คนไทยนั่งประธานสมาคมปูนซีเมนต์อาเซียน วางโรดแมปลดคาร์บอน เชื่อมทุกประเทศ

ดร.ชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานของ AFCM ระดับภูมิภาคอาเซียน โดยตั้งเป้าความพยายามลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อช่วยจำกัดอุณหภูมิของโลกให้ต่ำกว่า 1.5 องศาเซลเซียส ภายในปี 2573
KEY
POINTS
- สมาพันธ์ผู้ผลิตปูนซีเมนต์แห่งอาเซียน (ASEAN Federation of Cement Manufacturers: AFCM) มีประเทศสมาชิกอยู่ 8 ประเทศ
- แบ่งปันความเชี่ยวชาญ และการนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ของอาเซียน
- ล่าสุด ดร.ชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) ได้รับเลือกตั้งเป็นประธาน ของ AFCM ระดับภูมิภาคอาเซียน
- ตั้งเป้าความพยายามลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อช่วยในการจำกัดอุณหภูมิของโลกให้ต่ำกว่า 1.5 องศาเซลเซียส ภายในปี 2573
สมาพันธ์ผู้ผลิตปูนซีเมนต์แห่งอาเซียน (ASEAN Federation of Cement Manufacturers: AFCM) ก่อตั้งขึ้นในปี 1977 มีประเทศสมาชิกอยู่ 8 ประเทศ ได้แก่ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ประเทศสมาชิกทั้ง 8 นี้เป็นสมาชิกที่เข้าร่วมการประชุมและทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด
ตัวแทนจากอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ของแต่ละประเทศ สมาชิกแต่ละประเทศจะมีประธานและทีมงานที่ทำหน้าที่ในการประชุมและแบ่งปันข้อมูลกันทุกปี โดยการประชุมจะเน้นไปที่การแบ่งปันความเชียวชาญ และการนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ของอาเซียน เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน รวมถึงสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมไปในทิศทางที่ใกล้เคียงกับระดับสากล
ล่าสุด ดร.ชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) ได้รับเลือกตั้งเป็นประธาน ของ AFCM ระดับภูมิภาคอาเซียน ตั้งเป้าความพยายามลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อช่วยในการจำกัดอุณหภูมิของโลกให้ต่ำกว่า 1.5 องศาเซลเซียส ภายในปี 2573
ความร่วมมือเน้นทั้งทางด้านเทคนิค (Standing Committee on Technical Cooperation (SC-TC) รวมถึงหารือถึงแนวโน้มและบริหารความท้าทายของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ประเทศไทยและอาเซียน
ภารกิจ-แนวทางอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
ดร.ชนะ ให้สัมภาษณ์พิเศษกับกรุงเทพธุรกิจ กล่าวว่า การประชุมร่วมกันของ 8 ประเทศ เป็นภารกิจหนึ่งที่สำคัญของ AFCM โดยส่วนใหญ่จะมีการพูดคุยเกี่ยวกับทิศทางของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ เช่น วิธีการปรับตัวเพื่อเติบโตและดูแลสิ่งแวดล้อม รวมถึงความสำคัญของการรวมชุมชนและสังคมในกระบวนการพัฒนาเพื่อให้มีการเติบโตไปพร้อมกันทั้งในด้านเศรษฐกิจและความเป็นอยู่
“อีกสิ่งหนึ่งที่ AFCM จัดขึ้นเป็นประจำทุก 3 ปี คือ การประชุมเชิงเทคนิค ซึ่งเชิญบริษัทระดับโลกที่พัฒนาเทคโนโลยีและเครื่องจักรในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์มาร่วมงาน โดยมีการนำเสนอการพัฒนาวัสดุและกระบวนการใหม่ๆ เช่น การนำวัสดุรีไซเคิลมาใช้ในอุตสาหกรรม”
