Bangkok Low Emission Zone นำร่อง 16 เขต 'สุชัชวีร์' เสนอ 6 แนวทางสกัด PM2.5

Bangkok Low Emission Zone นำร่อง 16 เขต 'สุชัชวีร์' เสนอ 6 แนวทางสกัด PM2.5

'สุชัชวีร์' เสนอ 6 แนวทางแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ครบวงจร แนะสร้าง Bangkok Low Emission Zone ครอบคุม 16 เขต มั่นใจ พ.ร.บ.อากาศสะอาด ช่วยแก้ปัญหาได้ ชี้ข้อมูลดาวเทียมหนุนเข้มบังคับใช้กฎหมายเอาผิดผู้ก่อเกตุเผาไหม้

ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้นำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่อยู่ในสถานการณ์วิกฤติเเล้ว รวม 6 แนวทาง ที่จะทำให้ PM2.5 ลดลง ประกอบด้วย   

1.ประชาชนทุกคนต้องรับรู้ข้อมูลและอันตรายของ PM2.5 วันนี้เราสามารถเช็คค่าฝุ่นเบื้องต้นเพื่อทราบข้อมูล จากแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ต่างๆ เพื่อตรวจเช็คค่าฝุ่นจากจุดใกล้ตัว ว่าค่าฝุ่นที่แสดงมีความอันตรายมากน้อยแค่ไหน

นอกจากนี้ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เรา ทราบค่าฝุ่นได้แม่นยำมากขึ้น ก็ต้องมาจาก “จำนวนจุดวัดคุณภาพอากาศ ที่มากเพียงพอ” ซึ่งควรมีอย่างน้อย “2,000 จุดทั่วกรุงเทพ” เพื่อให้ประชาชนสามารถทราบค่าได้อย่างแม่นยำ เเละต้องแสดงปริมาณฝุ่นให้ประชาชนได้รับรู้ บริเวณโรงเรียน โรงพยาบาล พื้นที่ก่อสร้าง และพื้นที่เสี่ยง เพื่อการปกป้องสุขภาพ และเพื่อการควบคุมฝุ่น

ในพื้นที่มีโรงงานอุตสาหกรรม และการก่อสร้าง ประชาชนมีสิทธิในการตรวจสอบ ขอประเมินคุณภาพอากาศ โดยประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการรับรู้ ประเมิน และตรวจสอบ ร่วมกับภาครัฐและเอกชน

ภาครัฐต้องเเนะนำให้ประชาชน “ป้องกัน” ตัวเองด้วยหน้ากากอย่างจริงจัง  ในปัจจุบันหน้าการที่ป้องกันโควิดบางแบบสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้บ้างถึงแม้จะไม่ดีเท่า N95 โดยเมื่อรู้ว่าอยู่ในพื้นที่เสี่ยงให้ใส่หน้าเพื่อป้องกัน โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ ประมาทไม่ได้เลย ฝุ่น PM2.5 อันตรายถึงชีวิต แต่ที่เห็น เรายังไม่สนใจที่จะป้องกันตัวเอง และคนที่เรารักเท่าที่ควร

Bangkok Low Emission Zone นำร่อง 16 เขต \'สุชัชวีร์\' เสนอ 6 แนวทางสกัด PM2.5

2.กำจัดฝุ่นที่ "ต้นกำเนิด" อย่างจริงจัง โดยวันนี้ยังเห็นรถเมล์เก่า รถบรรทุกควันดำ วิ่งเต็มกรุงเทพ อยู่ทุกวัน จริงไหมครับ แสดงว่า เราไม่เคยจริงจังกับเรื่องฝุ่นพิษเลย ซึ่งรถควันดำและเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่ปล่อยมลพิษ จะต้องไม่มีในกรุงเทพฯ อีกต่อไป ไม่ใช่ปล่อย PM2.5 ตลอดเวลา   

