‘ลูกกอล์ฟ’ หายปีละ 5,000 ล้านลูก โผล่ตามธรรมชาติ อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม-สัตว์น้ำ

‘ลูกกอล์ฟ’ หายปีละ 5,000 ล้านลูก โผล่ตามธรรมชาติ อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม-สัตว์น้ำ

“ลูกกอล์ฟ” จะมีขนาดเล็ก แต่ก็ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อตกไปในพื้นที่ธรรมชาติ ซึ่งเป็นที่ที่ไม่ควรอยู่

KEY

POINTS

  • แต่ละปีมีลูกกอล์ฟตีออกจากสนามกอล์ฟสูงถึง 3,000-5,000 ล้านลูก ซึ่งส่วนมากจะไปอยู่ในสถานที่ต่าง ๆ ธรรมชาติ
  • สารเคมีจากลูกกอล์ฟจะเข้าไปจับกับอนุภาคพลาสติกขนาดเล็กที่ซึมลงสู่มหาสมุทร เป็นอันตรายต่อสัตว์ทะเล
  • การสูญเสียลูกกอล์ฟหลายล้านลูกยังถือเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรอย่างร้ายแรง เพราะลูกกอล์ฟใหม่ส่วนใหญ่ประกอบด้วยพลาสติกและยางสังเคราะห์ ซึ่งได้จากการเชื้อเพลิงฟอสซิล

กอล์ฟ” กีฬาที่ช่วยฝึกสมาธิผู้เล่นและผ่อนคลายไปกับวิวธรรมชาติรอบกาย แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กีฬากอล์ฟถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้านปัญหาสิ่งแวดล้อม ทั้งการใช้น้ำและพลังงาน การใช้สารเคมี และผลกระทบจากลูกกอล์ฟเพิ่มมากขึ้น เพราะแม้ว่า “ลูกกอล์ฟ” จะมีขนาดเล็ก แต่ก็ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อตกไปในแหล่งน้ำ ซึ่งเป็นที่ที่ไม่ควรอยู่

ตามรายงานของสมาคมกอล์ฟแห่งสหรัฐ (USGA) ระบุว่าในปี 2023 มีผู้คนเล่นกีฬาชนิดนี้มากเป็นประวัติการณ์ถึง 45 ล้านคนในสหรัฐ ขณะที่ข้อมูลจาก R&A องค์กรที่ทำหน้าที่ในการบัญญัติและกำกับกฎกติกากอล์ฟ ระบุว่าในปี 2019 สหรัฐมีสนามกอล์ฟถึง 43% ของโลก โดยมี 16,752 สนาม ซึ่งมากกว่าจำนวนร้าน Starbucks หรือ McDonald’s ทั่วประเทศ และในปี 2023 มีผู้คนออกรอบเล่นกอล์ฟมากที่สุด จากรายงานของมูลนิธิกอล์ฟแห่งชาติ (NGF)

ฌอน เชียนฟิลด์ ซีอีโอของ Found Golf Balls ระบุว่าบริษัทของเขาสามารถกู้คืนและขายลูกกอล์ฟที่หายไปได้หลายล้านลูกทั่วสหรัฐและแคนาดาในแต่ละปี กล่าวกับ CNN ว่าเขาประเมินค่าเฉลี่ยไว้ที่ระหว่าง 3-4 ลูก ขึ้นอยู่กับทักษะของผู้เล่นเองและลักษณะภูมิประเทศของสนาม นั่นหมายความว่าในสหรัฐมีลูกกอล์ฟหายไปมากกว่า 1,500 ล้านลูกต่อปีตั้งแต่ปี 2020 

แต่หากรวมจำนวนนักกอล์ฟทั่วโลกเข้าไปด้วย จำนวนลูกกอล์ฟที่หายไปอาจสูงถึง 3,000-5,000 ล้านลูก ตามที่ ทอร์เบน คาสตรัป ปีเตอร์เซน ผู้จัดการสนามกอล์ฟของ Danish Golf Union ซึ่งทำการวิจัยผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากลูกกอล์ฟที่หายไปคาดการณ์

ด้วยสนามกอล์ฟที่มีอยู่ถึง 84% ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ทำให้มีลูกกอล์ฟกระเด็นไปเกือบทุกที่ในโลก  ตั้งแต่ที่ราบน้ำแข็งของกรีนแลนด์ ปากภูเขาไฟในฮาวายที่ยังปะทุอยู่ ยอดเขาในแอฟริกาใต้ที่สูงจากระดับน้ำทะเล 4,500 ฟุต ไปจนถึงฟยอร์ดในนอร์เวย์ซึ่งเป็นที่อยู่ของวาฬ