การประชุมเชิงเทคนิคครั้งล่าสุดจัดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และประเทศต่อไปที่อาจจะเป็นเจ้าภาพคือฟิลิปปินส์ การประชุมนี้มีจุดประสงค์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในอาเซียนให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และร่วมกันพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
โรดแมปไทยสู่ต้นแบบอาเซียน
ดร.ชนะ กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญกว่าการประชุมคือ ความร่วมมือ ตั้งแต่ระดับประเทศสู่ระดับโลก เช่น การทำโรดแมปของประเทศไทย โดยการสนับสนุนของสมาชิกทุกรายของผู้ผลิตในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นทางปูนซีเมนต์นครหลวง ปูนซีเมนต์เอเซีย ทีพีไอ โพลีน ภูมิใจไทยซีเมนต์ ชลประทานซีเมนต์ ปูนซีเมนต์ตราลูกโลก และเอสซีจี อันนี้คือการร่วมมือจากภายใน
เรารวบรวมข้อจำกัดที่ทางผู้ผลิตเองต้องปรับ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายหรือว่าข้อกำหนดทางภาครัฐ ซึ่งอันนี้เราทำในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา และพัฒนาโปรดักส์ที่ใช้เทคโนโลยี และมีเรื่องกรอบความร่วมมือ ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ทำเรื่องนี้ได้โดดเด่น ไม่ใช่เฉพาะในอาเซียน แต่ในระดับโกลบอล รวมไปถึงระดับ World Economic Forum
ส่วนโรดแมปในอาเซียนเป็นการเริ่มต้นใหม่ เราจะไม่ได้ลงรายละเอียดเรื่องข้อมูลมากเหมือนที่ทำในประเทศไทย เพราะเราต้องการให้ได้แนวทางการขับเคลื่อนที่สอดคล้องและเหมือนกันในทุกประเทศก่อน เวลาที่ประเทศต่างๆ ไปพูดกับรัฐบาลของตนเอง จะได้มีข้อความที่สอดคล้องกัน
ซึ่งตกลงกันได้ว่าเราจะเริ่มในแนวทางของการทำโรดแมปที่เราสามารถทำได้เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของอุตสาหกรรมซีเมนต์ เช่น การใช้พลังงานทดแทนในรูปของความร้อนจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร วัสดุเหลือใช้ทางด้านอุตสาหกรรม จะไปในทางการใช้เชื้อเพลิงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เรื่องการใช้พลังงานไฟฟ้า และจะนำพลังงานความร้อนเหลือมาใช้
ทุกบริษัทในประเทศไทยทำเรื่องนี้หมดแล้ว แต่บางประเทศอื่นๆ อาจจะยังไม่ได้ทำ เราสามารถใช้พื้นที่ว่างเปล่า เช่น บนหลังคา มาทำโซลาร์ฟาร์ม และใช้เทคโนโลยีในการปรับการใช้งาน ช่วงแดดออกใช้พลังงานเยอะหน่อย ช่วงแดดน้อยใช้ตามที่ควรจะใช้ เราจะเริ่มจากเรื่องที่สามารถทำได้และได้ประโยชน์ อีกอย่างหนึ่งที่ต้องทำคือเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ พยายามผลักดันเรื่องปูนที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง คล้ายๆ กับปูนลดโลกร้อนของเรา เพื่อให้มันเป็นมาตรฐานของอาเซียน
ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญ
ดร.ชนะ กล่าวด้วยว่า การเป็นประธานของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในอาเซียนจะทำให้ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญ ผมคิดว่าประเทศไทยนำอาเซียนได้ดี และเป็นตัวอย่างในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาการเมืองในระดับประเทศ แต่หลังๆ บทบาทของเราในเวทีอาเซียนค่อนข้างถอยลงไป
โดยจุดแข็งเหล่านี้ เราเน้นไปที่การพัฒนาและการดำเนินการในระดับอาเซียน ซึ่งแต่ละประเทศในอาเซียนก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก เช่นเดียวกับประเทศไทย แรงกระเพื่อมนี้จะส่งผลให้เราเดินหน้าพัฒนาและจัดการสิ่งแวดล้อมภายในประเทศมากขึ้น
อาเซียนต้องปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากัน
"เราได้ทำงานร่วมกับหลายประเทศเพื่อสร้างความเข้มแข็งในอุตสาหกรรมซีเมนต์และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อตันซีเมนต์ให้น้อยลง ซึ่งทำให้สินค้าของเรามีความโดดเด่นในระดับอาเซียนและเป็นที่ยอมรับในระดับโลก
ในอนาคต เราต้องทำให้ทุกประเทศในอาเซียนมีมาตรฐานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เท่ากัน ซึ่งจะทำให้ไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบ ทุกประเทศจะได้สินค้าที่มีคุณภาพและปล่อยคาร์บอนต่ำ"
ทวีปอื่นๆ ก็จะมองมาที่เราว่า อาเซียนทำได้ดีและยั่งยืน การขอทุนและการสนับสนุนในอนาคตจะเป็นเรื่องง่ายขึ้น และเราจะสามารถดำเนินงานได้อย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพ
เป้าหมาย Net Zero อาเซียนยังไม่มี
ดร.ชนะ กล่าวว่า สำหรับระดับประเทศไทยมีเป้าหมายนี้กำหนดไว้ว่าจะสำเร็จในปี 2050 แต่สำหรับระดับอาเซียนยังไม่มีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน ระดับอุตสาหกรรมซีเมนต์เองก็ยังไม่มีเป้าหมายชัดเจนเช่นกัน
แต่ในที่สุดแล้ว ทุกประเทศก็จะถูกบังคับจากรัฐบาลของตนเอง การที่ทำก่อนจะช่วยให้มีข้อมูลและแนวทางที่สามารถคุยกับภาครัฐได้ว่า การทำแล้วส่งเสริมอุตสาหกรรมหรือกระทบอย่างไร
โรดแมปของอุตสาหกรรมซีเมนต์ในอาเซียนจะช่วยให้การเปลี่ยนผ่านดีขึ้น เช่นเดียวกับประเทศไทยที่กำหนดเป้าหมายในปี 2050 อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทยทำได้แล้ว และเร็วกว่าเป้ารัฐบาล 15 ปี หวังว่าจะเกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ เช่นกัน
สิ่งสำคัญคือต้องทำให้เห็นว่า การทำซีเมนต์ที่ปล่อยคาร์บอนต่ำไม่ได้ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นมาก และสามารถช่วยลดมลภาวะและรักษาสิ่งแวดล้อมได้ การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ และการพัฒนาอุตสาหกรรมจะทำให้เราเข้มแข็งและสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก
เทรนด์ปูนลดโลกร้อน
ปูนลดโลกร้อนของไทยจะรวมมิกซ์ซีเมนต์ด้วย จะมีการผลิตมากกว่าประเทศอื่นๆ เพราะประเทศอื่นใช้ PPC เพียงอย่างเดียว แทน OPC ในตลาดของไทยมีปูนลดโลกร้อนประมาณ 88% ของปูนทั้งหมด แต่เราอยากให้สัดส่วนปูนลดโลกร้อนเพิ่มขึ้นไปเป็นอย่างน้อย 90% ซึ่งจะทำให้เราเป็นผู้นำในอาเซียน แม้ว่าประเทศอื่นๆ จะพยายามทำเหมือนกัน แต่พวกเขายังไม่มีมิกซ์ซีเมนต์ในสัดส่วนที่สูงพอ
ในประเทศอื่นๆ อาจมีปูนลดโลกร้อนเช่นกัน แต่พวกเขาใช้ OPC มากกว่า เขาไม่มีมิกซ์ซีเมนต์ ทำให้สัดส่วนของปูนลดโลกร้อนอยู่เพียงประมาณ 70% ยกเว้นบางประเทศ เช่น เวียดนาม ที่ใช้ PC
ดังนั้นสิ่งที่สำคัญคือ เราต้องพัฒนาและสนับสนุนอุตสาหกรรมซีเมนต์ของเราให้เติบโต และไม่สร้างความขัดแย้งกับประเทศอื่น เราควรทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความเข้าใจและความร่วมมือในระดับภูมิภาคและระดับโลก
สุดท้ายนี้ เราต้องการให้การทำงานร่วมกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียนเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ เพื่อให้ทุกประเทศเห็นคุณค่าของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและพัฒนาการก่อสร้างที่ยั่งยืน







