“ป้ายหาเสียงเลือกตั้ง” ปฏิบัติการสื่อสาร ซ่อนเงื่อนไขไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

การเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทย ไม่ใช่เเค่ความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่น่าสนใจแต่ในกิจกรรมใหญ่ระดับประเทศนี้มีประเด็นที่น่าสนใจด้านสิ่งแวดล้อมแอบซ่อนอยู่
ซึ่งในที่นี้คือ “ป้ายหาเสียง”เครื่องมือสื่อสารสำคัญที่จะเรียกคะแนนจากโหวตเตอร์ได้ แม้ยุคสมัยนี้การสื่อสารหลักของผู้คนส่วนใหญ่อยู่ที่หน้าจอเครื่องมือสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ที่เรียกว่า “โซเซียลมีเดีย”
คณะกรรมการการเลือกตั้งสหรัฐ (Federal Election Commission)ได้นำเสนอตัวอย่างป้ายหาเสียงที่เหมาะสมสำหรับการสื่อสารกับโหวตเตอร์ ซึ่งผู้สมัครสามารถนำไปใช้หาเสียงได้อย่างถูกกติกา และประสบความสำเร็จทางการสื่อสารในแง่การส่งสารถึงผู้รับสารได้อย่างถูกต้อง แม่นยำแต่ข้อเสนอแนะดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น
ทั้งนี้ ป้ายหาเสียงที่ไม่ชัดเจน มีการพิมพ์ตัวอักษรที่อ่านยาก หรืออยู่ในพื้นที่ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ง่าย เป็นป้ายหาเสียงที่ไม่ได้ทำหน้าที่ในการสื่อสารที่ดี
“ตัวหนังสือควรเป็นตัวพิมพ์ที่เรียงตัวแบบเท่ากัน box set ซึ่งจะอ่านง่ายทำให้เนื้อหาที่ต้องการจะบอกกับโหวตเตอร์สามารถสื่อสารได้ตรงตามที่ต้องการ ขณะเดียวกันตัวหนังสือก็ต้องมีขนาดที่อ่านง่าย เช่นเดียวกับสีที่ใช้ต้องเด่นจากพื้นหลัง ซึ่งอาจเป็นภาพของผู้สมัครหรือพื้นหลังทั่วไป”
จากคุณสมบัติที่ดีของป้ายหาเสียงในแง่รูปแบบ และการนำเสนอที่มีเงื่อนไขที่ชัดเจนแล้ว ในแง่วัสดุที่ใช้ทำป้ายหาเสียงก็พบว่ามีความสำคัญไม่แพ้กัน “กรุงเทพธุรกิจ” ลงพื้นที่สำรวจธุรกิจวัสดุเพื่อการสื่อสารพบว่า “ไวนิล” เป็นที่นิยมในการทำป้ายเพื่อการสื่อสารต่างๆ รวมถึงป้ายหาเสียงที่คาดว่าจะมีการสั่งซื้อ และนำไปประกอบเป็นป้ายหาเสียงจำนวนมาก เพราะไวนิล มีคุณสมบัติทนน้ำ ทนแสงแดด เพราะการหาเสียงจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน ป้ายข้อมูลผู้สมัครควรสามารถคงทนถาวรได้ในเวลาใกล้เคียงกัน
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากมูลนิธิโลกสีเขียว ระบุว่า ป้ายไวนิล ทำมาจากส่วนผสมของพลาสติกกับคลอรีน มีชื่อเต็มๆ ว่าโพลีไวนิลคลอไรด์ (Polyvinyl Chloride) และยังต้องใส่สารอื่นๆ เพื่อทำให้มีความคงตัว และสามารถขึ้นรูปได้ ไม่ว่าจะเป็น ตะกั่ว Phthalates และสารเคมีที่ช่วยชะลอการเผาไหม้
“การกำจัด พีวีซีหรือพลาสติกถือเป็นเรื่องเลวร้ายในการจัดการขยะที่ปลายทาง เพราะหากนำไปฝังกลบ สารต่างๆ ที่ช่วยให้พีวีซีคงตัวคงรูปอยู่ได้ ก็จะซึมเข้าสู่ดิน และถูกชะล้างไปกับน้ำใต้ดิน ปนเปื้อนแหล่งน้ำขนาดใหญ่ต่อไป หรือถ้าหากส่งเข้าระบบเตาเผา สารพิษไดออกซินก็จะถูกปล่อยออกมาสู่อากาศรอบๆ ต่อไป”
ดังนั้น การหาเสียงเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นหากไม่มีการจัดการที่ดีอาจสร้างปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมได้ ทำให้การจัดการสิ่งของเหลือใช้ที่จะเกิดขึ้นนี้จำเป็นต้องใช้ความเข้าใจ และระบบจัดการที่ดี
ข้อมูลจากสถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงราคาซื้อขายวัสดุรีไซเคิลว่า ขวด pet ใส = 10 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) , พลาสติกกรอบ = 4 บาทต่อกก., พลาสติกรวม = 5 บาทต่อกก. ถุงพลาสติกเนื้อ PE = 10 บาทต่อกก.,ขวด pet สี = 2 บาทต่อกก. ขณะที่อะลูมิเนียมกระป๋อง = 51 บาทต่อกก.อะลูมิเนียมฝาจุกแกะ = 37 บาทต่อกก.ปี๊บสังกะสี = 5.50 บาทต่อกก.