‘ลูกกอล์ฟ’ หายปีละ 5,000 ล้านลูก โผล่ตามธรรมชาติ อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม-สัตว์น้ำ

ในปี 2009 นักวิทยาศาสตร์ของสหรัฐที่กำลังสำรวจทะเลสาบล็อกเนสส์ เพื่อตามหาสัตว์ประหลาดเนสซี แต่สิ่งที่พบกลับเป็นลูกกอล์ฟหลายหมื่นลูกนอนอยู่ก้นทะเลสาบที่ลึกประมาณ 750 ฟุต และไม่มีความหวังที่จะเอากลับคืนมาได้เลยหากไม่มีอุปกรณ์และค่าใช้จ่ายจำนวนมาก

ลูกกอล์ฟแบบดั้งเดิมผลิตจากวัสดุสังเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็นยางสังเคราะห์ (โพลีบิวทาไดอีน) โพลีเมอร์สังเคราะห์ (ยูรีเทนอีลาสโตเมอร์) และมีการเติมโลหะ (ซิงค์ออกไซด์ ซิงค์อะคริเลต และเบนซอยล์เปอร์ออกไซด์) ลงในแกนกลางเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความทนทาน อาจใช้เวลานานนับศตวรรษในการย่อยสลาย เมื่อวัสดุเหล่านี้สลายตัว วัสดุเหล่านี้จะปล่อยสารเคมีอันตรายสู่สิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดมลภาวะต่อแหล่งน้ำและเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล

การทดสอบในปี 2009 โดยสหภาพกอล์ฟเดนมาร์ก พบว่าลูกกอล์ฟปล่อยโลหะหนักออกมาในปริมาณมากเมื่อสลายตัว โดยพบสังกะสีในระดับอันตรายในยางสังเคราะห์ที่ใช้ในลูกกอล์ฟแกนแข็ง นักวิจัยยังสรุปด้วยว่าลูกกอล์ฟต้องใช้เวลาระหว่าง 100-1,000 ปีจึงจะสลายตัวตามธรรมชาติ 

สนามกอล์ฟทั่วโลกประมาณ 32,000 แห่งตั้งอยู่ตามแนวชายฝั่ง ซึ่งยิ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของปัญหานี้มากขึ้น ในปี 2019 เด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งค้นพบลูกกอล์ฟหลายหมื่นลูกใกล้ชายฝั่งสนามกอล์ฟเพบเบิลบีชที่มีชื่อเสียงในแคลิฟอร์เนีย คาดการณ์ว่าในแต่ละปีสนามกอล์ฟเพบเบิลบีชเสียลูกกอล์ฟมากถึง 186,000 ลูก หรือคิดเป็นขยะพลาสติก 9.42 ตัน ที่ถูกทิ้งลงสู่ทะเลทุกปี

‘ลูกกอล์ฟ’ หายปีละ 5,000 ล้านลูก โผล่ตามธรรมชาติ อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม-สัตว์น้ำ

แมทธิว ซาโวกา นักชีววิทยาด้านการอนุรักษ์ กล่าวว่า หากลูกกอล์ฟไม่เสียหายก็อาจไม่มีมลพิษปล่อยออกมา แต่เมื่อลูกบอลสลายตัวลงอย่างช้า ๆ บนพื้นทะเล สารเคมีเหล่านี้จะเข้าไปจับกับอนุภาคพลาสติกขนาดเล็กที่ซึมลงสู่มหาสมุทร อาจส่งผลกระทบที่เลวร้ายสำหรับแมวน้ำฮาร์เบอร์และนากทะเลแคลิฟอร์เนียที่ใกล้สูญพันธุ์ รวมถึงสิ่งมีชีวิตอีกนับไม่ถ้วน รวมถึงมนุษย์ด้วย

“อนุภาคเหล่านี้จะค่อย ๆ เล็กลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งในที่สุดก็เข้าไปอยู่ในห่วงโซ่อาหารและเข้าสู่ร่างกายของเรา เมื่อลูกบอลกอล์ฟกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยในระดับจุลภาค ก็แทบจะไม่มีทางทำความสะอาดได้เลย เพราะมันจะอยู่ที่นั่นตลอดไป” ซาโวกาอธิบาย

ซาโวกาประมาณการว่ามีเศษซากที่ไม่สามารถนำกลับมาได้ประมาณ 28 กิโลกรัม สูญหายไปในทะเลจากลูกกอล์ฟที่เก็บมาได้ใกล้เพบเบิลบีชเพียงแห่งเดียว นั่นหมายความว่าทั่วโลกจะต้องมีตัวเลขที่สูงกว่านี้มาก

