'Skooldio(สคูลดิโอ)'องค์กรEdTech มุ่งสร้างธุรกิจไทยอยู่ได้อย่างยั่งยืน

'Skooldio(สคูลดิโอ)'องค์กรEdTech  มุ่งสร้างธุรกิจไทยอยู่ได้อย่างยั่งยืน

รายการ SUITS Sustainability เปลี่ยนโลกธุรกิจ 'กรุงเทพธุรกิจ' เปิดมุมมอง 'ดร.ตาร์ หรือ ดร.วิโรจน์ จิรพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท สคูลดิโอ จำกัด เป็นบริษัทในเครือ Learn Corporation เปลี่ยนโฉมการศึกษาให้เท่าทันดิจิตอลทรานฟอร์เมชั่น

 

Keypoint:

 

 

'ดร.ตาร์'เคยทำงานเป็น Data Scientist ของ Facebook สหรัฐอเมริกา และเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของบริษัท แลคตาซอย จำกัด แต่เขากลับเลือกที่จะไม่สานต่อธุรกิจของครอบครัว และหันหลังให้กับบริษัทระดับโลก มาสร้างโอกาสใหม่เติมเต็มช่องว่างทางการศึกษาและธุรกิจให้แก่ประเทศไทย กับเส้นทางของ Skooldio ที่เริ่มต้นเมื่อ 6 ปีที่แล้ว

Skooldio(สคูลดิโอ) เกิดจากคำว่า Skill/School/Studio โดย Skill นั่นหมายถึงทักษะสมัยใหม่ ส่วน School คือโรงเรียนสอนให้ความรู้ และ Studio เนื่องจากการเรียนเทคโนโลยีในปัจจุบันต้องเป็นการลงไม้ลงมือทำ โดยเป้าหมายของ Skooldio คือ ทักษะที่โลกต้องการมากที่สุดในตอนนี้  

ปัจจุบัน 'Skooldio' เป็นที่รู้จักในบทบาท Education Technology (EdTech) หรือเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ที่จะเข้ามาช่วยอัพสกิลให้กับคนรุ่นใหม่ คนวัยทำงาน ผู้บริหาร ที่ต่อไปจะช่วยสร้างองค์กรให้มี Work of The Future เพราะบริษัทเล็งเห็นว่าเทคโนโลยีดิจิตอล เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานในอนาคตของประเทศ

\'Skooldio(สคูลดิโอ)\'องค์กรEdTech  มุ่งสร้างธุรกิจไทยอยู่ได้อย่างยั่งยืน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ห้องเรียนออนไลน์ "Skooldio" แหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต

ปรับปรุงบ้าน-สร้างบ้านอย่างไร? ให้เหมาะสม ดูแลผู้สูงอายุรอบด้าน

'ของกินเล่น ของหวาน'สำหรับผู้สูงอายุ กินแล้วอร่อย ดีต่อสุขภาพ

พรูเด็นเชียล 'เลี้ยงถูก ลูกดี' เวลาทอง 0-6 ขวบ เสริมพัฒนาการเด็ก

 

Mindset ทำธุรกิจเพื่อคนรุ่นต่อไป

'ดร.ตาร์' บอกว่าโลกยุคเดิม ต้องการคนทำงานที่เก่งที่สุด มีประสบการณ์มากที่สุด ทำอย่างไรให้องค์กรเป๊ะ คม แต่โลกยุคนี้  เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว ลูกค้าเปลี่ยนเร็ว คู่แข่งเปลี่ยนเร็ว  วันแรกที่ไปทำงาน Facebook เมื่อได้ทำงานจริงๆ กลับพลิกความคิดของเขา การทำงานของ Facebook เป็นระบบที่มั่วเร็วๆให้ถูก มีการวิเคราะห์ข้อมูล ศึกษาพฤติกรรม แต่ไม่ได้มองว่าต้องทำจนเวิร์ค แต่ทำเลยและเก็บข้อมูล ปรับไปเรื่อยๆ และทำให้เกิดการขยับเขยื้อนได้เร็วขึ้น ทดลองได้เร็วขึ้น เจอสิ่งที่ลูกค้าชอบได้เร็วขึ้น

