‘หนู’ ในเมืองขยายพันธุ์รวดเร็ว เพราะ ‘โลกร้อน’ ทำให้มีลูกบ่อย หิวง่ายขึ้น

‘หนู’ ในเมืองขยายพันธุ์รวดเร็ว เพราะ ‘โลกร้อน’ ทำให้มีลูกบ่อย หิวง่ายขึ้น

เมื่อ “โลกร้อน” ขึ้น จำนวนหนูก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากหนูจะสามารถอยู่เหนือพื้นดินได้นานขึ้นอีก 2-4 สัปดาห์ต่อปี โดยสามารถหาอาหารได้เอง และหาทรัพยากรที่จำเป็นต่อการขยายพันธุ์

KEY

POINTS

  • อุณหภูมิที่สูงขึ้นสัมพันธ์กับจำนวนหนูที่เพิ่มขึ้น เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น พวกมันสามารถสืบพันธุ์ได้ตลอดทั้งปีและหากินได้นานขึ้น
  • วอชิงตัน ดี.ซีมีจำนวนหนูเพิ่มขึ้น 390% ขณะที่ซานฟรานซิสโกเพิ่มขึ้น 300% ส่วนโตรอนโตเพิ่มขึ้น 186% และในนิวยอร์ก 162% 
  • การจัดการหนูที่ดีที่สุด คือ ต้องทำให้สภาพแวดล้อมในเมืองไม่เอื้อกับเจริญเติบโตของหนู เช่น การใส่ขยะในภาชนะ ไม่ใช่ใส่ถุงบนถนน เพื่อป้องกันไม่ให้หนูแพร่พันธุ์ 

หนู” เป็นสัตว์ในเมืองที่มนุษย์ทั่วโลกต้องได้เจอ แต่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ เพราะรู้กันดีว่าหนูเป็นพาหะนำโรคต่าง ๆ มาสู่คนได้ ที่ใดมีหนูแสดงว่าที่นั่นจะต้องมีขยะ มีแต่ความสกปรก แถมแพร่พันธุ์ได้รวดเร็ว ดังนั้นการกำจัดให้สิ้นซากจึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่ในการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science Advances ชี้ให้เห็นว่าเมื่อ “โลกร้อน” ขึ้น จำนวนหนูก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ทำให้อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น และเกิดฤดูหนาวที่ร้อนกว่าที่เคยในหลายประเทศในเขตซีกโลกเหนือ ซึ่งช่วยให้หนูเจริญเติบโตในเขตมหานครที่มีผู้คนพลุกพล่านได้ง่ายกว่าเดิม แม้ว่าในแต่ละปีมีช่วงเวลาที่อุ่นขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ก็ตาม แต่ก็เพียงพอให้หนูขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว

โจนาธาน ริชาร์ดสัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาที่มหาวิทยาลัยริชมอนด์และหัวหน้าคณะผู้จัดทำผลการศึกษากล่าวว่า “นั่นอาจหมายความว่าหนูจะสามารถอยู่เหนือพื้นดินได้นานขึ้นอีก 2-4 สัปดาห์ต่อปี โดยสามารถหาอาหารได้เอง และหาทรัพยากรที่จำเป็นต่อการขยายพันธุ์”

งานวิจัยพบว่า เมืองที่มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นในช่วงที่ทำการศึกษาจะมีจำนวนหนูเพิ่มขึ้นมากกว่าเมืองอื่น ๆ จากการวิเคราะห์เมือง 16 เมือง มี 11 เมืองที่มีจำนวนหนูเพิ่มขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยวอชิงตัน ดี.ซีมีจำนวนหนูเพิ่มขึ้น 390% ขณะที่ซานฟรานซิสโกเพิ่มขึ้น 300% ส่วนโตรอนโตเพิ่มขึ้น 186% และในนิวยอร์ก 162% 

ความหนาแน่นของประชากรเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้จำนวนหนูเพิ่มขึ้น โดยเมืองที่มีประชากรหนาแน่น จำนวนหนูก็ยิ่งเพิ่มตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลสถิติจำนวนหนูในเมืองที่มากพอ และหลายเมืองไม่มีการติดตามทำสถิติว่าจำนวนหนูเพิ่มขึ้นเร็วแค่ไหน ทำให้ยากต่อการประเมินอย่างแม่นยำ

จำนวนหนูที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอาจทำให้เจ้าหน้าที่ที่คอยรับมือกับการแพร่ระบาดของหนูต้องทำงานหนักขึ้นและปวดหัวมากกว่าเดิม เพราะจากผลการศึกษาพบว่า หนูก่อให้เกิดความเสียหายมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์จากการบุกรุกเข้าไปในอาคารต่าง ๆ ทุกปี และสามารถแพร่โรคได้อย่างน้อย 60 โรคสู่มนุษย์ รวมถึงส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศของสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ในเมือง และสร้างผลกระทบต่อสุขภาพจิตของผู้คนที่อาศัยร่วมกับหนูอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีต้นทุนทางเศรษฐกิจอีกด้วย เมืองต่าง ๆ ทั่วโลกต่างใช้เงินไปแล้ว 500 ล้านดอลลาร์ต่อปีเพื่อพยายามควบคุมจำนวนหนู ตัวอย่างเช่น ในนิวยอร์ก นายกเทศมนตรีเอริค อดัมส์  ได้ประกาศ “สงครามกับหนู” แต่งตั้งผู้ควบคุมหนู เพื่อทำหน้าที่ลดจำนวนหนู และเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดหนูในเมืองแห่งชาติเป็นครั้งแรก

