“ออสเตรเลีย” เปิดร่างยุทธศาสตร์ บุกลงทุนยั่งยืนใน “อาเซียน”

“ออสเตรเลีย” เปิดร่างยุทธศาสตร์  บุกลงทุนยั่งยืนใน “อาเซียน”

ไทย และออสเตรเลียมีความตกลงการค้าเสรี (FTA) ร่วมกัน 3 ฉบับคือ ไทย - ออสเตรเลีย (TAFTA) อาเซียน - ออสเตรเลีย - นิวซีแลนด์ (AANZFTA) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ปี 2565 การค้าระหว่างไทย และออสเตรเลีย มีมูลค่า 18,315.60 ล้านดอลลาร์

ซึ่งขยายตัว 6.27% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยไทยส่งออกไปออสเตรเลีย มูลค่า 11,187.27 ล้านดอลลาร์ และไทยนำเข้าจากออสเตรเลีย มูลค่า 7,128.32 ล้านดอลลาร์ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศ และส่วนประกอบ และอัญมณีเครื่องประดับ สินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ ก๊าซธรรมชาติน้ำมันดิบ และสินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์

ความสำคัญทางการค้าสองประเทศมีความเกี่ยวเนื่องกันในหลากหลายมิติ รวมถึงด้านการลงทุนที่ออสเตรเลียก็มีการลงทุนอุตสาหกรรมเหมืองแร่ในไทย ที่รู้จักกันดีคือ เหมืองทองอัครา แม้จะมีข้อขัดแย้งกันแต่ปัญหาก็ได้ถูกแก้ไขไปแล้ว ซึ่งการขยับขับเคลื่อนทางการค้า และการลงทุนของออสเตรเลียครั้งใหม่มีความน่าสนใจทั้งในมุมต่อไทย และภูมิภาคอาเซียน 

โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ออสเตรเลียได้ประกาศยุทธศาสตร์เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สู่ปี 2583 ซึ่งจะช่วยกระชับความสัมพันธ์กับภูมิภาคอาเซียนส่งเสริมการค้าการลงทุนให้เติบโตขึ้น และกระตุ้นการลงทุนของนักธุรกิจชาวออสเตรเลียให้ลงทุนในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงไทย

 โดยคาดการณ์ว่า หากมีการส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกันมากขึ้น มูลค่าการค้าจะขยายตัวถึง 6.3% หรือประมาณ 343 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2583 จึงถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะต่อยอดและขยายโอกาสทางการค้า และการลงทุนกับออสเตรเลีย

“นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย (แอนโทนี แอลบานีส) ได้แต่งตั้งนิโคลัส มัวร์ เป็นผู้แทนพิเศษสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้นำการหารือกับภาคส่วนต่างๆ อย่างรอบด้าน และได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าว โดยเล็งเห็นถึงศักยภาพของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะสามารถเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นอันดับ 4 ของโลก ภายในปี 2583 รองจากสหรัฐ จีน และอินเดีย ด้วยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 4% ระหว่างปี 2565-2583 ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของประชากร และอุตสาหกรรมต่างๆ ในภูมิภาค”

สำหรับยุทธศาสตร์ดังกล่าว ได้ระบุสาขาที่มีความน่าสนใจ และมีศักยภาพในการส่งเสริมการค้า และการลงทุนกับไทย อาทิ เกษตรและอาหาร ซึ่งออสเตรเลียมีศักยภาพในการป้อนวัตถุดิบด้านเกษตรขั้นสูง การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสีเขียว นักลงทุนออสเตรเลียสามารถเข้ามาลงทุนด้านเทคโนโลยีสีเขียว ยานยนต์ไฟฟ้า การผลิตแบตเตอรี่ และธุรกิจ BCG (Bio-Circular-Green)

การศึกษา และการพัฒนาทักษะแรงงานต่างๆ ผ่านระบบการรับรองการศึกษาทางเลือก อาทิ การท่องเที่ยว บริการโรงแรม เทคโนโลยีสารสนเทศ การก่อสร้าง และผลิตอาหาร เศรษฐกิจดิจิทัล โดยเฉพาะตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ เจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านภาพยนตร์ เกม แอนิเมชัน ศิลปะ แฟชั่น และวัฒนธรรม และบริการสุขภาพ 

โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนโครงสร้างประชากร ทั้งไทย และออสเตรเลีย ที่จะเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยมากขึ้น จึงมีความต้องการที่จะส่งเสริมการลงทุนในด้านนี้ อาทิ เทคโนโลยีด้านการแพทย์ เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ และการฝึกอบรมดูแลผู้สูงอายุ

“ในรายงานยุทธศาสตร์ ได้ประเมินสัดส่วนการลงทุนของออสเตรเลียในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น โดยในปี 2565 มีมูลค่า 123.1 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย คิดเป็นสัดส่วน 3.4% ของการลงทุนทั่วโลกของออสเตรเลีย”

 ส่วนด้านการค้า ออสเตรเลียเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 8 ของอาเซียน มีสัดส่วนการค้า 3.4% โดยส่งออกสินค้ากลุ่มแร่ธาตุ และเชื้อเพลิงเป็นหลัก ซึ่งจากปริมาณการค้า และการลงทุนที่ค่อนข้างจำกัด จึงน่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้รัฐบาลออสเตรเลียให้ความสำคัญกับการจัดทำยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของออสเตรเลียกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และขยายโอกาสทางการค้า และการลงทุน

การที่ออสเตรเลียตั้งธงทางการค้ามุ่งหาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือแถบอาเซียนบ้านเราก็นับเป็นสัญญาณที่ดีที่ชี้ว่าไทย และอาเซียนกำลังมีการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่ดีที่จะมุ่งไปสู่การเติบโตเป็นภูมิภาคที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ลำดับที่ 4 ของโลกภายใต้เงื่อนไขการพัฒนาร่วมกันอย่างยั่งยืน

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์