‘ช้อปดีมีคืน’ ลดหย่อนภาษีต้นปี 2569 จ่อสะดุดยาว รอเลือกตั้งใหม่

‘ช้อปดีมีคืน’ ลดหย่อนภาษีต้นปี 2569 จ่อสะดุดยาว รอเลือกตั้งใหม่

“คลัง” ส่งสัญญาณ ‘ช้อปดีมีคืน - Easy E-Receipt’ ต้นปี 2569 ส่อแววสะดุดยาว ติดกฎหมาย รัฐบาลรักษาการ หลังยุบสภา ห้ามเคาะมาตรการผูกพันงบ-กระทบรายได้รัฐ ดับฝันนักช้อป-มนุษย์เงินเดือน

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงแนวโน้มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงต้นปี 2569 ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะ ไม่มีการออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายเพื่อ ลดหย่อนภาษี ในลักษณะโครงการ "ช้อปดีมีคืน" หรือ "Easy E-Receipt" (อีซี อี-รีซีทท์) เหมือนที่เคยดำเนินการเป็นประจำทุกช่วงต้นปีที่ผ่านมา

สาเหตุหลักเนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันที่อยู่ในช่วงของ "รัฐบาลรักษาการ" ภายหลังการยุบสภา ซึ่งตามข้อกฎหมายของรัฐธรรมนูญระบุขอบเขตอำนาจหน้าที่ไว้อย่างชัดเจนว่า รัฐบาลรักษาการไม่สามารถอนุมัติโครงการหรือมาตรการใหม่ใดๆ ที่จะมีผลผูกพันไปถึงรัฐบาลชุดหน้า หรือเป็นโครงการที่ส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ภาษีของรัฐอย่างมีนัยสำคัญได้

"การออกมาตรการลดหย่อนภาษีถือเป็นนโยบายทางการคลัง ที่จำเป็นต้องผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีอำนาจเต็มเท่านั้น ดังนั้น ในช่วงสุญญากาศที่ยังไม่มีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารงานราชการแผ่นดิน มาตรการเหล่านี้จึงจำเป็นต้องถูกระงับไว้ก่อนตามระเบียบและข้อบังคับทางการเมือง" แหล่งข่าวระบุ

ทั้งนี้ หากพิจารณาสถิติการใช้สิทธิในช่วงปีที่ผ่านมา พบว่ามาตรการลดหย่อนภาษีได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างล้นหลาม โดยในโครงการครั้งล่าสุดมีผู้เสียภาษีเข้าร่วมใช้สิทธิมากกว่า 1.5 ล้านราย และสามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้มากกว่า 50,000 ล้านบาท

นอกจากเม็ดเงินที่สะพัดแล้ว มาตรการดังกล่าวยังเป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และเป็นแรงจูงใจที่ทำให้ร้านค้าขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) เร่งปรับตัวเข้าสู่ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการใบกำกับภาษีไปใช้สิทธิลดหย่อน

เงื่อนไขเดิมที่อาจไม่ได้เห็นในปี 69 สำหรับรูปแบบโครงการ Easy E-Receipt ในปีล่าสุด รัฐบาลได้เปิดให้นำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการมาหักลดหย่อนภาษีได้ตามจริงสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท โดยต้องเป็นการใช้จ่ายในช่วงวันที่ 16 ม.ค.-28 ก.พ. 68 เพื่อนำไปใช้ยื่นภาษีในช่วงต้นปี 2569 โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือใบกำกับภาษีต้องเป็นรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) หรือ e-Receipt เท่านั้น ไม่รับกระดาษ

แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1. วงเงินไม่เกิน 30,000 บาท สำหรับร้านค้าทั่วไปที่จด VAT และ 2. วงเงินไม่เกิน 20,000 บาท สำหรับสนับสนุนสินค้า OTOP หรือสินค้าจากวิสาหกิจชุมชน สินค้าที่เข้าร่วมครอบคลุมสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า อาหาร หนังสือ และ e-book

ขณะที่สินค้าที่ไม่เข้าร่วม อาทิ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ น้ำมันเชื้อเพลิง รถยนต์ และค่าสาธารณูปโภค (ค่าน้ำ-ค่าไฟ-ค่าโทรศัพท์)

อย่างไรก็ตาม จากข้อจำกัดทางกฎหมายของรัฐบาลรักษาการ ทำให้ผู้เสียภาษีอาจต้องรอลุ้นนโยบายจากรัฐบาลชุดใหม่หลังการเลือกตั้ง ว่าจะมีการปัดฝุ่นหรือออกมาตรการทดแทนในช่วงเวลาอื่นของปีหรือไม่