ซีพีเอฟ ตั้งทีม ดันนโยบาย Net Zero สู่ความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อาหาร

ซีพีเอฟ ตั้งทีม ดันนโยบาย Net Zero สู่ความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อาหาร

ซีพีเอฟ ตั้งทีม ทำบิ๊กดาต้า ด้าน Net Zero พร้อมส่งต่อความสำเร็จสู่สังคม หลังโดมดับกลิ่นฟาร์มหมูลดปล่อยก๊าซมีเทน แถมได้พลังงานหมุนเวียนได้ถึง 50% เล็งลดใช้ถ่านหินภายในปีนี้

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ  ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ  เปิดเผยในการอภิปราย หัวข้อ “The Planet: Sustainability as Core Corporate Strategy” เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ และแนวคิดในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และไม่ส่งผลเสียต่อโลก ใน งาน“Sustainability Forum 2022: The People and the Planet”  ว่า แต่ละปี ซีพีเอฟทำรายได้ ประมาณ  6 แสนล้านบาท  ในจำนวนนี้  75 % มาจากต่างประเทศ ทั้งการเข้าไปลงทุน 17  ประเทศ และการส่งออกจากประเทศไทยกว่า  40 ประเทศ   

ซีพีเอฟ ตั้งทีม ดันนโยบาย Net Zero สู่ความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อาหาร

ซีพีเอฟ ตั้งทีม ดันนโยบาย Net Zero สู่ความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อาหาร

 

 การลงทุนในต่างประเทศนั้น  มีข้อดีที่ทำให้รู้ว่าเทรนด์ในโลกจะเกิดอะไรขึ้น  จึงมีโอกาสได้เตรียมความพร้อม  และในฐานะ Leadership หรือ Leader ทำให้ ซีพีเอฟ พัฒนาตัวเองตลอดเวลา ทั้งด้านมาตรฐาน และBeyond สิ่งที่เป็นความต้องการของลูกค้าให้ได้มากกว่านั้นไปอีก  ทั้งหมดเป็นโอกาส ที่ทำให้เกิดการปรับปรุงและเป็นความท้าทายของบริษัท

 กรณี Sustainability นั้น ซีพีเอฟ ทำมานาน ตั้งแต่ยังไม่มีคำว่า Sustainability ด้วยซ้ำ ด้วยกฎระเบียบ และความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน และสิ่งแวดล้อม เช่นเมื่อ  20 ปีที่ผ่านมา ทาง เทสโก้ UK ต้องการซัพพลายไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่  อุตสาหกรรมไก่เนื้อที่ต้องมีมาตรฐาน Animal Welfare   โดยต้องสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดกระบวนการผลิต  ถ้ากระบวนการจัดการของไม่ได้มาตรฐานเพียงพอ จะรีเจ็คทั้งล็อตเลย

                ต่อมากฎระเบียบต่างๆ จะเกี่ยวข้องกับเรื่องสังคม โดยซีพีเอฟ จากที่ซีพีเอฟเคยซื้อข้าวโพดที่ปลูกในพื้นที่ป่า ถึง 60 % ปัจจุบัน ประกาศการรับซื้อข้าวโพดที่มาจากพื้นที่ ที่ถูกกฎหมายเท่านั้น มูลค่าประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท ด้านแรงงานต่างชาติต้องมีดูแลมีที่พัก มีสวัสดิการ และไม่ก่อภาระหนี้ เรียกว่า Net Free Labor  เป็นเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งซีพีเอฟดูแลกันมานาน

                  และปัจจุบัน ซีพีเอฟทำไปอีกขั้น คือการจ้าง Third Party  เป็น NGOs  ดูแลแรงงานต่างชาติ  เป็น Call Center ในการ คอมเพลนบริษัท ว่าสามารถดูแลแรงงานได้อย่างถูกต้องตามมาตรฐานที่ตกลงกันหรือไม่ และนำเอกข้อมูล ไปบอกลูกค้าได้  ในขณะที่แรงงานไทย ก็ดูแลอย่างเท่าเทียมกันหมด

ซีพีเอฟ เห็นความสำคัญของนโยบาย Net Zero หรือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์  หรือให้บรรลุ  ความตกลงปารีส (Paris Agreement) ลด 1.5 องศาเซลเซียล  จึงตั้งทีมขึ้นมาดูแลเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ เพื่อเก็บข้อมูล วิเคราะห์ และนำไปปฏิบัติ เป็นบิ๊กดาต้าเพื่อขับเคลื่อนเรื่องสิ่งแวดล้อม ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทั้งปัจจุบัน และอนาคต