โตรอนโต เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ต้องเผชิญหน้ากับประชากรหนูที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเรียกว่า “พายุหนู” (perfect rat storm) อลิซ ซีเนีย นักกีฏวิทยาของ Orkin บริษัทกำจัดศัตรูพืชกล่าวว่า “หากคุณมองลงใต้พื้นถนนในโตรอนโต ลึกลงไปในระบบบำบัดน้ำเสีย คุณจะพบว่ามันเต็มไปด้วยหนู”

ในปี 2023 สายด่วนของเมืองโตรอนโตได้รับสายเกี่ยวกับหนู 1,600 สาย เพิ่มขึ้นจาก 940 สายในปี 2019 แต่ความจริงคือ ไม่มีใครรู้ว่ามีหนูมากแค่ไหน เพราะไม่เคยมีใครเคยศึกษาเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ เมื่อปี 2024 สมาชิกสภาเมืองโตรอนโตสองคน คือ อเลฮานดรา บราโว และแอมเบอร์ มอร์ลีย์ ได้เรียกร้องให้มีแผนการจัดการอย่างเป็นทางการเพื่อบรรเทาวิกฤตการณ์ดังกล่าว

“หนูเป็นปัญหาคุณภาพชีวิตที่วิกฤติจริง ๆ สำหรับผู้คนต้องเผชิญหน้ากับหนูเข้ามาในบ้าน ที่ทำงาน หรือที่ทำงานของพวกเขาอย่างกะทันหัน จนกลายเป็นพายุหนูที่สมบูรณ์แบบ” บราโวกล่าวกับสื่อของแคนาดา 

เมืองอื่น ๆ ที่มีประชากรหนูเพิ่มขึ้น ได้แก่ โอ๊คแลนด์ บัฟฟาโล ชิคาโก บอสตัน แคนซัสซิตี้ และซินซินแนติ การวิจัยเน้นที่เมืองต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกา รวมถึงอัมสเตอร์ดัม โตรอนโต และโตเกียว เนื่องจากเมืองเหล่านี้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการพบเห็นหนูในลักษณะเดียวกัน การวิจัยไม่ได้วัดจำนวนประชากรหนูโดยรวม แต่วัดจากการเพิ่มขึ้นของรายงานในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น

นักวิจัยอธิบายว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้นสัมพันธ์กับจำนวนหนูที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากหนูเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กที่ต้องหาทางรอดในช่วงฤดูหนาว แต่เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น พวกมันสามารถสืบพันธุ์ได้ตลอดทั้งปีและหากินได้นานขึ้น

ซิเนียกล่าวว่า ฤดูหนาวของโตรอนโตทำหน้าที่ช่วยควบคุมแมลงศัตรูพืชของธรรมชาติมาช้านาน ในแต่ละปีมีสัตว์ตายจากภัยหนาวเป็นจำนวนมาก แต่เนื่องจากอุณหภูมิที่อุ่นขึ้น ทำให้สัตว์ฟันแทะทุกชนิดในเมืองสามารถขยายพันธุ์ได้ และสถานการณ์อาจเลวร้ายลงอีก เนื่องจากปี 2024 กลายเป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่มีการบันทึกไว้ โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่าระดับก่อนยุคอุตสาหกรรมถึง 1.6 องศาเซลเซียส

มีบางเมืองที่มีจำนวนหนูลดลง เช่น โตเกียว หลุยส์วิลล์ และนิวออร์ลีนส์ ซึ่งแต่ละเมืองมีสาเหตุแตกต่างกันไป ในโตเกียว ริชาร์ดสันคาดเดาว่าบรรทัดฐานทางวัฒนธรรมและความคาดหวังเรื่องความสะอาดทำให้ชาวเมืองรีบรายงานเมื่อพบเห็นหนู ส่วนภาครัฐของนิวออร์ลีนส์ให้ความรู้และวิธีป้องกันการระบาดของหนูแก่ประชาชน

นักวิจัยกล่าวว่ากลยุทธ์การจัดการหนูที่ดีที่สุด คือ ต้องทำให้สภาพแวดล้อมในเมืองไม่เอื้อกับเจริญเติบโตของหนู เช่น การใส่ขยะในภาชนะ ไม่ใช่ใส่ถุงบนถนน เพื่อป้องกันไม่ให้หนูแพร่พันธุ์ ร่วมกับการกำจัดหนูที่มีอยู่แล้ว

แม้ว่าจะมีการศึกษาเกี่ยวกับหนูทดลองหลายพันครั้ง แต่เราก็รู้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับหนูป่าในเมือง ริชาร์ดสันกล่าว “เราจำเป็นต้องรู้ถึงการต่อสู้ที่เรากำลังเผชิญ เมืองแทบทุกเมืองประกาศว่าพวกเขากำลังทำสงครามกับหนู”

ถึงมนุษย์เกลียดหนูมากเพียงใด แต่มนุษย์กลับสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพวกมัน อย่างเช่น ชาวเมืองนิวยอร์กมักจะทิ้งขยะในถุงพลาสติกไว้ที่ขอบถนนทุกสัปดาห์ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของพวกมัน ราวกับได้กินบุฟเฟต์ตลอดทั้งวัน

เคย์ลี ไบเออร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพที่มหาวิทยาลัยไซมอนเฟรเซอร์ ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับนิเวศวิทยาของโรคในหนูในเมือง กล่าวว่า “จำนวนของหนูในเมืองสะท้อนถึงพฤติกรรมของมนุษย์ เหตุผลที่หนูเติบโตได้ดีในเมืองก็เพราะหนูกินเศษอาหารจากพวกเรา และสภาพแวดล้อมที่เราสร้างขึ้น ก็ยิ่งทำให้หนูเติบโตได้ดี"


ที่มา: AP NewsBloombergThe Guardian