‘คลองปานามา’ เจอวิกฤติรอบด้าน แล้งบ่อยจนน้ำแห้ง - ทรัมป์หวังฮุบ

‘คลองปานามา’ เจอวิกฤติรอบด้าน แล้งบ่อยจนน้ำแห้ง - ทรัมป์หวังฮุบ

“คลองปานามา” กลายเป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์สำคัญที่ทรัมป์อยากครอบครอง แต่ในตอนนี้คลองปานามากำลังประสบปัญหาจาก “ภาวะโลกร้อน”

คลองปานามา” คลองที่ยาวที่สุดในโลกด้วยความยาว 82 กิโลเมตร ถูกขึ้นเพื่อเชื่อมต่อมหาสมุทรแอตแลนติกและแปซิฟิก เป็นเส้นเลือดใหญ่ของการค้าโลก มีเรือสินค้าแล่นผ่านนับหมื่นลำต่อปี กลายเป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์สำคัญที่ทรัมป์อยากครอบครอง แต่ในตอนนี้คลองปานามากำลังประสบปัญหาจาก “ภาวะโลกร้อน

ภัยแล้ง ที่รุนแรง และเกิดบ่อยมากขึ้นทำให้เส้นทางเดินเรือที่สำคัญแห่งนี้เข้าสู่ภาวะวิกฤติ ทำให้ทางการต้องหาทางแก้ปัญหาเพื่อให้ลำน้ำแห่งนี้ยังคงมีน้ำต่อไป หนึ่งในนั้นคือ การสร้างเขื่อนกั้นคลอง แต่ต้องแลกมากับบ้านเรือนประชาชนหลายพันหลังต้องถูกน้ำท่วม ซึ่งได้กลายเป็นข้อถกเถียงวงกว้างภายในประเทศ

หนำซ้ำยังกลายเป็นเป้าหมายการขยายอาณาเขตของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ทรัมป์ได้เรียกร้องให้สหรัฐเข้าควบคุมคลองปานามา เนื่องจากเขาอ้างว่าจีนกำลังควบคุมคลองปานามา และเก็บค่าธรรมเนียม “สูงเกินจริง”

ประธานาธิบดีโฮเซ ราอุล มูลิโนแห่งปานามา กล่าวตอบโต้ทรัมป์ทันทีว่า “ปานามามีอำนาจอธิปไตยเหนือคลองปานามานั้นชัดเจน จะไม่มีการหารือในประเด็นนี้ จิตวิญญาณของประเทศไม่ควรถูกนำมาหารือ” 

จนถึงตอนนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าทรัมป์ถือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงของปานามาหรือยัง และในทางปฏิบัติแล้ว สหรัฐจะเข้ายึดคลองปานามาได้อย่างไร แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า หากทรัมป์ได้ครอบครองคลองปานามาจริง สหรัฐจะได้ผลตอบแทนมหาศาล

คลองปานามา เรือขนส่งสินค้าแล่นผ่านคลองปานามา
เครดิตภาพ: Reuters

สหรัฐสร้างคลองปานามาขึ้นระหว่างปี 1904-1914 จากนั้นจึงบริหารจัดการคลองนี้มาหลายทศวรรษ จนกระทั่งปลายทศวรรษ 1970 สหรัฐตกลงที่จะมอบคลองนี้ให้กับปานามา แต่กว่าที่ปานามาจะเขาควบคุมคลองสายนี้เต็มรูปแบบก็ปาเข้าไปปี 1999 

ปัจจุบัน คลองปานามามีส่วนแบ่งการค้าทางเรือมากกว่า 3% ของโลก การบริหารจัดการคลองปานามาถือเป็นภารกิจที่ซับซ้อน

อิลยา เอสปิโน เดอ มาร็อตตา รองผู้บริหารของสำนักงานคลองปานามา กล่าวว่า หลักการทำงานของคลองปานามาเหมือนกับ “ลิฟต์น้ำ โดยระบบประตูน้ำเชื่อมต่อกันจะยกเรือขึ้นสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 26 เมตร ให้เรือจะแล่นผ่านทะเลสาบกาตุน หนึ่งในทะเลสาบน้ำจืดเทียมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อนจะปล่อยลงสู่มหาสมุทรอีกครั้ง

การขนส่งแต่ละครั้งต้องใช้น้ำจากทะเลสาบกาตุนประมาณ 190 ล้านลิตร ซึ่งทะเลสาบแห่งนี้ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ป้อนน้ำให้กับคลองเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งน้ำดื่มให้กับประชากรของปานามากว่า 50% อีกด้วย

มาร็อตตาให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่า ทะเลสาบกาตุน และทะเลสาบอาลาฮูเอลาที่คอยส่งน้ำให้คลองปานามาต้องพึ่งพาน้ำฝน 100% ซึ่งทำให้ทั้งทะเลสาบทั้งสองเสี่ยงที่จะต้องเจอภัยแล้งอย่างมาก เพราะถึงแม้ว่าปานามาจะขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีฝนตกชุกที่สุดในโลก แต่ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่ทำให้ปริมาณน้ำฝนในภูมิภาคลดลง

