“Waste No More สานต่อความยั่งยืน”ฟื้นของเสีย ..เกิดคุณค่าอย่างประสิทธิภาพ

การดำเนินธุรกิจที่มีเป้าหมายมุ่งสู่ Green Business ด้วยการพัฒนากระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและชุมชน
KEY
POINTS
กากตะกอนดี สู่เกษตรกร จากกากตะกอนในระบบไบโอแก๊สของทั้งฟาร์มสุกรและโรงงาน ที่ยังมีจุลินทรีย์ดี มีแร่ธาตุสารอาหารที่พืชต้องการ นำไปตากแห้งกลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ชั้นดี โดยมีเครือข่ายร่วมพัฒนา ทั้งสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด กรมพัฒนาที่ดิน หน่วยงานบริหารส่วนท้องถิ่น นักวิชาการเกษตรซีพีเอฟและซีพีพี เพื่อส่งมอบปุ๋ยกากตะกอนให้เกษตรกรรอบหน่วยงาน และส่งให้โครงการผักปลอดภัยชุมชนบ้านด้าย ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ โครงการในพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมี ลดต้นทุน และเพิ่มรายได้
เถ้าดี Feed สู่ Farm เป็นการเปลี่ยนขี้เถ้าจากเตาเผาชีวมวลในกระบวนการที่ใช้ไอน้ำของโรงงานผลิตอาหารสุกร สู่ขี้เถ้าสำหรับฆ่าเชื้อแบคทีเรียแทนการใช้ปูนขาวในฟาร์มสุกรของเกษตรกรโครงการคอนแทรคฟาร์มมิ่ง โดยบริษัททำการทดลองและเก็บตัวอย่าง ส่งตรวจวิเคราะห์ผลกับห้องปฏิบัติการ AHDC และมีการทดลองร่วมกับ สำนักงานกรมโรงงานอุตสาหกรรม จ.ปราจีนบุรี กระทั่งได้รับใบอนุญาตให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ เป็นเถ้าดีที่ใช้ในฟาร์มต่างๆ ช่วยให้เกษตรกรลดค่าใช้จ่ายในการซื้อปูนขาวได้ถึงกว่า 3 แสนบาทต่อฟาร์ม/ปี เกษตรกรไม่ต้องทนกับอาการแสบตาแสบมือเวลาใช้ปูนขาวด้วย
“บุคลากรถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการร่วมกันสร้างสรรค์โครงการ Waste No More เพื่อให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม ทำให้ทั้งธุรกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม อยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืนและสร้างคุณค่าร่วมกับชุมชนรอบด้าน ควบคู่ไปกับการถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างพนักงานกับชุมชน ซึ่ง Waste No More ถือเป็นต้นแบบที่ฟาร์มและโรงงานอื่นๆ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ เป็นการสร้างคุณค่าคืนสู่สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”
"Waste No More สานต่อความยั่งยืน" ที่ธุรกิจสุกรของซีพีเอฟ มุ่งมั่นดำเนินการ ถือเป็นหนึ่งโครงการที่สะท้อนความมุ่งมั่นในการสร้างสมดุลของทรัพยากรธรรมชาติและการเติบโตอย่างยั่งยืน จากความตั้งใจในการมีส่วนร่วมขับเคลื่อนเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net-Zero) ภายในปี 2050
เป็นแนวทางที่สอดรับกับหลักการ BCG หรือ โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ผสมผสานการพัฒนา 3 ด้านหลัก คือ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy)
ในอุตสาหกรรมอาหาร ผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจรอย่าง “บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ” นำหลัก BCG มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ ขณะเดียวกัน ยังส่งเสริมให้บุคลากรของบริษัท ตระหนักและให้ความสำคัญของการบริหารจัดการทรัพยากรเกิดประโยชน์สูงสุด ลดของเสียในกระบวนการผลิต นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ ช่วยเพิ่มมูลค่าของเสียให้เป็นของดีอย่างมีประสิทธิภาพ (Waste to Value) พัฒนากระบวนการบริหารจัดการของเสียตลอดกระบวนการ ทั้งในฟาร์มเลี้ยงสุกร โรงงานผลิตอาหารสุกร จนถึงโรงงานชำแหละตัดแต่งและแปรรูปสุกร