 ซึ่งที่ผ่านมา ซีพีเอฟดำเนินการที่สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าวมาตลอด จากการเลี้ยงสุกรที่มีปัญหาเรื่องกลิ่น ได้คิดค้นการสร้างโดมกักเก็บขี้หมู ซึ่งทำให้เกิดผลพลอยได้คือ สามารถลดการปล่อยก๊าซมีเทน 5.75 แสนตันCO2e ซึ่งรุนแรงกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ ถึง 25 เท่า โดยเอาสามารถนำมาเป็นไฟฟ้าเพื่อใช้ในฟาร์มได้ถึง 50 %  รวมทั้งได้ ชีวมวล

 ซึ่งแต่ละฟาร์มได้ติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งหมดนี้ ซีพีเอฟมีเป้าหมายในปีนี้ที่จะลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล หรือพลังงานถ่านหิน จาก 5.09 ล้านกิกะจูล หรือ 45 % เป็น  0 % โดยจะทดแทนเป็นการใช้พลังงานหมุนเวียน   ที่ปัจจุบันมีสัดส่วน 27 % หรือ 3.07 กิกะจูล ที่เหลือเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้า 28 % หรือ 3.16 ล้านกิกะจูล"

                นายประสิทธิ์  กล่าวว่า ความสำเร็จ ของซีพีเอฟ ด้านความยั่งยืนนี้ มีความพร้อมที่จะสนับสนุนให้เกษตรกรที่เป็นคอนแทคฟาร์มมิ่ง รวมทั้งคู่ค้า นำไปใช้ ในขณะเดียวกันซีพีเอฟมั่นใจว่า ประเทศผู้เข้าก็จะสนับสนุนให้ซีพีเอฟดำเนินการเช่นกัน  ซึ่งการที่ซีพีเอฟดำเนินการไปก่อนนั้นจะเป็นข้อได้เปรียบเชิงการค้า  ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเจรจากับเยอรมนีในงานแสดงสินค้าอาหารที่ ซีพีเอฟไปออกบูธจัดงานด้วย ซึ่งการในเวทีเจรจามีการต่อรองราคาเป็นเรื่องปกติ แต่หลังจากที่ลูกค้าออกมาชมบูธ ที่บอกเล่าเรื่องกระบวนการผลิตที่ดูแลสิ่งแวดล้อม ทำให้การเจรจาต่อรองด้านราคาง่ายขึ้น เนื่องจากยุโรปให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมาก        

                ทั้งหมดนี้มองดูแล้วอาจเป็นการลงทุนที่ยั่งยืน หรือ ESG แต่จริงๆ แล้วในเครือ หรือซีพีกรุ๊ป เรียกสิ่งนี้ว่า สามประโยชน์ คือ การทำธุรกิจต้องก่อให้เกิดประโยชน์ 3 อย่างขึ้นมาคือ ปรัชญา 3 ประโยชน์ของท่านประธานอาวุโส ท่านประธาน ธนินท์ เจียรวนนท์   คือ สินค้าที่เราพัฒนาขึ้นมามีประโยชน์กับผู้บริโภคของบริษัท   สิ่งที่ทำขึ้นต้องทำให้สังคมที่บริษัทเข้าไปอยู่ ไปเกี่ยวข้องเกิดประโยชน์  และธุรกิจที่ทำต้องก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ

                สิ่งที่ ซีพีเอฟออกไปลงทุนในต่างประเทศนั้น สิ่งที่ได้ และเห็นชัดคือ เรื่อง Food Security ความมั่นคงทางอาหาร การมีอาหารเพียงพอ ซึ่งประเทศต่างๆ มีความกังวลในเรื่องนี้มาก  เช่น ญี่ปุ่น ที่การผลิตอาหารมีน้อยไม่เพียงพอกับความต้องการในประเทศ อาศัยการนำเข้าเป็นหลัก จึงใช้ไทยเป็นฐานการผลิต   สิงคโปร์ ที่พึ่งพามาเลเซีย และมีปัญหาเมื่อเกิดโควิดระบาด จึงประกาศงดส่งออก

               

        

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์