‘แก้วกระดาษ’ อาจไม่รักษ์โลก ? วิจัยตั้งข้อสังเกตอันตรายไม่ต่างจากพลาสติก

‘แก้วกระดาษ’ อาจไม่รักษ์โลก ? วิจัยตั้งข้อสังเกตอันตรายไม่ต่างจากพลาสติก

ปัจจุบันผู้คนหันมาใส่ใจปัญหาสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น “แก้วกระดาษ” ก็นับเป็นตัวเลือกที่หลายคนให้ความสนใจ ส่วนหนึ่งเพราะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า “พลาสติก” แต่ความจริงอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะอาจยังมีพลาสติกเคลือบอยู่ ?

Key Points:

  • หลายคนอาจมองว่า “บรรจุภัณฑ์จากกระดาษ” เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า “พลาสติก” เพราะสามารถย่อยสลายได้ ทำให้ได้รับความนิยมโดยเฉพาะเมื่อต้องการซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มกลับบ้าน
  • งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยโกเธนเบิร์กตั้งข้อสังเกตว่า “แก้วกระดาษ” และ “แก้วพลาสติก” อาจมีอันตรายไม่แตกต่างกันเท่าไรนักในเรื่องของ “สารเคมีตกค้าง” ที่ส่งผลเสียต่อสิ่งมีชีวิต
  • จากการทดลองกับลูกน้ำยุงลายพบว่าทั้งแก้วกระดาษและแก้วพลาสติก ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของพวกมันไม่ต่างกัน เหตุผลหนึ่งเป็นเพราะบนแก้วกระดาษมีพลาสติกเคลือบอยู่เพื่อป้องกันความชื้นหรือความร้อน

แก้วกระดาษ หรือภาชนะอื่นๆ ที่ทำมาจากกระดาษ ถือว่าเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ที่หลายคนเลือกใช้สำหรับการสั่งอาหารกลับบ้าน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะต้องการหลีกเลี่ยงการใช้ “พลาสติก” เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมต่อไปในอนาคต แต่กลับมีงานวิจัยออกมาว่า “บรรจุภัณฑ์จากกระดาษ” อาจมีอันตรายใกล้เคียงกับพลาสติก เพราะยังมีการเคลือบพลาสติกเอาไว้บางๆ ที่อาจกลายเป็นสารเคมีปนเปื้อนลงสู่แหล่งน้ำและเป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำได้

แม้ว่าที่ผ่านมา “แก้วกระดาษ” จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยความหวังที่ว่าจะช่วยลดปัญหาโลกร้อนลงได้บ้าง แต่งานวิจัยของมหาวิทยาลัยโกเธนเบิร์กที่ตีพิมพ์ในวารสาร Environmental Pollution พบว่าการทดสอบแก้วกระดาษในงานวิจัยอาจมีอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตมากกว่าที่หลายคนคิดเอาไว้

  • หรือแท้จริงแล้ว “แก้วกระดาษ” ก็มีสารพิษ ?

ผลการศึกษาเบื้องต้นของทีมวิจัยมหาวิทยาลัยโกเธนเบิร์กหลังจากที่ทำการทดลองโดยการนำแก้วแบบใช้แล้วทิ้งที่มีวัสดุแตกต่างกันมาอยู่กับลูกน้ำของยุงลาย และพบว่าแก้วทั้งหมดส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตของพวกมัน ไม่เว้นแม้แต่ “แก้วกระดาษ

เราทิ้งแก้วกระดาษและแก้วพลาสติกไว้ในตะกอนเปียกและน้ำ เป็นเวลาประมาณ 3 สัปดาห์ และคอยติดตามว่าสารเคมีที่ถูกชะล้างออกมาจากแก้วจะส่งผลกับตัวอ่อนอย่างไร ซึ่งเห็นได้ว่าแก้วทุกประเภทส่งผลเสียหมด” เบธานี คาร์นีย์ อาล์มรอธ (Bethanie Carney Almroth) หัวหน้าทีมวิจัยระบุ

สาเหตุที่ทำให้มีสารเคมีออกมาจากแก้วกระดาษไม่ต่างจากพลาสติกก็เพราะแก้วกระดาษไม่มีทั้งไขมันและน้ำในตัวมันเอง จึงต้องหาวิธีป้องกันไม่ให้กระดาษดูดซับของเหลวหรือสลายตัวเมื่อเทของร้อนลงไป ทำให้จำเป็นต้องเคลือบพื้นผิวเพื่อให้เหมาะสมในการบรรจุอาหารหรือเครื่องดื่ม แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นฟิล์มพลาสติกแบบ Polylactide (PLA) ซึ่งเป็นพลาสติกชีวภาพที่ได้มาจากทรัพยากรหมุนเวียน เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง หรืออ้อย เพื่อให้ง่ายต่อการย่อยสลาย แต่การย่อยสลายนั้นก็ต้องเป็นไปตามสภาวะที่เหมาะสมด้วย เพราะหากกำจัดโดยผิดวิธีก็ยังคงก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อมอยู่ดี โดยเฉพาะเมื่อพวกมันปนเปื้อนลงสู่แหล่งน้ำ

  • อันตรายต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากแก้วกระดาษ

เมื่อ “พลาสติก” ยังคงตกค้างอยู่ในธรรมชาติ ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สัตว์น้ำกิน “ไมโครพลาสติก” เข้าไป หรือแม้แต่มนุษย์เองก็อาจรับเข้าร่างกายไปโดยที่ไม่รู้ตัว แม้พลาสติกชีวภาพจะมีสารเคมีน้อยกว่าพลาสติกทั่วไปก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ

บรรจุภัณฑ์กระดาษอาจทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพเช่นกันเมื่อเทียบกับวัสดุอื่นๆ และกำลังกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเราสัมผัสกับพลาสติกและสารเคมีที่เกี่ยวข้องผ่านอาหารและเครื่องดื่ม” เบธานี กล่าว

อีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้มีการตั้งคำถามว่าแก้วกระดาษนั้นปลอดภัยจริงหรือไม่มาจากการที่ยังไม่มีการวิเคราะห์ทางเคมีเพื่อค้นหาว่าสารชนิดใดที่ถูกชะล้างออกจากแก้วกระดาษ แต่จากรายงานของ Wired ระบุว่าแม้แก้วกาแฟกระดาษแบบใช้แล้วทิ้งที่ผู้ผลิตใช้พลาสติกชีวภาพในการเคลือบแก้วกระดาษมาแล้วชั้นหนึ่ง ก็ยังมีบางยี่ห้อที่มีการเพิ่มสารเคมีสำหรับคงความเสถียรลงไปอีก

จากปัญหาดังกล่าวทำให้ เบธานี อธิบายผ่าน Wired ว่าจะเป็นเรื่องดีหากผู้ผลิตแจ้งให้ทราบอย่างเปิดเผยว่ามีส่วนผสมอะไรในผลิตภัณฑ์ของตนเองบ้าง เพราะปัจจุบันถือเป็นเรื่องยากที่จะรู้ว่ามีสารเคมีอะไรบ้างที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์

แม้ว่าการ “รีไซเคิล” ที่ผ่านมาดูเหมือนว่าจะเป็นวิธีที่ได้ผล แต่แท้จริงแล้วก็ยังถือว่าเป็นเรื่องยากสำหรับศูนย์รีไซเคิลส่วนใหญ่ที่จะแยกพลาสติกออกมาจากแก้วกระดาษ มีศูนย์เพียงไม่กี่แห่งในสหราชอาณาจักรเท่านั้นที่สามารถแยกสารเคลือบออกมาได้ แต่ในภาพรวมแล้วก็ยังถือว่าเป็นปัญหาใหญ่อยู่ดี

อ้างอิงข้อมูล : Wired และ Greenqueen