'โรงเรียนหิมะอาร์กติก' ความหวังลดโลกร้อนของแคนาดา

โรงเรียนหิมะอาร์กติก ความหวังลดโลกร้อน เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างสถาบันสองแห่งคือ“ศูนย์วิจัยเซนติเนล นอร์ท” ของมหาวิทยาลัยลาวาล และ “กลุ่มวิจัยสหวิทยาการเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมขั้วโลก” จากมหาวิทยาลัยเชอร์บรูค ซึ่งทั้งสองสถาบันตั้งอยู่ในรัฐควิเบก ประเทศแคนาดา
โครงการนี้ มีเป้าหมายช่วยฝึกนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ให้สามารถแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศทางตอนเหนือได้
“มารี ดูมองต์” หนึ่งในกลุ่ม40 คนที่มีทั้งนักวิจัย นักเรียน และชาวพื้นเมืองอินูอิตหรือเอสกิโมที่เข้าเรียนในโรงเรียนหิมะอาร์กติก ซึ่งก่อตั้งช่วงต้นเดือน เม.ย. เป็นครั้งแรก ณ สถานีวิจัยไฮ อาร์กติก แคเนเดียน (CHARS)
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาดูมองต์ ทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิติดลบหลายองศา ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์และนักเรียนหลายสิบคน เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับหิมะในอาร์กติกมากขึ้น และศึกษาเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาท้าทายที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง
“อเล็กซานเดร ลังลอยส์” ผู้ร่วมริเริ่มโครงการและอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเชอร์บรูค บอกว่า การศึกษาหิมะอาร์กติกสามารถช่วยให้นักวิจัยเรียนรู้ว่าพืชอาร์กติกเปลี่ยนแปลงอย่างไร เข้าใจการดำเนินชีวิตของสัตว์ประเภทต่าง ๆ เช่น ค่างและกวางเรนเดียร์และความท้าทายใหม่ ๆ ที่ชาวเอสกิโมต้องเผชิญ
หนึ่งในแคมเปญภาคสนามของโรงเรียน มีการใช้เรดิโอมิเตอร์เพื่อเข้าใจ “ฝนตกบนหิมะ” มากขึ้น ซึ่งปรากฏกรณ์ดังกล่าวคือ การที่ฝนตกลงบนพื้นที่ที่มีหิมะ และแข็งตัวจนเป็นชั้นน้ำแข็ง ซึ่งเรดิโอมิเตอร์ใช้วัดพลังงานที่ออกมาจากหิมะ เพื่อระบุว่า ฝนตกในปริมาณมากเพียงใดและเปลี่ยนแปลงชั้นหิมะอย่างไรบ้าง
ลังลอยส์ กล่าวว่า อาร์กติกมีฝนตกบนหิมะมากขึ้น แต่ไม่ชัดเจนว่า สาเหตุเกิดจากอะไร เนื่องจากไม่มีข้อมูลภาคพื้นดิน และปรากฎการณ์นี้ยังสร้างความยากลำบากต่อการหาอาหารของกวางเรนเดียร์เพราะมีตะไคร่ฝังอยู่ในแผ่นน้ำแข็ง
ในระยะยาว ลังลอยส์ ย้ำกับสำนักข่าวอัลจาซีราห์ว่า เหตุการณ์นี้อาจทำลายโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ได้ออกแบบมารองรับสภาวะฝนตกบ่อย ๆ ได้ ซึ่งการประเมินความน่าจะเป็นและผลกระทบของฝนตกบนหิมะถือเป็นก้าวแรกในการร่วมกันคิดแก้ไขปัญหา
“ฟลอรองต์ โดมิเน” หนึ่งในออแกไนเซอร์ของโรงเรียนหิมะ และอาจรย์ผู้เชี่ยวชาญทางฟิสิกส์หิมะ จากมหาวิทยาลัยลาวาล บอกว่า การศึกษาหิมะอาร์กติกโดยเฉพาะ สามารถเติมเต็มช่องว่างในความรู้ด้านนี้ได้ เพราะมีการศึกษาน้อยมากเมื่อเทียบกับการศึกษาหิมะในแถบเทืิอกเขาแอลป์
ดูมองต์ นักวิจัยชาวฝรั่งเศสที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ศึกษาหิมะแอลป์ พบว่า หิมะแอลป์และหิมะอาร์กติกมีความแตกต่างกัน
นักวิจัยมักทำงานในพื้นที่ที่มีหิมะสูงมากกว่า 1 เมตร บนเทือกเขาแอลป์และด้วยอุณหภูมิที่สูงกว่า สามารถก่อให้เกิดฝนและน้ำแข็งละลายได้ แต่หิมะในอาร์กติกตื้นกว่าและค่อย ๆ ก่อตัวเพิ่ม เนื่องจากมีอุณหภูมิผันผวนอย่างมากตลอดทั้งสัปดาห์
ดูมองต์และทีมของเธอต้องทำงานวิจัยภาคสนามในอุณหภูมิตั้งแต่ -30 องศาเซลเซียสถึง -13 องศาเซลเซียส
นอกจากนี้ ปัจจัยต่าง ๆ ในอาร์กติกยังส่งผลกระทบต่อเครื่องมือของนักวิจัย จนทำให้คอมพิวเตอร์และสเปกโทรมิเตอร์ดับ หลังใช้งานไป 30 นาที เนื่องจากอากาศหนาวมาก ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องใหม่สำหรับดูมองต์
อย่างไรก็ดี การฝึกอบรมนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ เพื่อทำวิจัยหิมะภาคสนาม ถือเป็นโอกาสในการรับประโยชน์จากชุมชนชาวเอสกิโมท้องถิ่นที่มีประสบการณ์ชีวิตอยู่กับสภาพหิมะที่เปลี่ยนแปลงไป แทนการอาศัยข้อมูลที่เก็บจากการใช้เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว
“แอนเนลีส วอลลิง” นักศึกษาปริญญาโท ที่ศึกษาแม่น้ำรอบแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ จากมหาวิทยาลัยนิวแฮมเชียร์ และ “จูเลียต ออร์เทต” นักศึกษาปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยในฝรั่งเศสและแคนาดา ทั้งคู่เป็นนักเรียนในโรงเรียนหิมะ บอกว่า การมาเยือนหมู่บ้าน Iqaluktuuttiaq ในรัฐนูนาวุต ประเทศแคนาดา เป็นโอกาสในการเกี่ยวกับประสบการณ์ ทั้งขุดหลุมหิมะ สำรวจพื้นผิวของหิมะ เข้าใจระดับชั้นหิมะและสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อหิมะ ซึ่งเวลลิงและออร์เทต บอกว่า พวกเธอต้องการเข้าใจสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปที่เกี่ยวข้องกับชนพื้นเมืองด้วย
นอกจากนี้ โรงเรียนหิมะยังมีนักเรียนชาวเอสกิโม 3 คน ที่มาจากโครงการเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมจากวิทยาลัยนูนาวุตอาร์กติก และพรานชนพื้นเมืองกับชาวพื้นเมืองที่มีความรู้อีก 5 คน เข้าเรียนในโรงเรียนนี้ เพื่อเรียนรู้ว่าสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงส่งผลต่อวัฒนธรรม ประเพณี และแนวทางการใช้ชีวิตของพวกเขาอย่างไรบ้าง





