  WEF ยังได้สำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารกว่า 11,000 คนเรื่องห้าอันดับภัยความเสี่ยงร้ายแรงที่สุดของแต่ละประเทศในอีก 2 ปีด้วย ทำให้เราได้ข้อมูลที่ใกล้ตัวเข้ามาอีกนิด และไม่น่าแปลกใจที่ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมอยู่ในอันดับต้นๆ ของเราเช่นกัน โดยในบรรดาความเสี่ยงสูงสุดสำหรับประเทศไทย อันดับที่สามคือความเสี่ยงจากมลพิษ  ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น PM 2.5  ขยะที่ไม่ได้คัดแยก หรือสารเคมีปนเปื้อนในแหล่งน้ำ ล้วนเป็นปัญหาใหญ่สำหรับทั้งไทยและประเทศอื่นซึ่งควรเร่งจัดการให้ถูกวิธี

แน่นอนครับว่าปัจจัยเสี่ยงด้านสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมจะยังคงอยู่คู่โลกและคู่กับเราต่อไปอีกยาวนาน  อุณหภูมิของโลกยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และอาจอุ่นขึ้นเกินกว่า 2 องศาเซลเซียสจากยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรมด้วยซ้ำ ในขณะที่ยังมีข่าวการถอนตัวจากความตกลงปารีสของบางประเทศ บางทีเราอาจต้องเตรียมตัว Expect the Worst ก่อน Hope for the Best ครับ

ความเสี่ยงโลกปี 68 ปรับตัวก่อน ได้เปรียบก่อน Heads-up for global risks in 2025