“สมพร เจิมพงศ์” ผู้อำนวยการใหญ่ ธุรกิจสุกร ซีพีเอฟ กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจของซีพีเอฟคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการผลิต ทั้งการพัฒนามาตรฐานฟาร์มสีเขียว (Green Farm) บริหารจัดการฟาร์มสุกรรักษ์โลกที่เน้นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เลี้ยงสุกรในโรงเรือนระบบปิดที่ทำความเย็นด้วยการระเหยของน้ำหรือระบบอีแวป (EVAP) ใช้ระบบบำบัดน้ำด้วยไบโอแก๊ส (Biogas) ช่วยลดกลิ่น พัฒนากระบวนการเลี้ยงสัตว์ที่คำนึงถึงการลดผลกระทบต่อชุมชนรอบข้าง โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและระบบอัตโนมัติมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตตลอดห่วงโซ่ ที่นอกจากจะได้ผลิตภัณฑ์เนื้อหมูปลอดสาร ปลอดภัย เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภคแล้ว ยังเป็นตัวอย่างของภาคปศุสัตว์ที่อยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน
จากความคิดริเริ่มที่มองเห็นประโยชน์ของของเสีย แล้วสรรหานวัตกรรมและเทคโนโลยีมาปรับเปลี่ยนให้เป็นของดีอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดโครงการ “Waste No More สานต่อความยั่งยืน” โดยนำของเสียที่ผ่านกระบวนการบำบัดและกระบวนการเผาไหม้กลับมาใช้ เปลี่ยนของเสียให้กลายเป็นของดี เกิดเป็นทรัพยากรที่มีคุณภาพ “น้ำปุ๋ยดี แก๊สดี กากตะกอนดี เถ้าดี”
น้ำปุ๋ยดี สู่เกษตรกร น้ำปุ๋ยที่ได้จากการบำบัดน้ำเสียด้วยระบบไบโอแก๊ส ได้แก๊สมีเทน นำมาแปลงเป็นกระแสไฟฟ้า ทดแทนการซื้อไฟจากการไฟฟ้า เฉลี่ย 50-70% สามารถนำน้ำทั้งหมดกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) โดยไม่ปล่อยสู่ภายนอก (Zero Discharge) ทั้งทำความสะอาดโรงเรือนและอุปกรณ์ ล้างพื้นและถนน ใช้เป็นน้ำสำหรับพ่นระบบฟอกอากาศหลังโรงเรือน ใช้รดพื้นที่สีเขียวและพื้นที่การเกษตรของหน่วยงาน อาทิ ผักสวนครัว สวนยาง สวนปาล์ม และสวนป่า ขณะที่ในช่วงฤดูแล้งเกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียง ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำและขอนำน้ำปุ๋ยไปใช้ ซีพีเอฟจึงต่อยอดสู่ “โครงการปันน้ำปุ๋ยสู่เกษตรกรและชุมชน” ช่วยให้ผ่านพ้นวิกฤติแล้ง เพิ่มผลผลิต ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำและปุ๋ยเคมี ช่วยเพิ่มรายได้ และเกิดเป็นศูนย์เรียนรู้ปราชญ์น้ำปุ๋ยที่เชี่ยวชาญการผสมน้ำกับพันธุ์พืชแต่ละชนิด
แก๊สดี สู่ชุมชน ฟาร์มสุกรในโครงการคอนแทรคฟาร์มเลี้ยงสุกรขุน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งทำระบบไบโอแก๊สด้วยบ่อหมักแบบโดมคงที่ (Fixed dome) สามารถนำแก๊สที่ได้ต่อท่อลำเลียงแก๊สส่งให้ชุมชน ใน ต.บ้านด้าย กว่า 30 ครัวเรือน โดยได้รับงบสนับสนุนครึ่งหนึ่งจาก อบต.บ้านด้าย ในการต่อท่อส่งแก๊ส ช่วยลดค่าใช้จ่ายแก๊สหุงต้มแก่ครัวเรือนราว 15 ถัง/เดือน วิสาหกิจชุมชนลดได้ 5 ถัง/เดือน แม่ค้าในตลาดลดได้ 4 ถัง/เดือน และโรงเรียนบ้านด้ายต่อยอดความสำเร็จสามารถผลิตแก๊สเองได้แล้ว