เตือน PM2.5 หนักอีกรอบ 26 ม.ค. 'กรมควบคุมมลพิษ' ประสานผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดระงับเผา

เตือน PM2.5 หนักอีกรอบ 26 ม.ค. 'กรมควบคุมมลพิษ' ประสานผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดระงับเผา

ฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นปัญหาสำคัญในประเทศไทยในปัจจุบัน ฝุ่นละอองเล็กเหล่านี้ ซึ่งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางน้อยกว่า 2.5 ไมครอน สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ และก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง พื้นที่หลายแห่งในประเทศไทย มักรายงานระดับ PM 2.5 ที่เกินกว่ามาตรฐานความปลอดภัย ครอบคลุมทั้งพื้นที่ในเมือง และชนบท

KEY

POINTS

  • กรมควบคุมมลพิษ มีบทบาทสำคัญในการสื่อสาร เฝ้าระวัง และคาดการณ์สถานการณ์ในพื้นที่ต่างๆ
  • วันที่ 26 ม.ค.2568 ฝุ่นจะเพิ่มขึ้น
  • แผนรายปีได้จัดทำมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองปี 2568 โดยตั้งเป้าหมายเข้มข้นขึ้น
  • ข้อมูลผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสฝุ่นปี 2568 ใกล้เคียงปี 2567

 

นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ให้สัมภาษณ์กับ ‘กรุงเทพธุรกิจ’ ว่า กรมควบคุมมลพิษ มีบทบาทสำคัญในการสื่อสาร เฝ้าระวัง และคาดการณ์สถานการณ์ในพื้นที่ต่างๆ รวมถึงการติดต่อให้ดำเนินการตามแผนงานของแต่ละพื้นที่ มาตรการเร่งด่วนจึงเป็นหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานที่รับผิดชอบในการปฏิบัติ

ตัวอย่างเช่น กรมควบคุมมลพิษตรวจสอบข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อตรวจหาจุดความร้อนสูง และแจ้งให้กรมอุทยานฯ และกรมป่าไม้ทราบเพื่อป้องกันการเผาในพื้นที่ หากพบว่ามีการเผามากขึ้นในพื้นที่ต่างจังหวัด กรมควบคุมมลพิษจะมีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อให้ช่วยกำชับเรื่องการเผาให้น้อยลง

ฝุ่นพุ่ง 26 ม.ค. นี้

นอกจากนี้ วันที่ 26 ม.ค.2568 ฝุ่นจะเพิ่มขึ้น โดยได้รีบแถลงสถานการณ์เพื่อให้กรุงเทพมหานคร ปรับแผน เช่น การขยายเวลา Work from Home จาก 2 วันให้มากขึ้น และการปิดการเรียนการสอนในโรงเรียนหลายแห่งส่วนกรมอนามัย และกระทรวงสาธารณสุข จะออกมาตรการป้องกันเพื่อให้ประชาชนป้องกันตัวเองจากฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

สำหรับการควบคุมมลพิษจากรถยนต์ ทางกรมการขนส่งทางบก กองบังคับการตำรวจจราจร และกรุงเทพมหานคร ร่วมกันตรวจสอบรถยนต์ที่ปล่อยควันดำ หากพบรถที่มีควันดำก็จะมีการระงับการใช้

มาตรการรายปี 2568

ส่วนแผนรายปีได้จัดทำมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองปี 2568 โดยตั้งเป้าหมายเข้มข้นขึ้น และได้วิเคราะห์ข้อมูล 3 ปีที่ผ่านมา พบมีแหล่งกำเนิดฝุ่นมาจากไฟป่า การเผาในพื้นที่เกษตร หมอกควันข้ามแดน การจราจร และขนส่ง โรงงาน 

ประกอบกับสภาพอุตุนิยมวิทยาช่วงต้นปีที่ความกดอากาศสูง แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย ทำให้อากาศปิด ลมสงบ ฝุ่นละอองไม่ฟุ้งกระจาย และสะสมในพื้นที่ จนเกินมาตรฐาน

นอกจากนั้น พบว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมากในบางพื้นที่ของป่าในภาคตะวันตก โดยเฉพาะจังหวัดกาญจนบุรี ปีนี้จึงจำเป็นต้องเน้นหนักในพื้นที่นั้น และมีกลไกการจัดการไฟป่าแปลงใหญ่ข้ามเขตป่าหรือเขตปกครองครอบคลุมพื้นที่ป่ากลุ่มเสี่ยง รวม 14 ป่า

ส่วนการเผาในพื้นที่เกษตร กรมฯ ได้ประสานงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรนำผลผลิตที่เหลือทิ้งไปใช้ประโยชน์อื่นๆ แทนการเผา เช่น ใช้เปลือกข้าวโพดเพาะเห็ด ขณะที่พื้นที่เมืองใหญ่ ได้ออกประกาศห้ามรถบรรทุกขนาดใหญ่เข้าในเขตเมือง ในช่วงวิกฤติฝุ่นละออง เพื่อลดจำนวนรถ และลดการระบายมลพิษ

พื้นที่ป่าเป้าหมาย ควบคุมพื้นที่เผาไหม้

พื้นที่ป่าแปลงใหญ่เสี่ยงเผาไหม้ 14 กลุ่มป่า

  • 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 25
  • 8 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 25
  • จังหวัดกาญจนบุรี ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 25
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 25