ภราดร จุลชาต ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สอท. กล่าวว่า การรีไซเคิลป้ายไวนิลจากการหาเสียงให้สามารถเป็นกระเป๋าที่เคยนำมาใช้เมื่อครั้งการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นแนวความคิดที่น่าสนใจแต่ในทางปฏิบัติต้องกลับไปประเมินอีกครั้งว่าสามารถช่วยลดปัญหาขยะได้จริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการจัดการป้ายหาเสียงที่ทำจากไวนิล ในปัจจุบันยังเป็นเรื่องที่ใหม่มาก
“การนำกลับมาใช้ ในประโยชน์ด้านอื่นๆ ที่ไม่ใช่เพื่อการหาเสียงน่าจะเป็นการใช้ประโยชน์จากป้ายหาเสียงต่างๆ ให้คุ้มค่าลดปริมาณขยะเหลือทิ้งลงไปได้บ้าง เพราะคุณสมบัติไวนิลคือ มีความคงทน และกันแดดกันน้ำได้”
นอกจากนี้ กรุงเทพธุรกิจ ได้ลงพื้นที่สำรวจการติดตั้งป้ายหาเสียงที่กำลังจะเกิดขึ้นพบว่าป้ายหาเสียงของแต่ละพรรคมีขนาดที่ลดลงเมื่อเทียบจากเมื่อก่อนลดการบดบังทัศนวิสัยการเดินบนทางเท้าลง ส่วนวัสดุที่ใช้ส่วนใหญ่ยังเป็นกรอบไม้ขึงด้วยแผ่นพลาสติกพิมพ์ข้อความ และรูปผู้สมัคร แต่ขนาดที่ลดลงจะลดปริมาณการใช้วัสดุต่างๆ ลง ซึ่งเป็นอีกแนวทางการลดการใช้ทรัพยากรต่างๆ ลงได้
จากการหาข้อมูลรูปแบบการหาเสียงเลือกตั้งในต่างประเทศพบว่า ประเทศญี่ปุ่นที่มีการรวมป้ายหาเสียงไว้ในที่เดียวกัน และมีขนาดเล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ขณะที่ประเทศแคนาดา ข้อมูลจากสำนักข่าวสปริงนิวส์ ระบุว่า ส่วนใหญ่ออกกฎว่าป้ายหาเสียงที่จะนำมาใช้นั้น พรรคการเมืองต้องใช้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ เช่น เฟรมของป้ายทำจากโลหะที่รีไซเคิลได้ และพลาสติกที่ใช้จะอยู่ใน 5 ประเภทได้แก่ โพลิโพรพิลีน พลาสติกลูกฟูก coroplast กระดาษแข็ง หรือไม้ เป็นต้น
แม้ว่าประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมจะยังไม่ใช่เรื่องใหญ่ของการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีก 1-2 เดือนจากนี้ แต่การเริ่มต้นที่การให้ความสำคัญในประเด็นดังกล่าวนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ซึ่งทุกพรรคการเมืองกำลังมองเห็นเงื่อนไขการหาเสียงใหม่ที่ไม่ใช่การมุ่งสื่อสารฝ่ายเดียวตามใจด้วยป้ายขนาดใหญ่เท่านั้น แต่การลดขนาดป้ายลง และเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมกำลังเป็นสัญญาณที่ดีที่ เราทุกคนจะไม่ผลิตขยะกองใหญ่จากการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นนี้
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







