เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนด้านธุรกิจ

เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนด้านธุรกิจ

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้เชี่ยวชาญดิจิทัลเทคโนโลยีที่ครอบคลุมตั้งแต่โปรดักส์อุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในด้านธุรกิจครอบคลุมในการบรรลุการลดโลกร้อนได้อย่างยั่งยืน

นายมงคล ตั้งศิริวิช ประธานกลุ่มคลัสเตอร์ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ดูแลประเทศไทย ลาว และเมียนมา กล่าวว่า ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในปี 2030 อยู่ที่ 30 ตันต่อปี โดยค่าเฉลี่ยเพื่อลดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ภายในปี 2030 ซึ่งไม่เพียงพอและจากการศึกษาพบว่าต้องลดมากกว่านี้ 3-5 เท่า ซึ่งเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่มาก แล้วจะมีคำถามเกิดขึ้นว่าจะทำอย่างไรกับปัญหานี้

สำหรับชไนเดอร์ อิเล็คทริค มองว่าการลดคาร์บอนเกิดขึ้นได้จากการนำเทคโนโลยีมาใช้ โดยที่ความยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้เมื่อใช้เทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นดิจิทัลที่นำเข้ามาใช้ในการบริหารจัดการสร้างประสิทธิภาพและการเปลี่ยนมาใช้พลังงานในรูปแบบของพลังงานไฟฟ้า เช่น รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) เพื่อทำให้ใช้พลังงานที่ลดก๊าซคาร์บอนได้จริง

รวมทั้ง ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นดิจิทัลพาร์ทเนอร์ในเรื่องของ เป็นดิจิทัลเทคโนโลยีที่ครอบคลุมตั้งแต่โปรดักส์อุปกรณ์ที่ใช้ในอาคารในโรงงานอุตสาหกรรม ดาต้าเซ็นเตอร์ หรือในเครือข่ายระบบไฟฟ้า ซอฟต์แวร์ และอาจรวมไปถึง AI ซึ่งมุ่งเน้นลูกค้า 4 กลุ่มหลัก เริ่มจากการปรับปรุงอาคารให้เป็นอาคารอัจฉริยะ และช่วยให้ลูกค้าในกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ประหยัดพลังงานพลังงาน

นอกจากนี้ เป็นการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าหรือในนิคมอุตสาหกรรมให้เป็นสมาร์ท และในท้ายสุดเป็นลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมที่เข้าไปช่วยสร้างและปรับปรุงให้เป็นโรงงานอัจฉริยะได้อย่างยั่งยืน

 

เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนด้านธุรกิจ