กรมส่งเสริมการเกษตร รวมพลัง กัมพูชา ใช้ IPM จัดการศัตรูพืช

กรมส่งเสริมการเกษตร ติดตามโครงการระบบการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานผ่านการดำเนินงานแบบมีส่วนร่วม ในกัมพูชาภายใต้ กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง พบถ่ายทอดองค์ความรู้จากส่วนกลางลงสู่ส่วนภูมิภาค ผ่านนักส่งเสริมการเกษตร ส่งตรงถึงเกษตรกรในระดับพื้นที่
นางดวงสมร พฤฑฒิกุล ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการอารักขาพืชและจัดการดินปุ๋ย กรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวภายหลังการเข้าพบและประชุมร่วมกับ Mr. Chea Sokhon รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ป่าไม้ และประมง แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา พร้อมคณะนักวิชาการเกษตรด้านอารักขาพืช ทั้ง 2 ประเทศ ว่า ได้หารือถึง โครงการระบบการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานผ่านการดำเนินงานแบบมีส่วนร่วม (Regional Participatory Implementation of Integrated Pest Management System : IPM) ภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperative Special Fund)
ซึ่ง กรมส่งเสริมการเกษตร ป่าไม้ และประมง หรือ DEAFF (Department of extension for agriculture, forestry and fisheries) ของกัมพูชา ได้ส่งเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมการอบรมทางวิชาการและฝึกปฏิบัติในโครงการฯ ทั้งนี้กัมพูชาได้แบ่งการจัดการพื้นที่เกษตร ออกเป็น 4 โซน คือ พื้นที่โซนเหนือแม่น้ำโขง เป็นแหล่งเพาะปลูกพืชสำคัญ เช่น มันสำปะหลัง ยางพารา มะม่วงหิมพานต์ อะโวคาโด
พื้นที่นที่โตนเลสาบ เป็นแหล่งเพาะปลูกพืชสำคัญ เช่น ข้าว และปลาน้ำจืด
พื้นที่ชายฝั่ง เป็นแหล่งเพาะปลูกพืชสำคัญ เช่น ทุเรียน มะม่วง พริกไทย และการทำประมง และพื้นที่โซนใต้แม่น้ำโขง เป็นแหล่งเพาะปลูกพืชสำคัญ เช่น ข้าว ผัก
โดยมี DEAFF เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลงานด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการเกษตร ซึ่งภารกิจคล้ายคลึงกับกรมส่งเสริมการเกษตร ของประเทศไทย ผลการดำเนินการของเจ้าหน้าที่กัมพูชาชุดดังกล่าว ได้ถ่ายทอดองค์ความรู้จากส่วนกลางลงสู่ส่วนภูมิภาค ผ่านนักส่งเสริมการเกษตร ส่งตรงถึงเกษตรกรในระดับพื้นที่ รวมทั้งวางแผนนำกล้องจุลทรรศน์พร้อมชุดถ่ายภาพ ที่ประเทศไทยเป็นผู้จัดหาภายใต้โครงการฯ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานการตรวจสอบ วินิจฉัยโรค และแมลงศัตรูพืช ไปสาธิตการใช้งานให้กับผู้เข้ารับการอบรม ณ ศูนย์ฝึกอบรมด้านการเกษตร Ta Saang (Ta Saang Agricultural Extension and Training Center: AETC) เมืองสวายเรียง
นอกจากนี้คณะกรมส่งเสริมการเกษตรของไทย ได้ลงพื้นที่ติดตามงานจุดที่มีการนำองค์ความรู้ด้านการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน (IPM) ไปปรับใช้ ณ แปลงเกษตรกร เมืองสวายเรียง (Svay Rieng) จำนวน 2 จุด จุดแรก คือ Vegetable Agricultural Cooperative at Svay Village แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนผลิต และส่วนการตลาด โดย Mr. Luck Buntheun เกษตรกรต้นแบบ หัวหน้าทีมส่วนผลิต และประธานของกลุ่มได้ให้ข้อมูลว่า แต่เดิมเกษตรกรในชุมชนทำการเกษตรด้วยวิถีเดิม แต่ด้วยความเป็นเกษตรกรหัวก้าวหน้า และต้องการผลักดันการทำการเกษตร ประกอบกับทางรัฐบาลกัมพูชาได้มีความร่วมมือกับรัฐบาลนิวซีแลนด์ และได้รับการสนับสนุนให้เข้าร่วมจัดทำแผนงานเพื่อส่งเข้าประกวดจนได้เป็นเกษตรกร Champion และได้รับการสนับสนุนปัจจัยการผลิต เช่น รถไถเดินตาม โรงเรือนเพาะปลูก และองค์ความรู้ด้านวิชาการจากผู้เชี่ยวชาญของประเทศนิวซีแลนด์ เช่น การผลิตตามมาตรฐาน GAP การจัดการศัตรูพืชโดยวิธีผสมผสาน (IPM)
