เมกะโปรเจกต์ยักษ์ 'แลนด์บริดจ์' รอ 'รัฐบาลใหม่' จุดพลุในปี 69

เมกะโปรเจกต์ยักษ์ 'แลนด์บริดจ์' รอ 'รัฐบาลใหม่' จุดพลุในปี 69

โครงการแลนด์บริดจ์ (Landbridge) หรือ โครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงการขนส่งทางทะเลระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน เป็นอีกหนึ่งเมกะโปรเจกต์ที่ต้องจับตาว่าจะเกิดการลงทุนอย่างเป็นรูปธรรมในปี 2569 ภายใต้การขับเคลื่อนของรัฐบาลใหม่หรือไม่

KEY

POINTS

  • โครงการแลนด์บริดจ์กำลังรอการผลักดันจากรัฐบาลใหม่ โดยเฉพาะร่าง พ.ร.บ.ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC) ซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญที่หยุดชะงักไปหลังการยุบสภา
  • กระทรวงคมนาคมตั้งเป้าหมายให้โครงการสามารถเปิดประมูลให้เอกชนร่วมลงทุนและเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 2569
  • ล่าสุดปรับแผนการลงทุนและขนาดโครงการให้เล็กลงเพื่อรับมือกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ทำให้วงเงินลงทุนลดลงเหลือ 9.9 แสนล้านบาท จากเดิม 1 ล้านล้านบาท
  • รูปแบบการลงทุนจะเป็นแบบ PPP สัญญาสัมปทาน 50 ปี โดยเปิดประมูลให้เอกชนรายเดียวบริหารท่าเรือทั้งสองฝั่ง (ระนองและชุมพร) ในสัญญาเดียว

โครงการแลนด์บริดจ์ (Landbridge) หรือ โครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงการขนส่งทางทะเลระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน เป็นอีกหนึ่งเมกะโปรเจกต์ที่ต้องจับตาว่าจะเกิดการลงทุนอย่างเป็นรูปธรรมในปี 2569 ภายใต้การขับเคลื่อนของรัฐบาลใหม่หรือไม่

เนื่องจากไทม์ไลน์ตามที่กระทรวงคมนาคมประเมินไว้ก่อนหน้านี้ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ศึกษาการลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ โดยดำเนินการในกระบวนการจัดทำเอกสารประกวดราคาควบคู่ไปกับการผลักดันร่าง พ.ร.บ.ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ พ.ศ….. (พ.ร.บ.SEC) ซึ่งประเมินว่าจะสามารถจัดเตรียมเอกสารเพื่อประกาศประกวดราคา (ทีโออาร์) เปิดประมูลให้เอกชนร่วมลงทุนและเริ่มก่อสร้างภายในปี 2569

โดนสถานะของ พ.ร.บ.SEC ซึ่งจะเป็นกฎหมายหลักในการขับเคลื่อนแลนด์บริดจ์ ปัจจุบันจัดทำร่าง พ.ร.บ.แล้วเสร็จ และเตรียมที่จะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตั้งแต่สมัยรัฐบาลเพื่อไทย จนต่อมามีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลมาในสมัยของรัฐบาลในสมัยรัฐบาลภูมิใจไทยกระทรวงคมนาคมได้มีการนำร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรวบรวมเสนอ ครม. แต่มีการประกาศยุบสภาก่อน ดังนั้นคาดการณ์ว่า พ.ร.บ.SEC จะกลับมาถูกผลักดันอีกครั้งในรัฐบาลใหม่นี้

สำหรับโครงการแลนด์บริดจ์ สนข.จัดสัมมนาสรุปผลการศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่แล้วเสร็จ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับโครงการ แต่ก็มีประชาชนบางกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินโครงการ และได้ร่วมแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อห่วงกังวล

นอกจากนี้ สนข.ได้ศึกษาถึงผลกระทบที่อาจส่งผลต่อการลงทุนในโครงการ พบว่าสถานการณ์ปัจจุบันมีปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบ อาทิ ผลกระทบทางเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น นโยบายการคลังเข้มงวด และความไม่แน่นอนเชิงนโยบายที่กระทบต่อการลงทุนของเอกชน รวมไปถึงนโยบายของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ กำแพงภาษีต่างๆ ผลจากสงครามรัสเซีย - ยูเครน และนโยบายการเงินการคลัง การปรับดอกเบี้ยของ FED และ ECB ทำให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น

ทั้งนี้ สนข.คาดการณ์ปริมาณขนส่งสินค้าที่มีโอกาสมาใช้ท่าเรือแลนด์บริดจ์ปรับลดลงจากผลการศึกษาเดิม แบ่งเป็น