ทั้งนี้ กทม.มีข้อบัญญัติความปลอดภัย ความสะอาด และป้องกันสิ่งแวดล้อมในมือ จัดการได้ทันที ถึงระงับใบอนุญาตก่อสร้างได้ เป็นการแก้ปัญหาถึง "ต้นตอ"
Bangkok Low Emission Zone นำร่อง 16 เขต \'สุชัชวีร์\' เสนอ 6 แนวทางสกัด PM2.5

3.กฎหมายต้องเข้มเเข็งและจัดการผู้กระทำความผิด โดยการปลูกฝังจิตสำนึกเป็นเรื่องจำเป็น ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องใช้เวลา เเต่การใช้กฎหมาย ปรับให้เหมาะสมและต้องบังคับให้ใช้จริงเป็นสิ่งสำคัญ

รวมทั้งขณะนี้กำลังจะมี"กฎหมายอากาศสะอาด" ที่มาจากการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ภาควิชาการ และภาคการเมือง โดยยึดหลักมาตรฐานสากล ซึ่งจะกำหนดเป้าหมายและมาตรฐานมลพิษทางอากาศอย่างเป็นธรรมต่อสุขภาพประชาชนและการพัฒนาประเทศ ตามหลักสุขภาพสากล

นอกจากนี้ กฏหมายอากาศสะอาดจะเน้นการกระจายอำนาจในการควบคุม ประเมิน ตรวจสอบ และแก้ไขปัญหา อย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพ

รวมถึงกฏหมายอากาศสะอาดจะใช้มาตรการ "ภาษีฝุ่นและค่าธรรมเนียม" กับการปลอดมลพิษอย่างไร้ความรับผิดชอบของบุคคลและนิติบุคคล เพื่อนำมาใช้รักษาเยียวยาปัญหาสุขภาพประชาชนที่ได้รับกระทบ และให้ประโยชน์การลดหย่อนภาษีและโบนัสแก่บุคคลและนิติบุคคลที่ช่วยป้องกันฝุ่นลดมลพิษ

กฏหมายอากาศสะอาดจะส่งเสริมการวิจัย และการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมภายในประเทศ รวมทั้งการพัฒนาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อจัดการมลพิษทางอากาศ และสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด   

ทั้งหมดนี้ ผู้มีอำนาจจะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ในต่างประเทศที่เคยประสบวิกฤตฝุ่นพิษ เช่น อังกฤษ อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี จีน เขาใช้ กฏหมายอากาศสะอาด เป็นเครื่องมือที่ได้ผลที่สุดในการต่อสู้มลพิษ เเต่ประเทศไทยยังไม่เข้มงวดมากพอ 

4.ใช้เทคโนโลยี "มีดาวเทียม รู้ทันที ใครเผา" โดยเทคโนโลยีดาวเทียว "ไม่โกหก"เมื่อปีก่อน ไทยเราส่ง "ดาวเทียมธีออส 2" ซึ่งเป็นดาวเทียมวงโคจรต่ำ เวียนมา "สอดส่องดู" พื้นที่ประเทศไทย ใครเผาป่า เผ่าไร่ ตรงจุดไหน ที่แปลงใด รู้ทันที "ใครต้องรับผิดชอบ"   

GISTDA หรือ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ผู้ดูแลดาวเทียม ระบุว่าข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียมธีออส 2 มีรายละเอียดภาพหรือขนาดพิกเซล 50 เซนติเมตร ถือว่า "ความละเอียดสูงมาก"  ไม่มีอะไรรอดพ้นสายตา และเมื่อเทคโนโลยี "มีแล้ว" เราต้องใช้แก้ปัญหา ให้คุ้มค่า

5.กำหนดเขตมลพิษต่ำ “Bangkok Low Emission Zone” นี่คือ "เป้าหมาย" และ "วิธีแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม" ที่เราต้องทำทันที รอไม่ได้ เพราะกรุงเทพมี "ความหนาแน่นขึ้น" ส่งผลให้ปริมาณการใช้รถยนต์เพิ่มขึ้นตาม ปัญหาการจราจรติดขัด และ มลพิษทางอากาศก็ตามมา โดยเฉพาะปัญหา PM 2.5 ที่ส่งผลต่อสุขภาพและชีวิตของพลเมือง

