’คลัง‘ ชงกกต.-กฤษฎีกา ขอมติ เดินหน้าเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะเทรดทองออนไลน์

’คลัง‘ ชงกกต.-กฤษฎีกา ขอมติ เดินหน้าเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะเทรดทองออนไลน์

“คลัง” เดินหน้ามาตรการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะ เทรดทองออนไลน์ สกัดบาทแข็ง-เก็งกำไร ชงกฤษฎีกา-กกต. ชี้ขาดอำนาจรัฐบาลรักษาการ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าแนวทางการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะ สำหรับธุรกรรมการซื้อขายเก็งกำไรทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่า ว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังเตรียมเสนอเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาข้อกฎหมายอย่างเร่งด่วน ว่าการดำเนินการจัดเก็บภาษีดังกล่าวสามารถกระทำได้หรือไม่ในช่วงที่ยังเป็นรัฐบาลรักษาการ เนื่องจากเป็นนโยบายที่ต้องเสนอขอมติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อน

แหล่งข่าวระบุว่า แม้ตามหลักการในช่วงที่เป็นรัฐบาลรักษาการ จะไม่ควรนำเสนอนโยบายหรือมาตรการเศรษฐกิจใดๆ ที่มีผลผูกพันไปถึงรัฐบาลชุดหน้า แต่ประเด็นเรื่องค่าเงินบาทถือเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนและต้องรีบดำเนินการ เพราะมีผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออกและระบบเศรษฐกิจของประเทศในระดับสูง

"ที่สำคัญการซื้อขายทองคำในปัจจุบันยังมีความเป็นอิสระมากเกินไป การนำมาตรการภาษีธุรกิจเฉพาะมาใช้ จะช่วยชะลอความร้อนแรงและลดผลกระทบต่อค่าเงินได้ จึงมีความจำเป็นต้องเสนอขอความเห็นจากกฤษฎีกา และ กกต. ให้เกิดความชัดเจนในข้อกฎหมายก่อนเดินหน้า"

ทั้งนี้ สาเหตุหลักที่ต้องเร่งนำมาตรการภาษีมาใช้ เนื่องจากที่ผ่านมาปริมาณการซื้อขายทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มีมูลค่าสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมียอดเฉลี่ยสูงถึงวันละ 65,000 ล้านบาท แซงหน้าปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เฉลี่ยวันละ 40,000 กว่าล้านบาท และในบางช่วงยังเคยทำสถิติซื้อขายสูงสุดแตะระดับ 2.6 แสนล้านบาทต่อวัน

โดยรูปแบบการซื้อขายเก็งกำไรทองคำ ซึ่งมีการขายดอลลาร์สหรัฐเพื่อมาซื้อเงินบาท แม้จะเป็นเพียงเหตุผลหนึ่ง แต่ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่าเงินบาทของไทยมีความเคลื่อนไหวผันผวน และไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แท้จริง

เล็งเก็บรายใหญ่-เก็งกำไรสั้น

สำหรับรูปแบบมาตรการเบื้องต้น จะมุ่งเน้นการจัดเก็บภาษีจากการขายทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีลักษณะรอบการซื้อขายรวดเร็ว หรือการเก็งกำไรระยะสั้น โดยจะพิจารณาเก็บตามจำนวนครั้งที่ซื้อขาย ซึ่งเชื่อว่าการเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจะช่วยเพิ่มต้นทุนในการเก็งกำไร ทำให้ปริมาณธุรกรรมลดลง และช่วยประคองเสถียรภาพค่าเงินบาทให้ดียิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังยืนยันว่า การเก็บภาษีดังกล่าว จะไม่ส่งผลกระทบต่อนักเก็งกำไรรายย่อย หรือการซื้อขายทองคำรูปพรรณตามร้านทองทั่วไป รวมถึงธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ โดยเป้าหมายหลักจะเน้นไปที่นักลงทุนรายใหญ่ที่มีการเก็งกำไรซื้อขายในระดับร้อยล้านบาท หรือพันล้านบาท พร้อมกับการกำหนดเงื่อนไขช่วงเวลา หากมีการซื้อขายเร็วเกินกำหนดจะต้องเสียภาษี เป็นต้น

เพดานภาษีธุรกิจเฉพาะสูงสุด 3% 

ในส่วนของอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะที่จะจัดเก็บจากธุรกรรมซื้อขายทองออนไลน์นั้น ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน แต่หากเทียบเคียงกับโครงสร้างปัจจุบัน ประเทศไทยมีการกำหนดเพดานการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะสูงสุดไม่เกิน 3% อาทิ ธุรกรรมดอกเบี้ย, ค่าธรรมเนียมธนาคาร และการขายอสังหาริมทรัพย์ก่อนครบ 5 ปีแรก จะเสียภาษีที่อัตรา 3%

ขณะที่ธุรกิจประกันชีวิต และโรงรับจำนำ เสียภาษีที่อัตรา 2.5% นอกจากนี้ ตามกฎหมายเมื่อมีการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะแล้ว ผู้ประกอบการจะต้องบวกภาษีท้องถิ่นเพิ่มอีก 10% ของยอดค่าภาษีที่ต้องจ่ายในทุกครั้งอีกด้วย