5 ข้อสรุป จากนักวิจัยไทย ลดความเสี่ยงภัยพิบัติ ด้วยงานวิจัยที่ใช้ได้จริง

5 ข้อสรุป จากนักวิจัยไทย ลดความเสี่ยงภัยพิบัติ ด้วยงานวิจัยที่ใช้ได้จริง

การประชุมครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในอนาคตการวิจัยจะมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหาภัยพิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการใช้กระบวนการธรรมชาติ เทคโนโลยี หรือนโยบาย

KEY

POINTS

  • การประชุมครั้งยิ่งใหญ่ มีผู้เข้าร่วมกว่า 100 คนจากหลายประเทศในภูมิภาค ได้แก่ ไทย มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
  • ร่วมระดมความคิดเห็นเพื่อกำหนดประเด็นมุ่งเน้นการวิจัยในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
  • จัดลำดับความสำคัญของประเด็นวิจัย รวมถึงกำหนดกรอบการจัดสรรทุนวิจัย

การประชุมเชิงปฏิบัติการที่ชื่อว่า "Scoping Future Research Priority for Disaster Risk Reduction (DRR) in the Global South" การประชุมครั้งยิ่งใหญ่นี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 100 คนจากหลายประเทศในภูมิภาค ได้แก่ ไทย มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์

โดยทางประเทศไทยมี กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และภาคีเครือข่ายเข้าร่วมการประชุมในฐานะผู้กำหนดนโยบาย บริหารจัดการทุนวิจัย หน่วยงานปฏิบัติการ และนักวิชาการ

มีการระดมความคิดเห็น เพื่อกำหนดประเด็นมุ่งเน้นการวิจัยในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ (Disaster Risk Reduction, DRR) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสร้างอนาคตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับทุกคนที่จัดขึ้นภายใต้การสนับสนุนจาก UK Government Department of Science, Innovation and Technology’s International Science Partnerships Fund

5 ข้อสรุป จากนักวิจัยไทย ลดความเสี่ยงภัยพิบัติ ด้วยงานวิจัยที่ใช้ได้จริง

ทุนวิจัยเพื่อการลดความเสี่ยง

รศ.ดร. นิรมล สุธรรมกิจ ผู้อำนวยการกลุ่มภารกิจด้านสังคม สิ่งแวดล้อม เชิงพื้นที่และลดความเหลื่อมล้ำ สกสว. กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้มีความสำคัญอย่างมากในการสร้างเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และความรู้ด้านการวิจัยและการให้ทุนวิจัยเพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นอกจากนี้ยังได้ร่วมกันกำหนดประเด็นสำคัญและความท้าทายที่เราจะต้องเผชิญในอนาคต และจัดลำดับความสำคัญของประเด็นวิจัยที่เกี่ยวกับการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ (DRR) รวมถึงกำหนดกรอบการจัดสรรทุนวิจัยของ UK Research and Innovation (UKRI) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อสร้างเครือข่ายนักวิจัยระหว่างประเทศ

ประเด็นที่หารือร่วมกัน ประกอบด้วย

  • การสร้างความเข้าใจและแนวคิด ในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ เพื่อให้มีการเตรียมพร้อมและป้องกันภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับด้านสังคม-เศรษฐกิจและวัฒนธรรม เพื่อให้ทุกชุมชนในภูมิภาคมีความสามารถในการฟื้นตัวและปรับตัวได้อย่างเหมาะสม
  • การสอดคล้องและศักยภาพของระบบป้องกันภัยพิบัติ เพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน
  • ความต่อเนื่องของนโยบายภาครัฐ การเงิน และภาคธุรกิจ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
  • การใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง กับการจัดการและป้องกันภัยพิบัติ เพื่อให้สามารถรับมือกับความท้าทายได้อย่างทันท่วงที
  • แนวทางการแก้ไขปัญหาธรรมชาติ ในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยใช้กระบวนการทางธรรมชาติ
  • การประชุมเชิงปฏิบัติการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดทิศทางการวิจัยในอนาคตและสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะนำไปสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ปลอดภัยและยั่งยืนมากขึ้น

แนวทาง ผลการเข้าร่วมประชุม

ผลการเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ได้สร้างประสบการณ์และแนวทางใหม่ๆ โดยเฉพาะในประเทศไทย

1. การยกร่างกรอบการวิจัยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ : กรณีตัวอย่าง ปัญหาของประเทศไทย เช่น ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและอ่าวไทยที่พบบ่อยมากในการประสบภัยหลายรูปแบบ (Multi-hazards) ซึ่งมีผลกระทบต่อภาคกลางซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย

โดยมีประเด็นวิจัยที่สำคัญ 3 ประการ คือ การแก้ปัญหาโดยใช้กระบวนการทางธรรมชาติ (Natural-based Solution) การจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติ เทคโนโลยี และนโยบายด้านการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่คาดหวังคือ การผลิตที่เป็นมิตรต่อภูมิอากาศ ภาคธุรกิจที่มีธรรมาภิบาลและคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม และ ภาคประชาชนสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate change) ได้อย่างเหมาะสม

2. การสร้างแนวทางความร่วมมือด้านการวิจัยระหว่างประเทศ : ความร่วมมือด้านการวิจัยระหว่างสหราชอาณาจักร ไทย และประเทศในภูมิภาคอาเซียน สำนักงานเลขาธิการอาเซียน ผ่าน สกสว. หรือ วช. ในรูปแบบที่สอดคล้องกับพันธกิจ เป้าหมาย และบทบาทของ UKRI และ สกสว. วช. และหน่วยบริหารและจัดการทุน (PMU) ที่เกี่ยวข้องได้ต่อไป

3. การเรียนรู้จากแบบจำลองการพยากรณ์อุตุนิยมวิทยา : แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างไทยและมาเลเซีย เช่น แบบจำลองพยากรณ์ฝน ภายใน 3 ชั่วโมง ถึง 14 วัน กับแบบจำลองพยากรณ์ฝนของหน่วยงานไทย เช่น สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) และกรมอุตุนิยมวิทยา เป็นต้น

4. การเรียนรู้จากนโยบายและการบริหารจัดการภัยพิบัติระดับจังหวัด : แลกเปลี่ยนแนวทางในการจัดการน้ำและภัยพิบัติระหว่างประเทศไทยและเวียดนามในระดับพื้นที่จังหวัดและลุ่มน้ำ เป็นต้น

5. การสร้างเครือข่ายนักวิจัยและการบริหารจัดการทุน : สร้างพันธมิตรใหม่ๆ ระหว่างนักวิจัย หน่วยงานให้ทุน และหน่วยงานนโยบายการวิจัยในกลุ่มประเทศอาเซียนและสหราชอาณาจักร

การประชุมนี้สร้างหวังว่าจะนำไปสู่อนาคตที่ปลอดภัยและยั่งยืนมากยิ่งขึ้นสำหรับทุกคนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้