“การทำงานที่ Facebook ได้เรียนรู้เยอะมาก แต่เราอยากทำหลายๆอย่างที่มีผลต่อโซเซียล อิมแพค ถ้าเราอยู่ที่เฟสบุ๊ก เราสนุก แต่ถ้าเราลาออก เขาก็หาคนมาแทนได้เรื่อยๆ แต่ในเมืองไทย เรากลับมาแล้ว เรามีคุณค่ามากกว่าเดิม อีกทั้งเป็นจังหวะของชีวิต ช่วงเวลาที่กลับมา เทคโนโลยีก็กำลังเข้ามาในประเทศไทยและกลายเป็นธีมหลักของธุรกิจในประเทศ" 

\'Skooldio(สคูลดิโอ)\'องค์กรEdTech  มุ่งสร้างธุรกิจไทยอยู่ได้อย่างยั่งยืน

เมื่อมีการดิจิตอลดิสรัปชั่น นำเทคโนโลยีใหม่มาเปลี่ยนธุรกิจ จึงต้องการคนที่มีความรู้ ความเข้าใจด้านนี้ เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วมาก คนที่เรียนจบตอนนี้ไม่สามารถใช้ปริญญาใบเดียวแล้วจะหากินได้ตลอดชีวิต อย่างรุ่นเดียวกันที่จบวิศวะคอมพิวเตอร์ ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่มีไอโฟน ไม่มีสมาร์ทโฟน มีแต่โนเกีย เท่านั้น และจะให้คนรุ่นนั้นมายิงแอดใน Facebook หรือ Google ต้องเรียนรู้ใหม่ ซึ่งการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ จำเป็นต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่เรียกว่า Lifelong Learning นั้นถูกต้อง     

 

เส้นทาง 6 ปี ของ Skooldio      

การเรียนรู้ใหม่ๆ ในโลกยุคนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่จะทำอย่างไรให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ทุกคนอยากให้คนเก่งขึ้น ภาพใหญ่ประเทศไทยจะแข่งขันได้ต้องมีความท้าทายมากขึ้น คนไทยเป็นนักธุรกิจ บริษัทระดับโลกได้ ต้องมีศักยภาพและความสามารถ ทั้งหมดนี้ จึงเป็นที่มาในการทำ Skooldio

เส้นทางของ Skooldio เริ่มต้นเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ด้วยการนำ Online Learning Platform เข้ามาแต่ปรากฏว่าองค์กรไทย ธุรกิจไทย ไม่ได้เปิดรับมาก เวลาไปขายคอร์สเรียนกลับไม่มีคนซื้อ และขอให้หาคนไปยืนสอนหน้าห้อง ต้องไปจัดอบรม ซึ่งนี่คือวิธีคิดยุคก่อนโควิด ตอนนี้จึงเปลี่ยนจากออนไลน์มาเป็นออฟไลน์ โดยจะเป็นการเทรนนิ่ง วิชาใหม่ๆ เช่น Data , Design Thinking, User Experience Design ซึ่งเป็นศัพท์ใหม่ๆ ในโลกดิจิตอล

จนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ทุกอย่างล็อกดาวน์ ไม่มีการจัดเทรนนิ่ง หรือการจัดอบรมแบบออฟไลน์ Skooldio ก็ปรับตัวเองกลับมาออนไลน์ แต่การทำคอร์สออนไลน์ต้องใช้เวลา และต้องทำในรูปแบบ virtual ผ่าน zoom มีการทำโปรดักชั่นส์ เชิญอาจารย์มาถ่ายทำในสตูดิโอ ภาพมีความชัด สไลด์ต้องชัดเจน มีทีมตัดต่อ จัดแสง เพื่อทำให้น่าดู น่าติดตาม พบว่าผู้คนชื่นชอบมาก มีการขอมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน 

\'Skooldio(สคูลดิโอ)\'องค์กรEdTech  มุ่งสร้างธุรกิจไทยอยู่ได้อย่างยั่งยืน

“ตอนนี้เราเริ่มทำออนไลน์แพลตฟอร์มที่ใช้ได้มากกว่าลูกค้าของ Skooldio ซึ่งมีโจทย์ว่าจะทำอย่างไรให้เทคโนโลยีของเรา ต้องไม่มีข้อจำกัดใดๆ ในการนำไปใช้ ทำอย่างไรให้ถูกนำไปใช้มากขึ้น ซึ่ง Skooldio อยู่ในเครือLearn Corporation ซึ่งเป็นเครือที่ทำธุรกิจการศึกษา มีทั้งจัดการศึกษาในโรงเรียน และมีโรงเรียนของเราเอง อย่าง โรงเรียนสาธิตพัฒนา โจทย์สำคัญคือ ทำให้เทคโนโลยีไปช่วยธุรกิจการศึกษาให้ได้มากที่สุด จนตอนนี้ Skooldio กลายเป็น Skooldio Group. และมีบริษัทย่อย นั่นคือ Skooldio Tech รับทำระบบเรียนรู้ต่างๆ อาทิ ระบบโรงเรียน ระบบสอบ ระบบแนะแนว”