ระยะที่ 1/1 (ปี 2573-2574) ปริมาณสินค้ารวมที่ท่าเรือระนอง 3.750 ล้าน TEUs และท่าเรือชุมพร 3.765 ล้าน TEUs

ระยะที่ 1/2 (ปี 2575-2577) ปริมาณสินค้ารวมที่ท่าเรือระนอง 8.132 ล้าน TEUs และท่าเรือชุมพร 8.067 ล้าน TEUs

ระยะที่ 1/3 (ปี 2578-2596) ปริมาณสินค้ารวมที่ท่าเรือระนอง 14.092 ล้าน TEUs และท่าเรือชุมพร 13.835 ล้าน TEUs

ระยะที่ 2 (ปี 2597-2622) ปริมาณสินค้ารวมที่ท่าเรือระนอง 20.000 ล้าน TEUs และท่าเรือชุมพร 20.000 ล้าน TEUs

โดยจากปัจจัยแวดล้อมและสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปทำให้ สนข.ปรับแผนการพัฒนาท่าเรือแลนด์บริดจ์ใหม่ ปรับขนาดการก่อสร้างให้ลดลงจากเดิม เช่น ระยะที่ 1/1 รองรับตู้สินค้าสูงสุด 4 ล้าน TEUs จากแผนเดิมลงทุนก่อสร้างระยะที่ 1/1 เพื่อรองรับตู้สินค้าสูงสุด 6 ล้าน TEUs แต่แผนลงทุนทั้งหมดยังคงเป้าหมายพัฒนาแลนด์บริดจ์ให้รองรับตู้สินค้าสูงสุด 20 ล้าน TEUs

ทั้งนี้ การปรับขนาดการก่อสร้างแลนด์บริดจ์ส่งผลให้ สนข.ประเมินวงเงินการลงทุนลดเหลือ 9.9 แสนล้านบาท จากแผนเดิมประเมินไว้ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งจะศึกษาพัฒนาในระยะที่ 1 ทั้ง 3 ระยะ แบ่งเป็น

ระยะที่ 1/1 (ปี 2573-2574) มูลค่าการลงทุน 6.17 แสนล้านบาท

ระยะที่ 1/2 (ปี 2575-2577) มูลค่าการลงทุน 1.74 แสนล้านบาท

ระยะที่ 1/3 (ปี 2578-2596) มูลค่าการลงทุน 2.05 แสนล้านบาท

ระยะที่ 2 (ปี 2597-2622) ยังไม่มีการประเมินแผนลงทุน เนื่องจากจะต้องรอให้มีการพัฒนาแผนระยะที่ 1 ให้แล้วก่อน

สำหรับรูปแบบการลงทุน ปัจจุบัน สนข.ศึกษาความเหมาะสมโดยจะเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการรัฐ (PPP) ลักษณะ PPP Net cost สัญญาสัมปทาน 50 ปี โดยการเปิดประมูลใช้หลักการ One Port Two Sides ดำเนินการก่อสร้าง และบริหารงานพร้อมกันทั้งโครงการในสัญญาเดียว

ส่วนผู้เข้ามาลงทุนจะต้องมีประสบการณ์ในการบริหารท่าเรือ และสายการเดินเรือ เพื่อดึงสินค้าเข้ามาใช้บริการท่าเรือ และจะต้องมีความพร้อมด้านเงินทุนเพื่อลงทุนในโครงการ

สำหรับนักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างชาติที่สนใจเข้าร่วมโครงการ โดยมีการเข้าร่วมรับฟังข้อมูลในโครงการแลนด์บริดจ์ช่วงที่ผ่านมา อาทิเช่น

บริษัท ไชน่า ฮาร์เบอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)

บริษัท ดีพี เวิลด์ โลจิสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด

บริษัททรานส์เวิลด์ จีแอสเอส (ประเทศไทย) จำกัด

บริษัทมิตซุยแอนด์คัมปนี (ไทยแลนด์) จำกัด

บริษัทสหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน)

European Association for Business and Commerce

นอกจากนี้มีเอกชนผู้ประกอบการสายการเดินเรือที่ให้ความสนใจ เช่น

บริษัท เมดิเตอร์เรเนียน ชิปปิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด

บริษัท เอชเอ็มเอ็ม (ประเทศไทย) จำกัด

บริษัท เอเวอร์กรีน ชิปปิ้ง เอเยนซี่ (ไทยแลนด์) จำกัด

บริษัท อีสเทิร์น ซี แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด