'แสนสิริ' สร้างความยั่งยืน ESG รักษาตำแหน่งผู้นำ ด้วย 'คุณภาพ-บริการ'

'แสนสิริ' สร้างความยั่งยืน ESG  รักษาตำแหน่งผู้นำ ด้วย 'คุณภาพ-บริการ'

รายการ SUITS Sustainability เปลี่ยนโลกธุรกิจ ของ กรุงเทพธุรกิจ สัมภาษณ์พิเศษ ภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ ประธานผู้บริหารฝ่ายกลยุทธ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เผยสูตร (ไม่) ลับ สู่การเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์ และเป็นองค์กรที่คนรุ่นใหม่ อยากร่วมงานด้วยมากที่สุด

 

ความมุ่งมั่นการเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย โดยนำเสนอทั้งผลิตภัณฑ์ บริการ ด้านที่อยู่อาศัย ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ครบวงจร เพื่อประโยชน์อย่างยั่งยืน แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย และความเชื่อในพลังของนวัตกรรม สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างยั่งยืนของ 'แสนสิริ' มากว่า 40 ปี ผ่านการใช้เทคโนโลยีในการจัดการทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพ และการพัฒนาโครงสร้างที่ทำให้บริษัทก้าวทันกับการเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรม

 

ขณะเดียวกัน การใส่ใจสิ่งแวดล้อม เป็นหนึ่งในพื้นฐานที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน เพราะไม่เพียงแต่การสร้างโครงการที่มีคุณภาพ และประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ทำให้แสนสิริ เป็นอสังหาริมทรัพย์ไทยที่ก้าวไปอีกขั้น ในการพัฒนาที่อยู่อาศัย ร่วมปกป้องโลก เริ่มตั้งแต่การออกแบบ ก่อสร้างจนถึงส่งมอบ

 

\'แสนสิริ\' สร้างความยั่งยืน ESG  รักษาตำแหน่งผู้นำ ด้วย \'คุณภาพ-บริการ\'

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

 

 

ESG สู่ความยั่งยืนองค์กร

ภูมิภักดิ์ เผยว่า เรื่องแรกที่หลีกหนีไม่ได้ คือ 'สิ่งแวดล้อม' ความยั่งยืนของโลก เราทำบ้าน ทำคอนโดมีเนียม ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดโลกร้อน สิ่งที่รับผิดชอบอย่างแรก คือ พยายามลดเรื่องของเหลือทิ้งในการก่อสร้างให้มากที่สุด โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้การดีไซน์หรือการก่อสร้างเกิดวัสดุคงเหลือน้อยที่สุด และโรงงานพรีแคสต์ของแสนสิริ ก็เป็นโรงงานสีเขียว ได้รับการรับรองว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 

“ในส่วนของลูกบ้าน ปัจจุบัน บ้านที่แสนสิริขายจะติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาทั้งหมด เป็นการใช้พลังงานสะอาด ทั้งนี้ นอกจากนี้ยังมี EV Charger และเทคโนโลยีที่ทำให้บ้านเย็น เรื่องของทิศทางลมต่างๆ เป็นต้น สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ Signature การมอบพื้นที่สีเขียวให้กับหมู่บ้าน ถือเป็นความรับผิดชอบส่วนหนึ่งที่ตอบแทนสังคม ไม่ทำให้มีมลภาวะเพิ่มขึ้น”

 

ขณะที่ 'สังคมโดยรอบ' เรียกว่าแสนสิริ ดำเนินการเรื่องนี้มานาน ก่อนที่จะมีเทรนด์ ESG ไม่ว่าจะดูแลเด็กในไซต์ก่อสร้าง ชุมชนที่ทำความร่วมมือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนทุนการศึกษา ดูแลปรับปรุงสถานที่ และทำความร่วมมือกับ 'องค์การยูนิเซฟ' ในด้านดูแลเด็กๆ ทั่วโลก และทำงานร่วมกับ 'กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา' พยายามดึงเด็กที่หลุดจากระบบการศึกษากลับเข้ามาในระบบให้มากที่สุด โดยเริ่มที่ จ.ราชบุรี เป็นจังหวัดแรก หากเด็กได้รับการศึกษา มองว่า สังคมจะมีการเติบโตที่ยั่งยืนมากขึ้น

 

\'แสนสิริ\' สร้างความยั่งยืน ESG  รักษาตำแหน่งผู้นำ ด้วย \'คุณภาพ-บริการ\'

 

 

องค์กรโปร่งใส ทำงานเป็นทีม

ด้าน 'ความโปร่งใส่ บรรษัทภิบาล' ภูมิภักดิ์ กล่าวต่อไปว่า เนื่องจาก แสนสิริ เป็นบริษัทมหาชนหลักการมีอยู่แล้ว แต่ความยั่งยืนในองค์กร ปัจจุบัน บริบทเปลี่ยนไป โดยเฉพาะ 'แสนสิริ' ที่ดำเนินการมากกว่า 40 ปี การทำให้ยั่งยืนได้ คือ ระบบการทำงาน การมีผู้สืบทอด ทีมงานต่างๆ ที่สามารถทำงานเข้าขากันได้ ต้องสร้างระบบทีมเวิร์ก บริษัทใหญ่ๆ หากขาดการวางผู้สืบทอดที่ดีจะมีปัญหา

 

“ปัจจุบัน ระบบ Superstar หายไปแล้ว แต่ทีมเวิร์กสำคัญมาก เป็นเหตุผลว่า องค์กรจะยั่งยืนในปัจจุบัน ต้องเปลี่ยนจากการพึ่งตัวบุคคลที่เป็น Superstar ไปเน้นการทำงานเป็นทีม โดยเฉพาะการนำเด็กรุ่นใหม่ที่เพิ่งจบ ถ่ายทอด Knowhow กับผู้บริหารรุ่นเก่าๆ และทำงานกันเป็นทีมให้ได้ดีที่สุด”

 

บุคลากร หัวใจสำคัญเคลื่อนองค์กร

ทั้งนี้ ความสำเร็จของแสนสิริไม่เพียงแต่อยู่ที่การพัฒนาโครงสร้างทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังอยู่ที่การนำแนวคิด กลยุทธ์ สู่การดำเนินการของทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเสริมสร้างฐานรากและสร้างพื้นที่ในการพัฒนากลยุทธ์ ทรัพยากรมนุษย์ที่ตอบสนองความต้องการขององค์กร เพื่อก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง

 

ภูมิภักดิ์ กล่าวต่อไปว่า การย้ายออฟิศมาที่ Siri Campus ทำให้รูปแบบการทำงานเปลี่ยนไป เราเข้ามาอยู่ในยุคที่คนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานมากขึ้น การทำงานก็ต้องเปลี่ยน และหน้าที่ของ HR ก็ต้องเปลี่ยนจากเดิม ที่มีหน้าที่ของการสรรหา อบรม ดูแลเรื่องสวัสดิการ ดูแลเงินเดือน สู่การเป็นพาร์ตเนอร์ เป็นตัวกลางและให้มั่นใจว่าคนเข้าใหม่ คนออก กระบวนการทำงานถูกถ่ายทอดต่อเนื่อง มีการอบรม ระหว่างทาง

 

นอกจากนี้ ที่ผ่านมา แสนสิริ มีการทำอบรมออนไลน์ ในเรื่องของ Business Value Chain เพื่อให้พนักงานเข้าใจการพัฒนาโครงการ เริ่มตั้งแต่ซื้อที่ดิน ทำธุรกรรมเกี่ยวกับด้านกฎหมายต่างๆ จนทำการตลาด การขาย การสร้างบริการหลังการขาย ประกอบด้วยฝ่ายใดบ้าง เพื่อให้การทำงานจะเข้าใจกันมากขึ้น

 

ขณะเดียวกัน มีการนำเทคโนโลยี มาใช้ลดขั้นตอนการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพ และปรับปรุงระบบหลังบ้านตลอดเวลา รวมถึง นวัตกรรม ในการทำงาน เปิดโอกาสให้มีการสื่อสารแบบ 2 Way Communication มากขึ้น นำคอร์สอบรมใหม่ๆ มาเปลี่ยนบริบทการทำงาน ความคิดของทีมงาน ไม่ว่าจะเป็นเจเนอเรชั่น ที่อาจจะเป็นเจน X หรือ Baby Boomer ให้ทำงานกับ เจน Y เจน Z ได้

 

รักษามาตรฐานคุณภาพ-บริการ

สำหรับก้าวต่อไปของแสนสิริ ภูมิภักดิ์ มองว่า แสนสิริ เป็นบริษัทมหาชน หน้าที่เรา คือ ทำผลประกอบการให้ดี เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น นักลงทุน ให้มีผลประกอบการที่เติบโตอย่างยั่งยืน ดังนั้น หน้าที่หลัก คือ ผลิตสินค้าบริการ บ้าน คอนโดมีเนียม ให้ผลประกอบการมีการเติบโต สำหรับแสนสิริมีผลงานหลายอย่างออกมาย้ำแล้วว่า เราคือ แบรนด์อันดับหนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ แต่อย่างไรก็ดี ก็ต้องกลับมาดูตัวเองเสมอ

 

“ต่อให้เป็นอันดับ 1 เราต้องการ รักษา และทำให้ดีขึ้น ดังนั้น ในปีนี้จึงโฟกัสในเรื่องผลิตภัณฑ์ และเรื่องของบริการ คุณภาพ จะเป็นคีย์หลัก เราจะแตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร ก็ต้องเป็นบริการหลังการขาย ส่งมอบถึงนิติบุคคล ดูแลเรื่องงานซ่อม หรือทำให้ลูกค้าเวลาซื้อบ้านแสนสิริแล้ว สามารถใช้ชีวิตครอบครัวอย่างมีความสุขและอยู่กับแสนสิริ อยู่กับหมู่บ้านที่เขาเลือกได้” ภูมิภักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย