ทั่วโลกเตรียมตัวให้พร้อม ญี่ปุ่นปล่อยน้ำเสียโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ

ทั่วโลกเตรียมตัวให้พร้อม ญี่ปุ่นปล่อยน้ำเสียโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ

รัฐบาลญี่ปุ่นกลับประกาศปล่อยน้ำเสียจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะลงทะเลในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนปีนี้ โดยปล่อยน้ำปริมาณกว่า 1 ล้านตันที่ได้รับการบำบัดแล้วจากโรงไฟฟ้าดังกล่าว

ท่ามกลางความวิตกกังวลด้านสภาพแวดล้อมที่ทุกคนรับรู้ได้ถึงสภาพอากาศเปลี่ยน อากาศรุนแรง หนาวจัด แล้งจัด แถมบางพื้นที่มีหลายฤดูในหนึ่งวัน แต่รัฐบาลญี่ปุ่นกลับประกาศปล่อยน้ำเสียจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะลงทะเลในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนปีนี้ โดยปล่อยน้ำปริมาณกว่า 1 ล้านตันที่ได้รับการบำบัดแล้วจากโรงไฟฟ้าดังกล่าว

"ฮิโรคาสุ มัตซูโนะ" หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นโฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น กล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 13 ม.ค. ว่าแผนการปล่อยน้ำเสียนี้ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) แต่รัฐบาลจะรอรายงานที่มีขอบเขตเนื้อหาที่ครอบคลุมของไอเออีเอ ที่เป็นหน่วยงานของสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ก่อนเริ่มปล่อยน้ำดังกล่าว

เมื่อเดือนเม.ย. ปี 2564 รัฐบาลญี่ปุ่นได้อนุมัติให้ปล่อยน้ำที่ผ่านการฉายรังสีมากกว่า 1 ล้านตัน จากโรงไฟฟ้าหลังการบำบัดลงสู่มหาสมุทร โดยระบุในขณะนั้นว่าการการปล่อยน้ำลงทะเลจะเกิดขึ้นในอีกประมาณ 2 ปี

ระบบทำความเย็นของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวและสึนามิในปี 2554 ถือเป็นอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เหตุการณ์ที่โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล
 

การปลดประจำการโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการและคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 40 ปี โรงไฟฟ้าแห่งนี้ผลิตน้ำที่ปนเปื้อนโดยเฉลี่ยวันละ 100 ลูกบาศก์เมตร ในช่วงเดือนเม.ย.ถึงเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นปริมาณที่ผสมผสานของน้ำใต้ดิน น้ำทะแล และน้ำฝนที่ซึมลงในพื้นที่ รวมถึงน้ำที่ใช้สำหรับการหล่อทำความเย็น

น้ำเหล่านี้ได้รับการกรองเพื่อขจัดนิวไคลด์กัมมันตรังสีต่างๆ และย้ายไปเก็บไว้ในถังสำหรับเก็บกัก โดยขณะนี้มีการเก็บน้ำไว้มากกว่า 1.3 ล้านลูกบาศก์เมตร และพื้นที่ก็ค่อยๆ น้อยลงทุกที

มัตซูโนะ คาดการณ์ว่า ช่วงเวลาในการปล่อยน้ำจะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ หรือฤดูร้อนที่จะมาถึง หลังจากที่อุปกรณ์ในการปล่อยน้ำติดตั้งเสร็จแล้ว และมีการทดสอบจนแน่ใจ ซึ่งไอเออีเอเผยแพร่รายงานที่บ่งชี้ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะรับประกันเรื่องความปลอดภัย และใช้มาตรการป้องกันทุกอย่าง
 

กระทรวงต่างประเทศของญี่ปุ่น ระบุเมื่อเดือนก.ค.ปีที่แล้วว่า หน่วยงานกำกับดูแลเห็นว่ามีความปลอดภัยเพียงพอที่จะปล่อยน้ำลงทะเล ซึ่งน้ำจะถูกกรองเพื่อกำจัดไอโซโทปส่วนใหญ่ออก โดยใช้เทคโนโลยีการบำบัดน้ำที่เรียกว่า “เอแอลพีเอส” (ALPS) แต่ยังคงมีร่องรอยของทริเทียม (tritium) ซึ่งเป็นไอโซโทป 1 ใน 3 ชนิดของอะตอมไฮโดรเจนที่แยกออกจากน้ำได้ยาก แต่จะไม่เป็นอันตรายหากปนเปื้อนในปริมาณน้อย

ไอเออีเอ ชี้แจงอีกว่า โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วโลกใช้กระบวนการที่คล้ายคลึงกันนี้ในการกำจัดน้ำเสียที่มีไอโซโทปและนิวไคลด์กัมมันตภาพรังสีในระดับความเข้มข้นต่ำ

อย่างไรก็ตาม แผนดังกล่าวได้รับการต่อต้านอย่างมากจากสหภาพแรงงานประมงท้องถิ่น เกี่ยวกับผลกระทบจากการปล่อยน้ำที่อาจมีต่อการดำรงชีวิตของพวกเขา ขณะที่หลายประเทศรวมถึงเกาหลีใต้และจีนก็แสดงความกังวลเช่นกัน

11 มี.ค.ปีที่แล้ว "แซม แอนเนสลีย์" ผู้อำนวยการบริหารกรีนพีซ ญี่ปุ่น แถลงในวันครบรอบ 11 ปีเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่น ที่ทำให้เกิดอุบัติภัยกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิว่า พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากหายนะภัยนิวเคลียร์ ยังคงมุ่งมั่นฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 11 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางวิกฤตการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนทั้งจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ สึนามิ  

ปัจจุบันยังคงมีความท้าทายใหญ่หลวงที่ต้องเผชิญ เนื่องจากญี่ปุ่นยังคงมีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 59 เครื่อง รวมเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ปิดทำงานอย่างถาวร และจนถึงสิ้นเดือนก.พ.ปี 2565 มีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 10 เครื่องที่เริ่มทำงานใหม่

แต่การผลิตกระแสไฟฟ้าจากนิวเคลียร์ไม่ใช่ทางออกของสังคมคาร์บอนต่ำและวิกฤตสภาพภูมิอากาศโลก  ที่กำลังเป็นข้อกังวลของหลายประเทศทั่วโลก แม้ว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะผลิตไฟฟ้าได้ปริมาณมาก แต่มีความเสี่ยงที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ 

ความเสี่ยงที่ว่าไม่จำกัดเพียงภัยพิบัติทางธรรมชาติและวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมในกรณีฟุกุชิมะเท่านั้น แต่ความเสี่ยงจะยกระดับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในระหว่างความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของโลก  เช่น ในกรณีของสถานการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซียในยูเครน

เอาใจช่วยรัฐบาลญี่ปุ่น ให้ดำเนินการปล่อยน้ำเสียจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ด้วยความรอบคอบ และคำนึงถึงความปลอดภัยของประชากรเป็นหลัก