พื้นที่เกษตร

เป้าหมายควบคุมพื้นที่เผาไหม้จากการเผาข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อยโรงงาน (ลดลงจากปี 2567) โดยมีกลุ่มพืชเป้าหมาย นาข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และอ้อยโรงงาน

ตั้งเป้าจัดการไฟในพื้นที่เกษตร โดยการดูแลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และจังหวัด ดังนี้

  • มีเกษตรกรลงทะเบียนจัดการเชื้อเพลิงผ่านระบบบริหารจัดการเชื้อเพลิงไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของเกษตรกรที่มีความจำเป็นต้องจัดการเชื้อเพลิง
  • การจัดการไฟจากเป็นที่มีการควบคุม (มีการซอยแปลง ไม่เผากลางคืน ไม่เผาข้ามคืน) ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 90 ของเกษตรกรที่ลงทะเบียนในระบบบริหารจัดการเชื้อเพลิง

การควบคุมการระบายฝุ่นในพื้นที่เมือง

  • การปฏิบัติตามกฎหมาย และกฎระเบียบ ร้อยละ 100 (ยานพาหนะ และโรงงานอุตสาหกรรมเป้าหมาย)

กรอบแนวคิด

การเตรียมการรับมือล่วงหน้าให้เร็วขึ้น วิเคราะห์จัดทำพื้นที่เสี่ยง การเผาเสี่ยงฝุ่น (Risk Map) ควบคุมพื้นที่แบบมุ่งเป้ากลุ่มป่าแปลงใหญ่ป่ารอยต่อไฟที่เผาไหม้ซ้ำซาก ยึดพื้นที่ ที่มีปัญหาเพื่อยกระดับปฏิบัติการของภาครัฐแบบข้ามเขตปกครอง บริหารไฟในพื้นที่เกษตรช่วงการเก็บเกี่ยว ภายใต้ระบบการลงทะเบียน ให้รางวัลกับคนทำดีเพื่อสร้างแรงจูงใจ และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้กระทำผิด ตามหลัก PPP

ใช้หลักการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านก่อนเริ่มหมอกควันข้ามแดน มีงบประมาณ และการสนับสนุน ที่ยืดหยุ่น ใช้การสื่อสารที่รวดเร็ว ตรงประเด็น ทันเหตุการณ์ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย กระจายข้อมูลทั่วทุกพื้นที่ มีตัวชี้วัดที่ คำนึงถึงการลดผลกระทบต่อประชาชน ทั้งนี้ มาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568 จะมีการวางแนวปฏิบัติทั้งในระดับประเทศ ระดับกลุ่มพื้นที่ (Cluster) และระดับจังหวัด

คาด 1 เดือนผู้ป่วยกว่า 5 แสนราย

นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ด้านการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ข้อมูลระบบคลังข้อมูลสุขภาพ Health Data Center (HDC) ภาพรวมเดือนม.ค.2567 ราว 5 แสนราย พบกลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ 214,180 ราย กลุ่มโรคตาอักเสบ 190,889 ราย กลุ่มโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง 126,553 ราย โรคหืด 11,221 ราย และโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน 2,171 ราย

ขณะที่ข้อมูลที่รายงานผ่านระบบเดือนม.ค.2568 ยังไม่เป็นปัจจุบันนัก โดยรวมราว 1.44 แสนราย เป็นกลุ่มโรคผิวหนังอักเสบมากที่สุด รองลงมา กลุ่มโรคตาอักเสบ กลุ่มโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหืด และโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน

ทั้งนี้ ข้อมูลเรียลไทม์เดือนม.ค.2568 ผ่านระบบแดชบอร์ด SMOG ดำเนินการร่วมกับสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 กรมควบคุมโรค, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเขตสุขภาพที่ 1, โรงพยาบาลเขตสุขภาพที่ 1 และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

เฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน พะเยา แพร่ น่าน และแม่ฮ่องสอน โดยเดือนม.ค.2567 มีผู้รับบริการ 230,000 ครั้ง ซึ่ง จ.เชียงราย มากที่สุด 67,740 ครั้ง รองลงมาเป็นเชียงใหม่และพะเยา 40,000 ครั้ง

ส่วนปี 2568 ระหว่างวันที่ 1-22 ม.ค.2568 มีผู้รับบริการ 118,721 ครั้ง จ.เชียงราย มากที่สุด 32,399 ครั้ง รองลงมาเป็นพะเยา และเชียงใหม่ 18,000 ครั้ง ซึ่งหากจบเดือนคาดว่าผู้ป่วยมารับบริการจะใกล้เคียงปีที่ผ่านมา แม้ว่าสถานการณ์ PM 2.5 อาจจะน้อยกว่าปีก่อน

“ปีนี้สถานการณ์ฝุ่นภาคเหนืออาจจะน้อยกว่าที่ผ่านมา แต่ กทม.สูง ภาพรวมข้อมูลผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสฝุ่นปี 2568 ใกล้เคียงปี 2567 ช่วงเวลาเดียวกันคือเดือนม.ค.2568 จะอยู่ที่ 5 แสนราย ขณะที่ข้อมูลทั้งปี 2567 อยู่ที่ 1 ล้านราย”

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์