การประกาศ “เขตมลพิษต่ำ” จะทำให้สามารถจำกัดการเข้ามาของยานพาหนะที่ปล่อยมลพิษสูงที่จะเข้ามาในเมือง ไม่ว่าจะเป็นรถบรรทุกเก่าควันดำ รถเมล์ควันโขมง หรือรถอื่น ๆ ที่ปล่อยมลพิษอันตรายน่ากลัว

โดยจะมีกำหนดอัตราค่าธรรมตามปริมาณมลพิษรถที่ปล่อยออกมา เมื่อผ่านเขตที่กำหนด ยิ่งรถปล่อยมลพิษสูง ค่าธรรมเนียมยิ่งแพง

ส่วนรถที่ปล่อยมลพิษตามมาตรฐาน  รถยนต์ไฟฟ้าพลังสะอาด จะไม่มีค่าธรรมเนียม เข้าได้ฟรี ขับได้ตามปกติ เพื่อกระตุ้นให้คนหันมาดูแลรักษารถยนต์ให้มีมาตรฐาน ปล่อยมลพิษน้อยลง ใช้รถพลังงานสะอาดมากขึ้น หรือหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะแทน ทำให้สมารถลดมลพิษจากท้องถนนได้

สำหรับ กทม.เสนอให้มีการกำหนดเขตมลพิษต่ำ “Bangkok Low Emission Zone”  นำร่อง 16 เขตกรุงเทพชั้นใน บริเวณเขตพระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ ดุสิต พญาไท ราชเทวี ปทุมวัน สาทร บางรัก บางคอแหลม บางพลัด บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ คลองสาน ธนบุรี และเขตยานนาวา

ครอบคลุมพื้นที่กว่า 130 ตารางกิโลเมตร เพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างจริงจัง โดยเชื่อว่าจะทำให้ชาวกรุงเทพฯ ได้รับอากาศสะอาดกลับคืนมา   

ส่วนประเด็นทำไมต้อง 16 เขต กรุงเทพชั้นใน เพราะเขตชั้นในนี้ มีประชากรอาศัยหนาแน่น ทั้งผู้อยู่อาศัย ผู้มาทำงาน และนักเรียน ที่มีโรงเรียนและโรงพยาบาลอยู่ในพื้นที่นี้มากที่สุด จึงได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างมาก เพราะพื้นที่นี้มีการก่อสร้างมากที่สุด

และส่งผลกระทบรุนแรงที่สุดต่อคนกรุงเทพ และเพราะพื้นที่นี้อยู่ในแนวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนที่พร้อมที่สุด ประชาชนมีทางเลือกในการเดินทางมากว่าพื้นที่อื่น     

6.กำหนดเป้าหมายลดฝุ่นอย่างจริงจังชัดเจน ซึ่งไม่เห็นใครออกมา "ตั้งเป้าหมาย" เลยว่า อีกกี่เดือน กี่ปี ฝุ่นพิษ PM2.5 จะลดลง ให้อากาศกรุงเทพกลับมาสะอาดพอ ให้ลูกหลานเราจะหายใจได้อย่างปลอดภัย และเมื่อบ้านเมืองไร้เป้าหมาย สุดท้ายคือ อยู่ไปวันๆ ตายผ่อนส่งไม่มีอนาคต

รวมทั้งเมื่อ PM2.5 คือ อันตราย ตายจริง และขอย้ำ "ปล่อยฝุ่นว่าโหดร้าย ปล่อยไว้โหดยิ่งกว่า" หากเป็นเช่นนี้ต่อไป แสดงว่าเราไม่ได้ห่วงลูกหลานคนไทยเลย