มิทเชลล์ โชลส์ ผู้ก่อตั้งบริษัท Biodegradable Golf Balls ซึ่งตั้งอยู่ในแคนาดา ประมาณการว่าในแต่ละปีในทวีปอเมริกาเหนือจะมีลูกกอล์ฟจะสูญหายไปในมหาสมุทรประมาณหนึ่งล้านลูก ส่วนในกลุ่มประเทศที่มีผู้เล่นกอล์ฟมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อังกฤษ เยอรมนี และออสเตรเลีย ที่ละประมาณ 100,000 ลูก

‘ลูกกอล์ฟ’ หายปีละ 5,000 ล้านลูก โผล่ตามธรรมชาติ อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม-สัตว์น้ำ

นอกเหนือจากผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรงแล้ว การสูญเสียลูกกอล์ฟหลายล้านลูกยังถือเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรอย่างร้ายแรง เพราะลูกกอล์ฟใหม่ส่วนใหญ่ประกอบด้วยพลาสติกและยางสังเคราะห์ ซึ่งได้มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล

การผลิตลูกกอล์ฟต้องใช้พลังงานและการปล่อยคาร์บอนในปริมาณมาก ซึ่งเป็นการใช้พลังงานที่ไม่คุ้มค่า ลูกกอล์ฟเดินทางหลายพันไมล์เพื่อตีเพียงครั้งเดียว แล้วด้วยการตีพลาดเพียงครั้งเดียว ลูกกอล์ฟก็หายไปตลอดกาล

“การแก้ไขปัญหานี้ไม่ใช่แค่การจัดการขยะเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการบรรเทาผลกระทบต่อระบบนิเวศในวงกว้างด้วย นักกอล์ฟต้องตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากลูกกอล์ฟที่หายไปให้มากขึ้น” ปีเตอร์เซน กล่าวเสริม

เมื่อมองเห็นช่องว่างในตลาด Schols เปิดตัวลูกกอล์ฟที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพเพื่อเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและไม่รู้สึกผิด สำหรับนักกอล์ฟที่เล่นกอล์ฟใกล้น้ำหรือแม้แต่บนน้ำ โดยลูกกอล์ฟเหล่านี้ผลิตขึ้นด้วยสารประกอบย่อยสลายได้ทางชีวภาพที่กระตุ้นด้วยน้ำ 

ลูกกอล์ฟจะละลายภายในสี่สัปดาห์หลังจากสัมผัสกับน้ำ กลายเป็นแป้งข้าวโพดที่ไม่เป็นพิษและโพลีไวนิลแอลกอฮอล์ (PVA) ซึ่งเป็นโพลีเมอร์สังเคราะห์ที่ละลายน้ำได้ หากปล่อยทิ้งไว้บนบก ลูกกอล์ฟอาจใช้เวลาหนึ่งถึงสองปีในการย่อยสลายทางชีวภาพ แต่ลูกกอล์ฟของ Schols ไม่มีแกนยางทำให้สูญเสียระยะทางประมาณ 30% เมื่อเทียบกับลูกกอล์ฟทั่วไป ดังนั้นลูกกอล์ฟเหล่านี้เหมาะที่สุดสำหรับการใช้งาน เช่น การตีเป้าหมายใกล้หรือลงไปในน้ำ

ตามคำจำกัดความของ USGA และ R&A ลูกกอล์ฟจะ “สูญหาย” หากไม่สามารถค้นหาได้ภายในสามนาทีหลังจากที่นักกอล์ฟหรือแคดดี้เริ่มค้นหา แต่ไม่ใช่ว่าจะหาไม่เจอในภายหลัง ด้วยเหตุนี้จึงเกิดธุรกิจรับทำความสะอาดและตามหาลูกกอล์ฟ ดังเช่น Found Golf Balls ของเชียนฟิลด์ ซึ่งในแต่ละปีธุรกิจลักษณะนี้เก็บลูกกอล์ฟ 150 ล้านลูกที่อยู่ในสิ่งแวดล้อม

‘ลูกกอล์ฟ’ หายปีละ 5,000 ล้านลูก โผล่ตามธรรมชาติ อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม-สัตว์น้ำ

ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตลูกกอล์ฟแก็พยายามรับผิดชอบกู้คืนลูกกอล์ฟ ตามเว็บไซต์ของ Titleist ระบุว่าบริษัทในเครืออย่าง PG Golf กู้คืนและขายลูกกอล์ฟใช้แล้วมากกว่า 39,000 ตันนับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1992 โดยรีไซเคิลลูกกอล์ฟมากกว่า 40 ล้านลูกต่อปีจากสนามกอล์ฟใน 43 รัฐ เพื่อนำยาง เซอร์ลิน และยูรีเทนกลับมาใช้ใหม่

สนามกอล์ฟหลายแห่งมีระบบกู้คืนภายในของตนเอง ตัวอย่างเช่น TPC Sawgrass จ้างนักดำน้ำมืออาชีพมาช่วยกู้คืนลูกกอล์ฟประมาณ 120,000 ลูกที่ตกลงไปในน้ำรอบ ๆ หลุมที่ 17 พาร์สามหลุมปราบเซียนของสนามกอล์ฟในฟลอริดาทุกปี

ส่วนเพบเบิลบีชเริ่มโครงการกู้คืนลูกกอล์ฟ ในปี 2017 โฆษกของ Pebble Beach Resorts กล่าวกับ CNN โครงการนี้ร่วมมือกับนักดำน้ำมืออาชีพเป็นประจำ เพื่อกู้คืนลูกกอล์ฟจากทะเล รวมถึงเก็บลูกกอล์ฟจากชายฝั่งและบริเวณชายหาด พร้อมทั้งแจ้งกฎห้ามนักกอล์ฟตีลูกกอล์ฟลงทะเลโดยตั้งใจ

“ความพยายามในการรวบรวมของเราเป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่ครอบคลุม เพื่อเป็นผู้ดูแลสิ่งแวดล้อมที่ดีทั่วทั้งรีสอร์ต ทั้งในและนอกสนามกอล์ฟ” โฆษกกล่าวเสริม

การรีไซเคิลและการปรับปรุงใหม่ลูกกอล์ฟเก่าเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืน แทนที่จะปล่อยให้ลูกกอล์ฟเก่าสะสมอยู่ในแหล่งน้ำหรือหลุมฝังกลบ ลูกกอล์ฟสามารถรวบรวม ทำความสะอาด และฟื้นฟูให้กลับคืนสู่สภาพเดิม ทำให้ลูกกอล์ฟมีอายุการใช้งานอีกครั้ง วิธีนี้ไม่เพียงช่วยลดขยะเท่านั้น แต่ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการเล่นกอล์ฟอีกด้วย 

Tomorrow Golf วางจำหน่ายลูกกอล์ฟที่มีแกนกลางที่รีไซเคิล 100% พร้อมด้วยปลอกหุ้มแบบใหม่ ทำให้รู้สึกและเล่นได้เหมือนลูกกอล์ฟใหม่ บริษัทสตาร์ทอัพอื่น ๆ เช่น Vollē Golf มุ่งเน้นการรีไซเคิลวัสดุหุ้มเทอร์โมพลาสติกในขณะที่ใช้ยางบริสุทธิ์เป็นแกนกลาง

ลูกกอล์ฟจากก้นทะเลสาบ จะถูกรวบรวม ทำความสะอาด ซ่อมแซม ทาสี และพิมพ์ใหม่บนภายนอก โดยลูกกอล์ฟที่อยู่ในสภาพดีเยี่ยมจะมีราคาสูงกว่าลูกกอล์ฟที่มีรอยขีดข่วน ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ตามงบประมาณ

ข้อได้เปรียบหลักของลูกกอล์ฟประเภทนี้เมื่อเทียบกับลูกกอล์ฟที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ คือการใช้วัสดุประสิทธิภาพสูง ช่วยให้ตีได้ไกลขึ้น ควบคุมเกมสั้นได้ดีขึ้น และมีความทนทาน แม้ว่าลูกกอล์ฟที่แช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานานอาจมีประสิทธิภาพลดลงบ้าง แต่โดยปกติแล้วประสิทธิภาพจะยังคงอยู่

จากมุมมองด้านสิ่งแวดล้อม ลูกกอล์ฟเหล่านี้มีส่วนสนับสนุนวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์แบบหมุนเวียนด้วยการนำวัสดุที่มีค่ามาใช้ซ้ำและลดปริมาณคาร์บอนโดยรวม จึงสนับสนุนความพยายามด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมกอล์ฟ โดยที่ไม่กระทบต่องบประมาณของนักกอล์ฟ



ที่มา: ABCCNNTomorrow Golf

‘ลูกกอล์ฟ’ หายปีละ 5,000 ล้านลูก โผล่ตามธรรมชาติ อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม-สัตว์น้ำ