นอกจากนั้น Skooldio ยังได้ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในการจัดทำ แพลตฟอร์มออนไลน์ ที่เรียกว่า Degree Plus เพราะคุณค่าของมหาวิทยาลัยไทย ไม่ใช่เพียงความรู้ด้านวิชาการ แต่อาจารย์ต้องเป็น Facilitator หรือ ผู้นำกระบวนการเรียนรู้ และต้องมีการนำงานวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอนให้ได้ โดยเริ่มเน้นองค์ความรู้ที่เป็น Deep Tech มากขึ้น

เชื่อมสิ่งที่สอนตรงตลาดต้องการ

Sustainability ไม่ใช่เป็นเพียงกระแสเมกะเทรนด์ของโลกเท่านั้น แต่เป็นจุดเปลี่ยนโฉมหน้าธุรกิจ ในขณะที่ดิจิตอลดิสรัปชั่น ยังคงจู่โจมไปทั่วทุกอุตสาหกรรม จุดนี้ สตาร์ทอัพ อย่าง Skooldio จะเป็นหนึ่งในผู้นำขับเคลื่อนดิจิตอลเทคโนโลยีของประเทศไทย

เทคโนโลยีมีบทบาทจำนวนมาก อย่าง ในโลก Healthcare ที่ตอนนี้มีเรื่องปัญญาประดิษฐ์ AI ที่เข้ามาช่วยวินิจฉัย หรือหาคำตอบของโปรตีน DNA ของมนุษย์ และทุกคนต่างพูดถึง Climate change ,Green Energy(พลังงานสีเขียว) Carbon และพลังงานสะอาด ปัญหาระดับโลกเหล่านี้สามารถแก้ได้ด้วยเทคโนโลยี และเทคโนโลยีสามารถเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกัน ความยากของเราตอนนี้ คือ ทุกอย่างต้องมีความเป็นสหสาขาวิชามากขึ้น

“โลกของเทคโนโลยีจริงๆ จะมาเปลี่ยนจากภาพเดิมของเราให้กลายเป็นภาพใหม่ ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมากๆ มหาวิทยาลัย องค์กรมีความรู้ แต่อาจจะไม่มีวิธีพูดที่เซ็กซี่ หรือตอบโจทย์อุตสาหกรรมมากที่สุด เราในฐานะที่คลุกคลีกับอุตสาหกรรม กับธุรกิจต่างๆ ต้องจับมือกัน และนำความรู้ออกมาเพื่อตอบโจทย์บริษัท ทำให้ธุรกิจไทยทำงานได้ยั่งยืนมากขึ้น มีสิ่งแวดล้อมที่ดี มีประชากรที่เก่งขึ้น เพราะความยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยหลายๆ ด้านร่วมด้วย”

\'Skooldio(สคูลดิโอ)\'องค์กรEdTech  มุ่งสร้างธุรกิจไทยอยู่ได้อย่างยั่งยืน

ดร.ตาร์ทิ้งท้าย  Mindset ในการทำงานเพื่อความยั่งยืน ว่าการทำธุรกิจเพื่อเงิน เป็นเพียงความสำเร็จระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่ธุรกิจต้องทำคือมากกว่านั้น  จะทำอะไรเพื่อคนรุ่นต่อไป  ยิ่งเราทำเรื่องการศึกษา ทำแล้วชีวิตของผู้คนต้องดีขึ้น อาชญากรรมน้อยลง ทุกคนมีรายได้ดีขึ้น และทุกอย่างจะกลับมาที่องค์กรของเราเอง เราอยากให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายที่ 4 ของการพัฒนาที่ยั่งยืนด้วยการการสร้างหลักประกันว่าทุกคนมีการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างครอบคลุมและเท่าเทียม และสนับสนุนโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิตนั่นเอง

\'Skooldio(สคูลดิโอ)\'องค์กรEdTech  มุ่งสร้างธุรกิจไทยอยู่ได้อย่างยั่งยืน