‘ฝุ่นผ้าเบรก’ ทำลาย ‘ปอด’ อันตรายกว่า ‘ควันท่อไอเสีย’ นักวิจัยจี้เร่งควบคุม

“ฝุ่นผ้าเบรก” เป็นของเสียหลักที่เกิดขึ้นจากการปล่อยไอเสียที่ไม่ได้มาจากท่อไอเสีย สามารถทำลายเซลล์ปอดได้ อันตรายกว่าควันท่อไอเสีย
KEY
POINTS
- ฝุ่นละอองจากผ้าเบรกที่มีทองแดงเป็นส่วนประกอบ เป็นพิษต่อเซลล์ปอดมากที่สุด และอันตรายมากกว่าฝุ่นจากท่อไอเสียดีเซล
- ทองแดงสามารถซึมเข้าไปในเซลล์ปอดได้ และหากได้รับทองแดงในปริมาณสูง ก็จะทำให้ปอดทำงานได้แย่ลง
- รถยนต์ไฟฟ้ามักจะมีน้ำหนักมากกว่ารถสันดาป ทำให้รถอีวีสร้างฝุ่นที่ไม่ใช่ไอเสียได้มากกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินหรือดีเซล
“มลพิษทางอากาศ” ทำให้มีผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรประมาณ 7 ล้านคนต่อปีทั่วโลก ซึ่งหากพูดถึงมลพิษทางอากาศในเมือง ผู้คนมักจะคิดถึง “ควันจากท่อไอเสีย” แต่แท้จริงแล้ว ฝุ่นที่เกิดขึ้นจากการสึกหรอของยางและถนน โดยเฉพาะ “ฝุ่นผ้าเบรก” อาจจะเป็นอันตรายสุขภาพของมนุษย์มากกว่า
“การปล่อยไอเสียที่ไม่ได้มาจากท่อไอเสีย” (Non-exhaust emissions) เกิดจากการสึกหรอของผ้าเบรกของรถยนต์ ยาง และถนน รวมถึงอนุภาคต่าง ๆ บนถนน กลายเป็นมลพิษหลักที่เกิดขึ้นจากการขนส่งทางถนนในหลายประเทศของยุโรป แซงหน้าการปล่อยควันจากท่อไอเสีย ซึ่งเป็นภัยเงียบที่ไม่มีใครคาดคิด
“ฝุ่นผ้าเบรก” เป็นของเสียหลักที่เกิดขึ้นจากการปล่อยไอเสียที่ไม่ได้มาจากท่อไอเสีย แต่ในปัจจุบันยังไม่มีการควบคุม และไม่รู้ว่าส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างไร
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเซาท์เทมป์ตัน เพาะเลี้ยงเซลล์เลียนแบบเยื่อบุปอด และให้เซลล์เหล่านี้สัมผัสกับทั้งฝุ่นผ้าเบรกและฝุ่นไอเสียดีเซล พบว่า ฝุ่นผ้าเบรกเป็นอันตรายต่อเซลล์ปอดมากกว่า เพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคปอด โรคหอบหืด มะเร็งปอด พังผืดในปอด (เป็นแผลเป็นในปอด) และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
ในอดีตผ้าเบรกมี “แร่ใยหิน” เป็นส่วนประกอบ เพื่อใช้ต้านทานความร้อน แต่หลังจากที่พบว่าแร่ใยหินส่งผลกระทบโรคปอด ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ออกแบบผ้าเบรกแบบใหม่ ซึ่งมีด้วยกันหลายชนิด ทั้งแบบที่ใช้โลหะชนิดต่าง ๆ ผสม เช่น ทองแดง เหล็ก เซรามิก ไปจนถึงใช้เส้นใยสังเคราะห์ต่าง ๆ ได้แก่ เส้นใยเคฟลาร์ เส้นใยเซรามิก ยาง แก้ว
นักวิทยาศาสตร์ได้นำผ้าเบรกชนิดต่าง ๆ ทั้งผ้าเบรกออร์แกนิกที่ไม่มีแร่ใยหิน ไฮบริดเซรามิก โลหะต่ำ และกึ่งโลหะ มาทำการเปรียบเทียบความเป็นอันตรายของฝุ่นละอองจากการสึกหรอ ที่น่าประหลาดใจคือ ฝุ่นละอองจากผ้าเบรกออร์แกนิกและผ้าเบรกไฮบริดเซรามิก ซึ่งมีทองแดงเป็นส่วนประกอบ เป็นพิษต่อเซลล์ปอดมากที่สุด และอันตรายมากกว่าฝุ่นจากท่อไอเสียดีเซลอีกด้วย