จากความรู้ที่ได้รับ และประสบการณ์ด้านการเกษตรกว่า 13 ปี Mr. Luck จึงทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและถ่ายทอดความรู้ให้กับเกษตรกรและคนในชุมชนรายอื่น ๆ ส่งผลให้ปัจจุบันทางกลุ่มมีสมาชิก จำนวน 85 ราย มีการเก็บค่าสมาชิกแรกเข้า รายละ 5 ดอลลาร์สหรัฐ โดยเพาะปลูกพืชผักเป็นหลัก เช่น ผักโขม แตงกวา ถั่วฝักยาว ผักสลัด เป็นต้น ผลจากการรวมกลุ่มส่งผลให้สามารถรวมตัวกันซื้อปัจจัยการผลิตได้ในราคาที่ถูกลง เป็นการลดต้นทุนการผลิตให้กับสมาชิกได้
นอกจากนี้ ยังรวมผลผลิตในการจำหน่ายและมีการทำ Contact Farming ทำให้มีตลาดรับซื้อที่แน่นอน และทางกลุ่มสามารถนำส่งพืชผลทางการเกษตร ได้ถึงจำนวน 1 - 2 ตันต่อวัน นอกจากนี้ ทางกลุ่มยังมีการจัดทำแปลงพยากรณ์ โดย Mr. Luck จะทำหน้าที่สำรวจแปลงเพาะปลูกทุกวัน และหากเกิดความผิดปกติของแปลงปลูก จะดำเนินการแจ้งต่อสมาชิกทราบ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคพืช ผ่านช่องทาง Telegram Messenger และมีการจัดเวทีประชุมกลุ่มเป็นระยะ เพื่อร่วมกันวางแผนการผลิต รับทราบปัญหา และร่วมกันแก้ไขปัญหา
ซึ่งภายในสวนมีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน เพื่อเปรียบเทียบการผลิตใน 2 วิธีการ โดยแปลงที่ 1 ปลูกตามวิถีปกติ คือ การปลูกลงดิน รดน้ำ ให้ปุ๋ยตามความต้องการของพืช และแปลงที่ 2 ใช้วิธีการตามภูมิปัญญาท้องถิ่น คือ มีการเจาะลำต้น ใส่ท่อ PVC ลึกเข้าไปในลำต้นประมาณ 10 เซนติเมตร เพื่อใส่เกลือเข้าสู่ลำต้นโดยตรงในปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ 2 - 3 เดือนต่อครั้ง สำหรับผลการทดลองยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัย เพื่อประเมินคุณภาพผลผลิตทั้ง 2 แปลง และให้มีหลักวิชาการรับรองถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นดังกล่าวที่แน่ชัด
“จากการลงพื้นที่ติดตามงาน คณะนักวิชาการเกษตรด้านอารักขาพืชจากประเทศไทยได้เสนอแนะให้ DEAFF เปิดให้บริการด้านการวินิจฉัยพืชแก่เกษตรกร พร้อมประชาสัมพันธ์ถึงประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับ เพื่อสร้างการรับรู้ และการมีส่วนร่วมในการเข้าใช้ประโยชน์ของกล้องจุลทรรศน์ พร้อมชุดถ่ายภาพ ณ ศูนย์ AETC เมืองสวายเรียง เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์แก่เกษตรกรกัมพูชาอย่างสูงสุด หรือนำออกให้บริการด้านการวินิจฉัยพืชนอกสถานที่ ตามกิจกรรมต่าง ๆ ของชุมชน เพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงการใช้ประโยชน์ของอุปกรณ์และองค์ความรู้การศัตรูพืชโดยวิธีผสมผสาน (IPM) อย่างแท้จริง รวมทั้งเรื่องการจัดการแปลงของเกษตรกรที่ต้องปรับปรุงให้สะอาด เรียบร้อย เพื่อป้องกันแมลงศัตรูพืช
และความสำเร็จที่สำคัญของเกษตรกรชาวกัมพูชาที่พบ คือ การหมั่นสำรวจแปลงปลูกอยู่เสมอ เพื่อให้รู้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของพืช ป้องกันการรุกลามของแมลงศัตรูพืช ซึ่งจะทำให้ผลผลิตที่ตั้งใจปลูกของเกษตรกรได้รับความเสียหายน้อยที่สุด และเกษตรกรไทยควรให้ความสำคัญการสำรวจมากขึ้น” นางดวงสมร กล่าว
ทั้งนี้ ราชอาณาจักรกัมพูชา เป็น 1 ใน 5 ประเทศเป้าหมาย ในโครงการระบบการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานผ่านการดำเนินงานแบบมีส่วนร่วม (Regional Participatory Implementation of Integrated Pest Management System) ภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperative Special Fund) ที่มุ่งสนับสนุนองค์ความรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ด้านการจัดการศัตรูพืชโดยวิธีผสมผสาน และเสริมสร้างเครือข่ายด้านอารักขาพืชในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง
ซึ่งเมื่อผู้รับผิดชอบงานด้านอารักพืชของแต่ละประเทศที่ได้รับการถ่ายทอดความรู้ด้านการบริหารจัดการศัตรูพืชโดยวิธีผสมผสาน (IPM) ตามหลักวิชาการที่ถูกต้อง เหมาะสม ได้นำองค์ความรู้ที่ได้รับไปถ่ายทอดสู่เจ้าหน้าที่ และเกษตรกรในประเทศของตนเอง เพื่อประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ของแต่ละประเทศต่อไป นอกจากนี้ ทางโครงการยังได้สนับสนุนชุดอุปกรณ์สำหรับการตรวจสอบ วินิจฉัยโรค และแมลงศัตรูพืช (กล้องจุลทรรศน์ พร้อมชุดถ่ายภาพ) จำนวน 2 ชุด ให้แต่ละประเทศที่เข้าร่วมโครงการด้วย







