“อินโนพาวเวอร์” ชูนวัตกรรม รุก 3 ธุรกิจหนุนพลังงานสะอาด
![“อินโนพาวเวอร์” ชูนวัตกรรม รุก 3 ธุรกิจหนุนพลังงานสะอาด](https://image.bangkokbiznews.com/uploads/images/md/2023/05/TWWMuooZauftSyGAaItn.webp?x-image-process=style/LG)
กลุ่มบริษัท กฟผ. ดันอินโนพาวเวอร์ ขับเคลื่อนโรดแมปมุ่งเปลี่ยนผ่านพลังงานแห่งอนาคตชู 3 แผนธุรกิจ ตั้งกองทุนพลังงานแห่งอนาคต เปิดแฟรนไชส์สถานีอัดประจุไฟฟ้า และให้บริการแพรตฟอร์มรายงานก๊าซเรือนกระจก คาดปี 66 บริษัทรับรู้กำไรเป็นปีแรก
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวในงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการของบริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด วันที่ 30 พ.ค.2566 ภายใต้ชื่องาน “INNOPOWER: THE IGNITION BEGINS” ว่า วิวัฒนาการของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด โดยปัจจุบันมีการใช้พลังงานจาก 3 เชื้อเพลิงหลัก ได้แก่ น้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติอย่างไรก็ตาม ช่วงเวลานี้กำลังเป็นช่วงของการเปลี่ยนผ่านพลังงานอีกครั้งไปสู่การใช้เชื้อเพลิงสะอาดและพลังงานหมุนเวียนอาทิ แสงอาทิตย์ ลม น้ำ ชีวมวล ไฮโดรเจน รวมไปถึงนิวเคลียร์
ทั้งนี้ การเปลี่ยนผ่านดังกล่าวมีตัวเร่งสำคัญคือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น ทำให้กว่า 140 ประเทศรวมถึงไทยได้ประกาศเป้าหมายก้าวสู่สังคมคาร์บอนเป็นศูนย์ในปี ค.ศ. 2065 ร่วมกันบนเวทีการประชุมภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 (COP26) ภาครัฐต้องเร่งผลักดันแผนพลังงานชาติ นโยบายสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ซึ่งเป็นสองเซคเตอร์หลักที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศ รวมทั้งการสร้างธุรกิจใหม่ที่มีความยืดหยุ่น
นายอธิป ตันติวรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีผู้ถือหุ้นร่วม 3 ฝ่าย ประกอบด้วย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH และ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด(มหาชน) หรือ EGCO โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นเรือธงสำคัญในการสร้างนวัตกรรมพลังงานและเทคโนโลยีแห่งอนาคตสำหรับประเทศไทย ซึ่งให้ความสำคัญกับ 3 เทคโนโลยีหลัก ได้แก่
1.พลังงานแห่งอนาคต ค้นหาเทคโนโลยีสำหรับการผลิตพลังงานสะอาด รวมทั้งการใช้พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดโดยที่ผ่านมาอินโนพาวเวอร์ได้มีการลงทุนในกองทุนและสตาร์ทอัพในต่างประเทศ เช่น Turntide Technologies สตาร์ทอัพในสหรัฐอเมริกาผู้พัฒนาเทคโนโลยีสมาร์ทมอเตอร์ประหยัดพลังงานซึ่งถูกออกแบบมาให้ใช้แร่ทองแดงน้อยลงในกระบวนการผลิตส่งผลให้มอเตอร์ดังกล่าวราคาไม่สูงแต่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นกว่า 30% นอกจากนี้ อินโนพาวเวอร์ยังได้รับสิทธิในการนำเทคโนโลยี สมาร์ทมอเตอร์มาใช้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
2.การเดินทางแห่งอนาคต ส่งเสริมการลงทุนและระบบนิเวศการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ผลักดันโครงการต้นแบบเมืองอัจฉริยะ (Smart City) โดยนำรถโดยสารที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า 100% มาใช้เป็นระบบ รวมถึงการร่วมมือ Wallbox สตาร์ตอัพรายใหญ่จากสเปน สร้างโมเดลธุรกิจด้านสถานีอัดประจุ
3.เทคโนโลยีด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น เทคโนโลยีกักเก็บคาร์บอนใต้พิภพ (Carbon Capture) การผลิตพลังงานหมุนเวียน หรือ Renewable Energy Certificate (REC) ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2565 ที่เริ่มดำเนินธุรกิจถึงปัจจุบัน บริษัทได้สนับสนุนการซื้อขายไฟฟ้าสะอาดไปแล้วมากกว่า 1.2 ล้าน REC
“ธุรกิจ REC ถือเป็นธุรกิจที่จะมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้าพลังงานสะอาดที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้บริษัทเริ่มรับรู้กำไรในบางเดือน โดยคาดว่าในปี 2566 บริษัทจะสามารถรับรู้กำไรได้ ซึ่งถือว่าเติบโตได้เร็วกว่าบริษัททั่วไปที่จะเริ่มทำกำไรในช่วง 3-4 ปี”
1.จัดตั้งกองทุน Energy Ignition Ventures โดยร่วมมือกับ TRIREC ซึ่งเป็นธุรกิจร่วมลงทุนจากประเทศสิงคโปร์ โดยมีแผนการลงทุนในสตาร์ทอัพกลุ่ม Decarbonization Technology อาทิ Mobility, Carbon Economy, Energy และAgriculture ที่มีการเติบโตมาแล้วระยะหนึ่ง (Growth Stage) และมีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Technology) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยุโรป อเมริกาเหนือ และอิสราเอล สำหรับกองทุนดังกล่าว อินโนพาวเวอร์วางเป้าหมายในการระดมทุนไว้เบื้องต้นที่ 100 ล้านดอลลาร์
2.เปิดตัวโมเดลธุรกิจสถานีชาร์จไฟฟ้าต้นแบบ (EV Charging Franchise) แพ็คเกจจัดตั้งสถานีชาร์จให้ภาคเอกชนร่วมลงทุนและเป็นเจ้าของ ดยใช้เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของ Wallbox ซึ่งมีคุณสมบัติในการอัดประจุพลังงานที่มีประสิทธิภาพ
“โดยปีนี้ตั้งเป้าให้มีการสร้าง 500 สถานี ทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าโมเดลธุรกิจนี้จะเป็นกลไกสำคัญในการขยายเครือข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้าให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศไทย และสนับสนุนให้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถเข้าถึง EV Station ได้สะดวกสบายขึ้น”
3.บริการแพลตฟอร์มรายงานก๊าซเรือนกระจก (GHG Reporting Platform) ซึ่งสามารถตรวจสอบสถานะการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร ทำให้องค์กรสามารถแก้ปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างตรงจุด ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก โดยบริษัทจะเปิดให้ภาคธุรกิจที่ใช้พลังงานสูงได้ใช้บริการฟรี และมีการเสนอโซลูชั่นเพื่อช่วยบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา
สำหรับการดำเนินการดังกล่าวเพื่อตอบรับกับแผนพลังงานชาติที่มีเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดจาก 25% เป็น 50% ของแผนพลังงานทั้งหมด และเดินหน้าประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2065 โดย“นวัตกรรม” คือหัวใจสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลง ที่ผ่านมาการเข้าถึงพลังงานสะอาดมีราคาสูง