นวัตกรรมกรีนโปรดักส์ “เอกา โกลบอล” รับเทรนด์โลกหนุนธุรกิจเติบโตยั่งยืน

นวัตกรรมกรีนโปรดักส์  “เอกา โกลบอล” รับเทรนด์โลกหนุนธุรกิจเติบโตยั่งยืน

การเติบโตของธุรกิจสามารถวัดได้จากตัวเลขผลกำไรจากยอดขาย และการคำนวณต้นทุนที่ฝั่งหนึ่งต้องทำให้ต่ำที่สุด และอีกฝั่งต้องทำให้สูงที่สุด นี่คือโมเดลธุรกิจ “รุ่นเก่า” ที่ไม่สามารถตอบเทรนด์ธุรกิจในปัจจุบันได้อีกต่อไป

ชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL)ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) เปิดเผยว่า ทิศทาง ปี 2566 มีทั้งโอกาส และความท้าทายของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั่วโลก  โดยมองเทรนด์ธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Growth) จะเป็นประเด็นสำคัญที่กำหนดทิศทางของตลาดทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจอาหารพร้อมรับประทาน (Ready-To-Eat) และอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet-Food) พรีเมียม สอดรับกับกระแสผู้บริโภคที่จะจริงจัง และเอาใจใส่สิ่งแวดล้อมที่เข้มข้นยิ่งขึ้น มีผลต่อตลาดทั่วโลกจะมีความชัดเจนด้านมาตรการเรียกเก็บภาษีคาร์บอนสินค้านำเข้าที่รวดเร็วขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการผู้ผลิต และส่งออกอาหารรายใหญ่ในไทยต่างออกมาประกาศปรับแผนธุรกิจเพื่อความยั่งยืนอย่างจริงจังในปี 2050

 

นวัตกรรมกรีนโปรดักส์  “เอกา โกลบอล” รับเทรนด์โลกหนุนธุรกิจเติบโตยั่งยืน

“ปีหน้า ธุรกิจพลาสติกแพ็กเกจจิ้งมีทั้งอุปสรรค และโอกาส โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจอาหารคน และอาหารสัตว์เลี้ยง มั่นใจว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะยังคงมีการบริโภคทุกๆ วัน และไทยเองก็เป็นฐานการผลิตอาหารสำคัญของโลก ไทยได้เปรียบกว่าประเทศอื่น แต่อุปสรรคที่เข้ามาท้าทาย ต้องจับตาดูกระแส Sustainable Growth ของธุรกิจพลาสติกแพ็กเกจจิ้ง เพราะทิศทางตลาดโลกมาทางนี้ เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ภาคธุรกิจจำเป็นต้องเตรียมตัวให้เร็ว หากล่าช้า ไม่สามารถโต้คลื่นอุปสรรคนี้ได้ ธุรกิจจะถูก disruption แน่นอน”

ทั้งนี้ เอกา โกลบอล กำหนดเป้าหมายในปี 2566 จะผลักดันยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม หรือ กรีนโปรดักส์ มากขึ้น โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทตระหนัก และเล็งเห็นเทรนด์แห่งอนาคตเพื่อความยั่งยืนของตลาดโลกมาโดยตลอด จึงเริ่มต้นคิดค้นวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม และประสบความสำเร็จจนเริ่มมียอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์กรีนโปรดักส์แล้วในปีนี้ ราวๆ 5% ของยอดขายรวม

สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมของบริษัท ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ Bioplastic (PLA) บรรจุภัณฑ์ Biodegradable ที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติทั้งหมด และสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกรีไซเคิล (PCR) หรือ เรซิน รีไซเคิล

“ตั้งแต่เริ่มต้นทำธุรกิจ บริษัทให้ความสำคัญกับ Sustainable Growth มาโดยตลอด มากกว่า 8 ปีของการทำธุรกิจแล้ว บรรจุภัณฑ์ของเราสามารถรีไซเคิลได้ 100% เรามีเป้าหมายจะช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ หรือปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากผลิตภัณฑ์ เราอยากขยายผลสำเร็จให้มากขึ้น "

ในปัจจุบัน บรรจุภัณฑ์ของเอกา โกลบอล ก็สามารถผลิตจากวัสดุไบโอเบสท์ (Bio-Based) ได้แล้ว แต่ทั้งนี้ ในการปรับเปลี่ยนของผู้บริโภคจะเป็นลักษณะค่อยๆ เปลี่ยน เพราะเป็นพลาสติกแพ็กเกจจิ้งเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ที่มีปริมาณการผลิตมหาศาล และในช่วงเริ่มต้น คนยังผลิตไบโอเบสท์ได้น้อย ทำให้ราคาต้นทุนจะแพงกว่าพลาสติกทั่วไป 3 เท่า แต่มั่นใจว่าในอนาคตอันใกล้ ทุกคนจะต้องเปลี่ยนแน่นอน และราคาต้นทุนมั่นใจว่าจะปรับตัวลดลง

ชัยวัฒน์ กล่าวว่าปี 2566 คาดว่ายอดขายของบริษัท จะแตะระดับ 1,800 ล้านบาท หรือ คิดเป็นอัตราการขยายตัวไม่ต่ำกว่า 25% ซึ่งเป็นการเติบโตจากผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่ม Bio Base ที่มั่นใจว่าจะเห็นการขยายตัวมากกว่าเท่าตัว หรือคิดเป็นสัดส่วนยอดขายที่ 10% จากปีนี้ อีกทั้งบริษัท มีปัจจัยบวกจากทิศทางการเติบโตตามอุตสาหกรรมโดยรวม โดยเฉพาะตลาดในประเทศไทยที่คาดการณ์ตลาดอาหารพร้อมรับประทาน (Ready-To-Eat) จะขยายตัวกว่า 5-10% ทุกปี และอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet-Food) พรีเมียม จะโตมากกว่า 25-30% ทุกปี

ส่วนแนวโน้มยอดขายในปี 2565 คาดว่าจะเห็นตัวเลขแตะระดับ 1,400-1,500 ล้านบาท นับเป็นการเติบโตมากกว่า 30-35% จากปี 2564 ที่ทำได้ราวๆ 900-1,000 ล้านบาท

“นับตั้งแต่ปี 2562-2565 บริษัทมีการเติบโตก้าวกระโดดมาโดยตลอด คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 200% แล้ว จากยอดขาย 200-300 ล้านบาทในปี 2562 ขยับขึ้นมาที่ระดับ 600-700 ล้านบาท ในปี 2563 และ 900-1,000 ล้านบาทในปี 2564 และปีนี้ ก้าวกระโดดมาที่ 1,400-1,500 ล้านบาท ซึ่งในปีหน้า มั่นใจว่าจะเป็นหนึ่งปีที่ยอดเยี่ยมของบริษัท ที่จะเห็นความสำเร็จจากกลุ่มสินค้า Bio Base ”

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์