ในอดีตทุกๆ 20 ปี ปานามาจะเจอภัยแล้งครั้งใหญ่ 1 ครั้ง แต่ในปัจจุบันปานามาเจอภัยแล้งใหญ่  3 ครั้งในระยะเวลาไม่ถึง 3 ทศวรรษ ตามคำกล่าวของ สตีฟ แพตัน หัวหน้าโครงการติดตามธรรมชาติของสถาบันวิจัยเขตร้อนสมิธโซเนียน

คลองปานามา

เรือสำราญกำลังผ่านกาตุนล็อก
เครดิตภาพ: Reuters

ช่วงปี 2023-2024 ภัยแล้งที่เกิดจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ส่งผลให้ทะเลสาบกาตุนมีปริมาณน้ำลดลงจนถึงระดับวิกฤติ เจ้าหน้าที่คลองปานามาจำเป็นต้องปรับลดจำนวนเรือที่แล่นผ่านคลองจากปกติ 36 ลำต่อวันเหลือ 24 ลำต่อวัน ส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนทั่วโลก

กัปตันอัลวาโร โมเรโน ทำหน้าที่บังคับเรือผ่านคลองปานามาตั้งแต่ปี 1995 กล่าวว่า ฤดูแล้งครั้งใหญ่เกิดขึ้นบ่อยขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้ว่านักวิทยาศาสตร์ยังคงพยายามหาคำตอบว่า วิกฤติสภาพภูมิอากาศส่งผลให้ปรากฏการณ์เอลนีโญรุนแรงขึ้นหรือไม่ แต่พวกเขาก็เห็นชัดว่าวิกฤติดังกล่าวทำให้อากาศร้อนขึ้น และปริมาณน้ำฝนเปลี่ยนแปลง

เนื่องจากการค้าโลกเติบโตขึ้น ทำให้ปานามาพยายามขยายคลองให้กว้างขึ้น โดยในปี 2559 ได้สร้างโครงการขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ และเพิ่มประตูน้ำใหม่ ช่วยให้เรือขนาดใหญ่ รวมถึงเรือของสหรัฐที่บรรทุกก๊าซธรรมชาติเหลวสามารถผ่านคลองได้สำเร็จ

แต่สถานการณ์น้ำกลับเลวร้ายลง เพื่อแก้ไขปัญหานี้ทางการวางแผนจะสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำริโออินดิโอสำหรับกักเก็บน้ำมูลค่า 1,600 ล้านดอลลาร์ โดยจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 6 ปี

“เราไม่ทราบว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่ทางการคลองเชื่อว่าโครงการนี้จะช่วยให้ทางน้ำมีเสถียรภาพนานถึง 50 ปี แม้จะต้องเผชิญกับภัยแล้งที่รุนแรง และบ่อยครั้งมากขึ้น” มาร็อตตากล่าว 

อย่างไรก็ตาม ยังคงเกิดข้อถกเถียงในการสร้างเขื่อนใหม่นี้ จะต้องอพยพผู้คนราว 2,300 คน อาคารบ้านเรือน ฟาร์ม โรงเรียน และคลินิกดูแลสุขภาพต้องจมอยู่ใต้น้ำ โดย อัลแบร์โต อากราซัล นักวิจัยสังคมจากเครือข่ายนิเวศวิทยาของคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก กล่าวว่า โครงการนี้เป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อผู้คนที่อาศัย และทำงานบนผืนดินเหล่านี้มาหลายชั่วอายุคน

ขณะที่ ออสวัลโด จอร์แดน นักรัฐศาสตร์ชาวปานามา กล่าวว่า แม้ว่าเขื่อนจะก่อสร้างสำเร็จแล้ว ก็ไม่น่าจะเพียงพอแก้ปัญหาภัยแล้ง อีกทั้งคลองยังต้องได้รับการจัดการที่ดีขึ้น รวมถึงการปกป้องป่าไม้ ลดมลพิษ และแก้ไขปัญหาการขยายตัวของเมือง เพราะถ้าไม่ทำเช่นนี้ ต่อให้สร้างเขื่อนอีก 3 แห่ง ก็ไม่ช่วยแก้ปัญหาได้

ดังนั้นการรักษาเส้นทางเดินเรือการค้าโลกให้ดำเนินต่อไปไม่ใช่เรื่องง่าย คลองปานามาไม่ใช่เครื่องจักรที่ทำงานได้เพียงแค่เปิดเครื่อง แต่เป็นโครงข่ายที่ซับซ้อน ต้องประกอบด้วยหลายปัจจัย


ที่มา: CNNReutersSouth China Morning Post

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์

คลองปานามา เรือขนส่งสินค้ากำลังผ่านโคโคลีล็อก
เครดิตภาพ: Reuters