เกือบครึ่งหนึ่งของทองแดงที่ลอยอยู่ในอากาศมาจากการสึกหรอของเบรกและยาง ซึ่งการวิจัยพบว่า ทองแดงสามารถซึมเข้าไปในเซลล์ปอดได้ และหากได้รับทองแดงในปริมาณสูง ก็จะทำให้ปอดทำงานได้แย่ลง ตลอดจนเป็นโรคต่าง ๆ ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต ดังนั้นนักวิจัยจึงเสนอว่า ควรใช้สารเคมีที่ทำปฏิกิริยากับฝุ่นผ้าเบรก เพื่อทำให้ทองแดงเป็นกลาง มีพิษน้อยลง และเป็นอันตรายต่อสุขภาพลดลง
อย่างไรก็ตาม กฎหมายและการควบคุมมลพิษยานยนต์ในปัจจุบันมุ่งเป้าไปที่การจำกัดมลพิษจากท่อไอเสียเป็นส่วนใหญ่ งานวิจัยนี้จึงชี้ให้เห็นว่ามีความจำเป็นอย่างเร่งด่วน ที่จะต้องมีการควบคุมการปล่อยไอเสียที่ไม่ใช่ไอเสียด้วย ซึ่งนอกจากจะมีกฎหมายบังคับแล้ว จำเป็นต้องปรับปรุงพัฒนาผ้าเบรกให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดปัญหาด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้
แม้ว่าเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะช่วยขจัดการปล่อยไอเสีย ซึ่งช่วยลดก๊าซพิษและฝุ่นละออง แต่ก็ไม่สามารถขจัดฝุ่นบนท้องถนน ยาง และเบรกได้ จากการศึกษาพบว่า รถยนต์ไฟฟ้ามักจะมีน้ำหนักมากกว่ารถสันดาป ทำให้รถอีวีสร้างฝุ่นที่ไม่ใช่ไอเสียได้มากกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินหรือดีเซล
รถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นติดตั้งระบบเบรกแบบสร้างพลังงานใหม่ ซึ่งช่วยให้เครื่องยนต์ทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ทำให้รถทำงานช้าลง ไม่ได้เบรกสนิท ทำให้ไม่มีฝุ่นผ้าเบรก แต่ก็ยังมีรถอีวีบางรุ่นที่ยังคงติดตั้งระบบเบรกแบบแรงเสียดทาน ทำให้รถหยุดสนิท จึงทำให้เกิดฝุ่นผ้าเบรกได้
ดร.เจมส์ ปาร์กิน ผู้เขียนหลัก อธิบายว่า “โดยทั่วไปแล้ว ผู้คนมักเชื่อมโยงมลพิษจากรถยนต์กับท่อไอเสีย และคิดว่ารถยนต์ไฟฟ้าไม่มีการปล่อยมลพิษเลย อย่างไรก็ตาม รถยนต์ไฟฟ้ายังคงผลิตฝุ่นละอองเนื่องจากแรงเสียดทานและการสึกหรอของถนน ยาง และเบรก”
“มาตรฐานการปล่อยมลพิษยูโร 7” (Euro 7) ที่กำลังจะบังคับใช้ในเดือนพฤศจิกายน 2026 จะกำหนดข้อจำกัดในการปล่อยฝุ่นผ้าเบรก มุ่งเน้นเป็นพิเศษไปที่การลดการเร่งเครื่องและเบรกกะทันหัน ซึ่งเพิ่มปริมาณการปล่อยฝุ่นผ้าเบรก มาตรฐานนี้อาจกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาวัสดุเบรกใหม่ ๆ หรือกลไกดักฝุ่นผ้าเบรก หรือแยกส่วนประกอบที่เป็นพิษออกไปในลักษณะเดียวกับการกำจัดแร่ใยหินก่อนหน้านี้
ก่อนหน้านี้ในสหรัฐ ทั้งรัฐแคลิฟอร์เนียและวอชิงตันได้ผ่านกฎหมายลดปริมาณทองแดงในผ้าเบรก แม้ว่ากฎหมายจะมีจุดประสงค์ช่วยชีวิตสัตว์น้ำให้ปลอดภัยจากพิษทองแดงที่ปะปนออกมากับฝุ่นผ้าเบรก แต่มนุษย์ก็ได้รับประโยชน์ด้วยเช่นเดียวกัน
มลพิษไอเสียที่ไม่ได้มาจากท่อไอเสียอยู่รอบตัวเรา คิดเป็นประมาณ 60% ของอนุภาคมลพิษทั้งหมดจากยานพาหนะในสหราชอาณาจักร และแม้จะเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าก็ไม่อาจลดมลพิษเหล่านี้ได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีกฎระเบียบและการพัฒนานวัตกรรม เพื่อจำกัดการปล่อยมลพิษเหล่านี้อย่างจริงจัง ไม่ต่างจากการปล่อยมลพิษจากท่อไอเสีย เพราะขึ้นชื่อว่ามลพิษแล้ว ย่อมไม่มีคำว่าปลอดภัย
ที่มา: The Conversation, The Guardian, Top Gear, Yale







